Blink Blink
Latest news
AsiaMG

MG เดินหน้าขยายโชว์รูมและศูนย์บริการ ตั้งเป้า 170 แห่งในปีนี้

แผนงานขยายเครือข่ายผู้จำหน่าย ในปีที่ผ่านมา บริษัทฯ สามารถขยายโชว์รูมและศูนย์บริการมาตรฐานได้ครบ 150 แห่ง ตามแผนงานที่วางไว้ และตั้งเป้าการขยายโชว์รูมและศูนย์บริการมาตรฐานเป็น 170 แห่ง ภายในปี 2564 เพื่อรองรับการเติบโตของบริษัทฯ และสามารถให้บริการลูกค้าได้อย่างครอบคลุมมากยิ่งขึ้น

ขยายสถานีชาร์จ MG Super Charge รองรับการใช้งานรถยนต์พลังงานไฟฟ้า

นอกเหนือจากการแนะนำรถยนต์พลังงานไฟฟ้าซึ่งในปีที่ผ่านมาเอ็มจีสามารถตั้งสถานี MG Super Charge ซึ่งเป็นสถานีชาร์จที่รองรับการชาร์จแบบ DC ได้ครบ 100 จุดชาร์จ ซึ่งอยู่ในระหว่างการทดลองระบบก่อนการเปิดใช้งานและในปีนี้บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายในการตั้งสถานี MG Super Charge เพิ่มอีก 500 จุด เพื่อสร้างความมั่นใจในการใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้า และกระตุ้นการเร่งสร้างโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure) สำหรับรถยนต์พลังงานไฟฟ้าอย่างครอบคลุม เร่งให้เกิดสังคมยานยนต์ไฟฟ้า (EV Ecosystem) ในประเทศไทยที่สมบูรณ์แบบและมีประสิทธิภาพอย่างเร็วที่สุด

“เรามั่นใจว่าตลาดรถยนต์โดยรวมในปีนี้จะเติบโตขึ้นด้วยปัจจัยสนับสนุนในหลายๆ ด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเข้าถึงวัคซีน COVID-19 โดยคาดว่าตลาดรถยนต์โดยรวมน่าจะอยู่ที่ 840,000 คัน ในขณะที่เอ็มจี ตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 42,000 คัน หรือเติบโตขึ้นกว่า 40%”

นายพงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด

รีวิวใช้งานจริงจาก Captain DIY

BLINK DRIVE TAKE

ผมคิดว่า ณ ปัจจุบันนี้ MG นั้นถือครองส่วนแบ่งตลาดรถยนต์ไฟฟ้ามากที่สุดในไทยแล้วครับ

อ้างอิงจากข้อมูลของ MG – เอ็มจียังคงเป็นผู้นำในตลาดรถยนต์พลังงานไฟฟ้า ด้วยส่วนแบ่งทางการตลาดสูงถึง 88% ด้วยยอดขาย 826 คัน จากยอดขายรวมทั้งหมด 939 คัน

ดังนั้นอย่าไปกังวลเรื่องยอดขายนักเลย ในความเห็นของผม ราคา MG ZS EV และ EP นั้นน่ารักอยู่แล้วครับ ราคารถนั้นเป็นกันเองมากๆ เทียบกับแบตเตอรี่ที่ให้มา อย่าง ZS EV นั้นให้มามากถึง 44.5 kWh เยอะกว่า Nissan Leaf (40 kWh)ตัวล่ะ 2 ล้านบาทเสียอีก ส่วน EP นั้นน่าสนมากๆ เพราะให้แบตมาถึง 50 kWh ราคาก็ไม่ถึง 1 ล้านบาท ถ้าอยู่ไทยผมอาจจะถอยคันนี้ก็เป็นได้ครับ

แถมแบตของ MG นั้นมีระบบ liquid cooling (อ่านต่อได้ที่ : ทำไมแบตเตอร์รี่ MG ZS EV ถึงเสื่อมยาก?) ผมเลยมองว่าตอนนี้ MG มีจุดเด่นถึง 2 อย่างด้วยกันคือ ราคา(คุ้มที่สุดในท้องตลาด) กับ Battery (เทคโนโลยีของ CATL นั้นเกือบชนเทสล่าแล้ว ดีกว่าแบตรถยนต์ไฟฟ้าของญี่ปุ่นทุกแบรนด์ในท้องตลาด)

