Blink Blink
Latest news
ChevroletEV Cars

รีวิวรถยนต์ไฟฟ้า Plug-in : Chevy Volt ปี 2017 ซื้อมา 2 ปี วิ่งไป 160,000 km , ซ่อมไรไปบ้าง?

สวัสดีครับ วันนี้ผมจะพาทุกท่านไปดูรีวิวรถยนต์ไฟฟ้าประเภท Plug-in Hybrid ยี่ห้อ Chevrolet (เชฟโรเล็ต) รุ่น Volt(โวล์ท) ที่ประเทศอเมริกากันนะครับ

ผู้ใช้งานท่านนี้มีนามว่า Joe Real ได้ทำการซื้อรถยนต์ไฟฟ้า Plug-in Hybrid ยี่ห้อ Chevrolet (เชฟโรเล็ต) รุ่น Volt(โวล์ท) มาตั้งแต่วันที่ 7 สิงหาคม 2017 และเพิ่งวิ่งทะลุ 100,000 ไมล์หรือ 160,000 km ณ วันที่ 16 เมษายน 2020 ที่ผ่านมานี่เองครับ

ภาพ : รับรถ chevy volt ที่ศูนย์วันแรก ณ วันที่ 7 สิงหาคม 2017
รูปภาพ : ไมล์รถ 160,933 km ณ วันที่ 16 เมษายน 2020

The 100,000th mile. The most efficient Volt ever, more efficient than a Tesla at 160 MPGe Lifetime, Number 1 VoltStats Hall of Fame for more than a year and counting. Designed by Americans, it’s one of the few cars with the most number of American made components. The most reliable and most efficient car I’ve ever had. Celebrating its 100,000th mile with zero maintenance and repair costs! Bought it on August 2017. It still drives like brand new, with all the oomph if you floor it! Congratulations to GM for making this car and no thanks to GM for terminating the production of this car!

แปล – รถยนต์ไฟฟ้า Volt คันนี้ประหยัดไฟฟ้ามากกว่า Tesla เสียอีก ทำอัตราสิ้นเปลืองอยู่ที่ 160 MPGe (ตลอดอายุการใช้งาน) และผมยังขึ้นอันดับ 1 ใน Hall of Fame อีกด้วย ผมภูมิใจที่ได้ใช้รถยนต์อเมริกาคันนี้มากๆ ภูมิใจที่ทุกชิ้นส่วนนั้นผลิตในประเทศอเมริกา โพสนี้ผมอยากโพสเพื่อฉลองที่รถคันนี้วิ่งครบ 1 แสนไมล์(1.6 แสน km) ภายในระยะเวลาอันสั้น(2 ปี) และอยากจะบอกว่า ตั้งแต่ผมซื้อรถคันนี้มา ผมยังไม่เคยซ่อมอะไรเลย (ยกเว้นเปลี่ยนยางรถตามระยะทางที่กำหนด) ผมซื้อรถคันนี้เดือนสิงหาคม 2017 และ ณ ปัจจุบัน(เมษายน 2020) รถคันนี้ยังดูเหมือนใหม่ทุกอย่างจริงๆ ขอบคุณ GM ที่สรรสร้างสิ่งดีๆ แบบนี้มาให้คนอเมริกาขับและอยากจะถอนคำขอบคุณคืนจริงๆ เพราะคุณ(GM)ได้ทำการยกเลิกการผลิตรถรุ่นนี้ไปซะงั้น

Joe Real

Chevy Volt คือรถอะไร?

ผมขอเล่าประวัติคร่าวๆของ Chevy Volt ดังต่อไปนี้นะครับ

Chevrolet ได้สร้าง Volt ขึ้นมาทั้งหมด 2 รุ่นโดย

  • รุ่นแรก(gen 1)ถูกสร้างและนำมาขายในปี 2010 จนถึงปี 2015
  • รุ่นสอง(gen 2)ถูกสร้างและนำมาขายในปี 2016 จนถึงปี 2019

หมายเหตุ : GM มองเห็นแล้วว่า Plug-in Hybrid นั้นมีปัญหาเยอะในระยะยาวจึงมุ่งหน้าทำรถยนต์ไฟฟ้าลูกเดียวไปเลย ทำให้ Gen 2 จึงเป็นรุ่นสุดท้ายของ Chevrolet Volt ครับ

