Blink Blink
Latest news
EV CarsFordUSA

ฟอร์ด มัสแตงส์ไฟฟ้า จัดสเปคโหดมาพร้อมมอเตอร์ 7 ตัวและพละกำลัง 1,400 แรงม้า

รถยนต์ที่ทุกท่านเห็นอยู่นี้คือรถยนต์ไฟฟ้าล้วนจากค่ายฟอร์ดนะครับ เป็นรถมัสแตงค์ที่แรงที่สุดในโลกตั้งแต่ฟอร์ดเคยสร้างรถมาอีกด้วยครับ โดยชื่อเต็มของรถยนต์ไฟฟ้าคันนี้คือ ฟอร์ด มัสแตง มัคอี ‘1400’ ซึ่ง 1400 นั้นคือจำนวนแรงม้าที่รถคันนี้ทำได้ครับ ทำให้สามารถทำความเร็วสูงสุดได้ที่ 257 km/h (160 mph)

มอเตอร์ 7 ตัว

ภาพ : ระหว่างประกอบรถยนต์ไฟฟ้ามัสแตงมัคอี

โดยรถคันนี้มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้ามากถึง 7 ตัวเลยทีเดียว 3 ตัวเชื่อมต่อตรงกับล้อหน้ารถและ 4 ตัวที่เหลือเชื่อมต่อกับล้อหลังแบบ “แพนเค้ก”(การต่อมอเตอร์มากกว่า 1 ตัวเข้ากับ drive unit [มีภาพด้านล่างให้ดู]) ครับ ทำให้รถคันนี้สามารถเค้นสมรรถภาพออกมาได้มากถึง 1,400 แรงม้า(1,419 PS)เลยทีเดียว

การต่อมอเตอร์แบบ pancake style ซึ่งมอเตอร์ 2 ตัวเพื่อรวมแรงบิดเข้าไปเป็น 1 set ครับ
ขอบคุณภาพจาก offgridworld

การให้มอเตอร์ทำงานแยกแบบอิสระมาถึง 7 ตัวนั้นจะสามารถเค้นพละกำลังแรงบิดอย่างแม่นยำจริงๆ ครับ โดยมอเตอร์ด้านหลัง 4 ตัวนั้นจะแบ่งหน้าที่เป็นมอเตอร์ 2 ตัวกับการควบคุมล้อรถ 1 ล้อครับ เพื่อทำให้รถคันนี้มีแรงบิดมหาศาลเพื่อทำการดริฟหรือเข้าโค้งได้แม่นยำกว่ารถยนต์น้ำมันอย่างเหลือเชื่อเลยทีเดียวครับ

(คลิปด้านล่างนี้จะพิสูจน์เลยว่าการดริฟรถหรือเข้าโค้งโดยรถยนต์ไฟฟ้าที่มีมอเตอร์ทำงานแยกกันอย่างอิสระนั้นดีกว่าการควบคุมผ่านเพลาและเครื่องยนต์อย่างไร)

จากใจนักแข่งรถระดับโลก

หมายเหตุ : รถคันนี้ยังถูกติดตั้งระบบเครื่องเสียงระดับ military grade (เกรดกองทัพ) เข้าไปอีกนะครับ โดยใช้ได้ลำโพง LRAD 100X military loudspeaker ที่สามารถจำลองเสียงมอเตอร์ไฟฟ้า(High-pitched electronic) “ซีสสสสสส” เวลาคนขับเหยียบคันเร่งครับ

Gittin Jr. (นักแข่งรถดริฟในตำนาน) กล่าวว่า “อันนี้เป็นเพียงเสียงเริ่มต้นของรถคันนี้นะครับ จริงๆ ลำโพงตัวนี้สามารถจำลองเสียงอะไรก็ได้ อารมณ์เหมือนลำโพงมือถือ iphone ที่จำลองเสียงมือถือจอขาวดำอย่างโนเกียได้ทุกเสียง แต่โนเกียไม่สามารถจำลองเสียง iphone ได้ทุกเสียงยังไงละครับ”

Gittin Jr. ยังกล่าวอีกว่า “หลังจากผมได้ทดลองไปขับรถคันนี้ดูแล้ว ผมช๊อคไปเลยทีเดียวเพราะรถมันตอบสนองผม(คนขับ)ได้เร็วมากๆ นี่เป็นประสบการณ์ครั้งแรกในชีวิตผมเลยที่ได้ขับรถเร็วขนาดนี้ เหยียบปุ๊บไม่มีรอรอบ หลังติดเบาะทันที เอาง่ายๆ ว่า พอผมกดคันเร่งปุ๊บ เจ้า Ken Block (นักแข่งจิมคาน่าระดับโลก) ถึงกับสติแตกไปเลยครับ ฮ่าๆ ผมเลยเอารถให้ Ken ลองขับดูบ้าง นี่คือ reaction ของเค้าครับ(วิดีโอด้านล่าง)”