ดังนั้นอยากให้ทางบริษัท MG รับฟังข้อเสนอของ Blink Drive ตรงนี้หน่อยนะครับ

  1. หยุดโฆษณารถยนต์ไฟฟ้าได้แล้ว – อันนี้ Tesla ก็ทำมานานมากแล้วครับ แต่ให้จ้าง brand ambassador มาแทนเช่น Youtuber และคนใช้งานจริง อันนี้สำคัญกว่าการยิง ads หรือโฆษณาไปเรื่อยใน internet ครับ เหมือนเกาไม่ถูกจุด เพราะความต้องการในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าแตกต่างจากตลาดรถยนต์น้ำมันอย่างมาก ตลาดรถยนต์น้ำมันนั้นเน้นเรื่องการออกแบบและความเท่ห์ครับ เพราะเครื่องยนต์หรือกลไกขับเคลื่อนรถมันคุณภาพเท่าๆกันทั้งตลาดแล้วครับ แต่ตลาดรถยนต์ไฟฟ้านั้นดูที่หลายส่วนเพราะเทคโนโลยีมันยังไม่เข้าที่ เช่น Range การใช้งานจริง, เวลาชาร์จแบต, สถานีชาร์จไฟ(ใช้ได้ไหม? ไม่ใช่ไปถึงแล้วชาร์จไม่ได้ หรือจะเป็นบริการหลังการขาย, เป็นต้นครับ
    ส่วนค่าจ้างนั้นแล้วแต่ไปตกลงกันครับ เราอยู่ในยุค IoT หรือ Internet of Things ครับ ต่อให้โฆษณาในทีวีหรือ Facebook ว่าดียังไงก็ตาม สุดท้ายก่อนซื้อรถยนต์ไฟฟ้า คนก็ไปหา YouTube clip เพื่อตัดสินใจก่อนซื้ออยู่ดีครับ อยากให้ MG พยายามไปโฟกัสที่ต้นน้ำ(คนใช้งานจริง)ให้บอกต่อกันดีกว่าครับ เพราะรถยนต์ไฟฟ้าไม่เหมือนรถยนต์น้ำมัน คนที่กล้าๆ กลัวๆ ว่าจะใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าในไทยมีอีกเป็นแสนคนแต่ไม่มีข้อมูลให้พวกเค้าได้ศึกษาจริงๆ กันเสียทีครับ

หมายเหตุ : ตลาดรถยนต์ไฟฟ้านั้น มันดังครับ แค่รถออกมารุ่นเดียว อย่าง MG EP นั้น MG แทบไม่ต้องเสียเงินค่าโฆษณาเลย มีแต่เหล่า youtuber แห่กันไปถ่ายโฆษณาให้ฟรีๆ

แต่ยังไงก็ตาม ลูกค้าช่วงแรกจะเป็นเฉพาะ interest group หรือกลุ่มที่มีความสนใจเพียงเท่านั้น อยากให้โฟกัสที่จะเอาลูกค้าตลาดเหล่านี้มาให้หมดเสียก่อน เพราะคนเหล่านี้มีความสนใจจะซื้อจริงๆ ครับ จากนั้น พวก interest group เหล่านี้จะบอกปากต่อปากให้ญาติ, เพื่อน, พี่น้อง, และคนที่ทำงานเองครับ รถยนต์ไฟฟ้ามันดีจริงๆ แต่คนยังไม่กล้าเล่นเพราะไม่มีคนรีวิวหรือบอกข้อดีข้อเสียแบบตรงไปตรงมาครับ

ส่วนรถยนต์น้ำมันขายง่ายเพราะมันอยู่ตลาดมานานแล้ว การยิงโฆษณาจะทำให้กระตุ้นยอดขายได้มากกว่า เพราะเห็นถี่ขึ้นก็ส่งผลเกี่ยวกับการตัดสินใจซื้อรถ

ถ้าดูดีๆ แล้วการเจาะตลาดของสองกลุ่มนี้ต่างกันราวฟ้ากับเหวครับ

2. สถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า – ตอนนี้เหมือน MG เกาถูกจุดแล้วครับเพราะยอดขายเริ่มเยอะแสดงว่าคนเริ่มหันมาสนใจ น่าจะใช้จังหวะนี้บุกเดี่ยวสร้างสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าในจุดที่คนใช้งานเยอะๆ หรือเส้นทางหลักของประเทศ ควรใช้จังหวะนี้ในการสร้างชื่อเสียงและครองแบรนด์ให้ยั่งยืนต่อไปครับ สุดท้ายรถเจ้าตลาดอย่าง Tesla ก็ต้องหันมาใช้สถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าของ MG ถ้าทำได้ คุณชนะในวงการตลาดรถยนต์ไฟฟ้าไปแล้ว
ลองดูง่ายๆ อเมริกานั้นไม่ได้ใส่ใจเรื่องรถยนต์ไฟฟ้ามากนักในปี 2012 อีลอนเลยสร้างสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าเต็มประเทศไปหมด พอหันมาอีกที ก็ไม่กล้ามีคู่แข่งคนไหนมาแข่งสร้างได้เท่า Tesla ครับ เพราะ Tesla นั้นครองตลาดหมดแล้ว ทุกคนต้องหันไปพึ่งเทสล่ากลายเป็น monopoly(การค้าผูกขาด)แบบไม่ตั้งใจ แต่พอเราหันมาทางยุโรป ยุโรปพอเห็นว่ารถยนต์ไฟฟ้ากำลังมา รัฐบาลปล่อยให้เอกชนรีบเข้ามาสร้างสถานีชาร์จดักทาง Tesla เอาไว้ สุดท้ายค่ายสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าในยุโรปจึงมาหลากหลายมากๆครับ ผมอยากให้ MG เป็นแบบยุโรปคือเราสร้างสถานีชาร์จเหนือกว่า Tesla และ EA เอาไว้มากแล้ว ถ้าเค้าเข้ามาในไทยจริงๆ MG ยังเป็นต่อเรื่องสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าครับ ยังไงรถยนต์ไฟฟ้าก็มีแน่นอนในปีนี้ สร้างไปเลยครับ เห็นด้วยครับว่ามาถูกทางแล้ว

รูปภาพ : สถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า Tesla Supercharger ที่อเมริกา

จริงๆ แค่ MG เอาที่ชาร์จไปตั้งเล่นในห้าง ยังจะมีค่ามากกว่าจ่ายค่าโฆษณาลงใบปลิวหรือป้ายโฆษณา 60 เมตรอะไรประมาณนี้อีกนะครับ เพราะสมัยนี้ ประชาชนใช้ instagram , facebook, tiktok ในการถ่ายรูปโชว์ของครับ ยิ่งเจอสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าตามแหล่งท่องเที่ยวล่ะก็ พวกเค้าแวะไปถ่ายภาพแน่นอนครับ

รูปภาพ : สถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า จาก plugshare

3. บริการหลังการขาย – ค่ายรถยนต์ที่ดีไม่ใช่ค่ายที่ผลิตรถยนต์ที่ไม่ต้องซ่อมนะครับ แต่เป็นค่ายรถยนต์ที่บริการหลังการขายดีเยี่ยม ยิ่งรถยนต์ไฟฟ้า part (อะไหล่)น้อยกว่ารถยนต์น้ำมันหลายเท่า จริงๆ อยากให้ MG หา brand ambassador ซักคนมาลุยตลาดบริการหลังการขายแต่ล่ะศูนย์ทั่วไทยว่า บริการได้ดีหรือแย่อย่างไรครับ เพราะชาวเน็ทก็บ่นบ่อยๆ กับการบริการหลังการขายของยี่ห้อนี้ครับ

อันนี้เป็นความเห็นส่วนตัวที่ผมได้รับแจ้งมาจากลูกเพจผมและคนที่กำลังสนใจจะซื้อรถคันใหม่เป็นรถยนต์ไฟฟ้าเสียทีครับ ผมยืนยันว่ามีคนอีกเป็นแสนคนที่กำลังวางแผนซื้อรถยนต์ไฟฟ้าครับ แต่ปัญหาหลักคือ ราคาที่เข้าถึงได้(800,000 – 900,000 บาทต่อคันได้เมื่อไหร่ ตลาดแตกแน่นอนครับ) และอีกเรื่องคือสถานีชาร์จ( ผมเพิ่งทราบว่าที่ไทยเปิดได้ แต่ไม่ให้ชาร์จเวลากลางวันหรืออะไรนี่แหละครับ งงกับระบบไฟฟ้าของไทยเหมือนกันครับ)

ถ้า MG แก้ปัญหานี้ได้ รับรองว่ายืนหนึ่งในไทยนานๆ แบบสบายๆ เลยครับ

คำแนะนำนี้ไม่จำเป็นต้องเฉพาะเจาะจงที่ยี่ห้อ MG ยี่ห้อเดียวนะครับ ใครก็ตามที่วางแผนเปิดตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในไทยก็นำคำแนะนำนี้ไปพิจารณาต่อได้เลยครับ ผมให้ฟรีๆ ไม่เก็บเงินอะไรทั้งนั้น

หมายเหตุ : โพสนี้ไม่ได้รับเงินจาก MG เพื่อเขียนขึ้นมาครับ Blink Drive เขียนข้อมูลทุกอย่างตั้งแต่สร้างเพจขึ้นมาจากใจครับ ใช้ใจเขียนมาโดยตลอดครับ ไม่ได้รับเงินใครเพื่อเขียนบทความครับ

Stay tune, stay with BLINK DRIVE

Follow by Email