วิดีโอจาก Twitter : คนซ้ายคือ Gitter Jr ส่วนคนขวาคือ Ken Block ในตำนาน

ฟอร์ดลงทุนไป 345,000 ล้านบาทในธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้า

ฟอร์ดลงทุนไป 345,000 ล้านบาท(11,500 ล้านเหรียญสหรัฐ)ในธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้าเพื่อหวังจะขาย มังแตงส์ไฟฟ้า(มัคอี)ให้ได้ทั่วโลกภายในปี 2022 นี้นะครับ

ที่มา : carscoop

ฟอร์ดปรับแต่งมัคอีมาให้ใช้งานได้ทุกประเภท

ฟอร์ดปรับแต่งรถคันนี้ให้สามารถใช้งานได้ทุกประเภทเพียงแค่นิ้วมือสัมผัสที่จอนะครับ ไม่สว่าจะเป็นสาย Drag ก็กดปุ่มเพื่อทำการวิ่ง Drag (แข่งทางตรง)แข่งกับ NASCAR ได้เลย, หรือจะสายดริฟ(วิ่งสไลด์ไปกับทางโค้ง)ก็เพียงกดปุ่มที่หน้าจอ ตัวโช๊คและระบบมอเตอร์ก็จะเปลี่ยนโหมดเข้าสู่โหมดดริฟครับ หรือจะเป็นโหมดเกาะถนนแบบ Circuit ก็เพียงกดปุ่มเปลี่ยนโหมดที่หน้าจอ รถก็จะกลับมาเกาะถนนอีกครั้งเพื่อให้ใช้งานแบบเข้าโค้งได้อย่างเฉียบคม(ท้ายไม่ปัด) อีกโหมดก็จะเป็นจิมคาน่า(Gymkhana) ซึ่งจะเป็นโหมดที่รวมทั้งดริฟและเซอร์กิจเข้าไปครับ

ปล. อย่าลืมนะครับว่า Mach E (มัคอี)เป็นรถยนต์ family car หรือรถครอบครัวที่มี 4 ประตู 5 ที่นั่งเหมือน Tesla Model 3 ครับ ดังนั้นการใช้งานจริง พ่อบ้านเอาไปขับซิ่ง ส่วนแม่บ้านก็เอามาขับไปส่งลูกๆ ไปโรงเรียนได้ครับ

BLINK DRIVE TAKE

อ้างอิงจากวิดีโอด้านบนนี้ จะเห็นได้ชัดว่า รถฟอร์ดมังแตงไฟฟ้าหรือมัคอีนั้นสามารถปรับเปลี่ยนโหมดให้กลายร่างเป็น NAS CAR (สายวิ่งเร็ว), Drift(ดริฟ), Circuit(Handling การควบคุมรถได้ดี), หรือสายจิมคาน่า(Gymkhana) ได้อย่างอิสระ ปราศจากการปรับจูนใดๆ นะครับ

อารมณ์เหมือนเปลี่ยนโปรไฟล์คอมพิวเตอร์สำหรับใช้งานประหยัดไฟ, เล่นเกมส์หรือดูหนังเลยครับ

ดังนั้นผมมองว่าอนาคตอันใกล้นี้ ยังไงรถยนต์ไฟฟ้าก็จะมากินตลาดรถยนต์น้ำมันทั้งโลกอยู่ดีครับ มีเพียงบางประเทศที่จะพยายามเหนี่ยวรั้งรถยนต์น้ำมันเอาไว้เพื่อขายคนในประเทศไปเรื่อยๆ ครับ สงสารประชาชนประเทศเหล่านั้นเหมือนกันครับ ที่ต้องมารับกรรมจากพวกนายทุนที่พยายามกดขี่พวกเค้า เพื่อไม่ให้ประชาชนได้ใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าราคาถูกเหมือนต่างประเทศเลยครับ

ถ้าไม่ปรับตัววันนี้ ผมเชื่อว่า ประชาชนประเทศเหล่านั้นได้กลายเป็นแรงงานราคาถูกเหมือนพวกพม่าหรือลาวแน่นอนครับ

Stay tune, stay with BLINK DRIVE

Follow by Email