ไลน์การผลิตของ Volt นั้นสิ้นสุดลงในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2019 ครับผม

ส่วนนี่ก็คือ spec ของทั้ง 2 รุ่นครับ

Volt รุ่นแรก(gen 1)

  • แบตขนาด :
    • 16 kWh รุ่นปี 2010-2011
    • 16.5 kWh รุ่นปี 2013
    • 17.1 kWh รุ่นปี 2015
    • หมายเหตุ : แบตทุกรุ่นถูก software ล๊อคให้ใช้ได้เพียง 10.4 kWh เท่านั้น
  • ชาร์จไฟบ้านได้ทั้ง 120 Volt กับ 240 Volt
  • ระบบขับเคลื่อน : มอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 111 kW ให้แรงม้า 149 แรงม้า, พร้อมแรงบิด 273 ปอนด์ต่อฟุต
  • เครื่องยนต์ 1.4 ลิตร ให้แรงม้ามาเพียง 80 แรงม้า, และปั่นไฟได้สูงสุดที่ 55 kW
    • หมายเหตุ : เครื่องยนต์ของรถคันนี้ถูกออกแบบมาให้เล็กเพราะเป็นตัวเสริมในการใช้งานเท่านั้น ไม่ได้จ่ายกำลังถึงล้อโดยตรงเลย หรือพูดง่ายๆ คือทำงานเหมือนเครื่องยนต์ nissan e-power เท่านั้นเอง

Volt รุ่นสอง(gen 2)

  • แบตขนาด :
    • 18.4 kWh รุ่นปี 2017-2019
    • หมายเหตุ : ทาง GM ได้บอกว่า แบตของ Volt Gen 2 นั้นเบากว่าแบตรุ่นแรกถึง 13 kg แต่เก็บไฟได้มากกว่าเดิม 20 % เพราะใช้เทคโนโลยีทางเคมีแบบใหม่ทำให้ใช้เซลแบตในการจัดเก็บไฟได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยรุ่นแรกมี 288 cell , รุ่นสองมี 192 cell
  • ระยะทางที่วิ่งได้ : ไฟฟ้าล้วนอยู่ที่ 70-80 ไมล์(112 – 128 km) ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง, บวกการใช้น้ำมันไปด้วยจะอยู่ที่ 420 ไมล์(ุ672 km) ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง
  • ชาร์จไฟบ้านได้ทั้ง 120 Volt กับ 240 Volt
  • ระบบขับเคลื่อน : มอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 111 kW ให้แรงม้า 149 แรงม้า, พร้อมแรงบิด 273 ปอนด์ต่อฟุต
  • เครื่องยนต์ L3A I4 1.5 ลิตร ให้แรงม้ามามากถึง 101 แรงม้า, และปั่นไฟได้สูงสุดที่ 55 kW
    • หมายเหตุ : เครื่องยนต์ของรถคันนี้ถูกออกแบบมาให้เล็กเพราะเป็นตัวเสริมในการใช้งานเท่านั้น ไม่ได้จ่ายกำลังถึงล้อโดยตรงเลย หรือพูดง่ายๆ คือทำงานเหมือนเครื่องยนต์ nissan e-power เท่านั้นเอง

เกียร์ 1 speed ของ Volt

  • เกียร์ : 1 speed (เกียร์เดียว) แบบ planetary gear ซึ่งการทำงานนั้นแบ่งออกเป็น 4 Mode
    • Single motor electric – มอเตอร์ตัวเดียวดึงไฟจากแบตสดๆได้มากถึง 111 kW เพื่อขับเคลื่อน
    • Dual motor electric – เวลาที่รถขับเคลื่อนด้วยความเร็วสูง เช่น ถนนไฮเวย์ มอเตอร์ตัวที่สอง(อารมณ์เหมือนเกียร์สอง)จะเข้ามาทำงานเพื่อลดภาระของมอเตอร์ตัวแรก(primary motor) ทั้งนี้จะทำให้รถสามารถประหยัดพลังงานและวิ่งได้ไกลขึ้นต่อการชาร์จ 1 ครั้ง โดยไม่ใช้ไฟมากยิ่งขึ้นไปอีก
    • Single motor extended – ในกรณีที่แบตรถยนต์เหลือน้อยแล้ว เครื่องยนต์จะถูกสั่งให้สตาร์ทเพื่อมาปั่นไฟชาร์จแบตเข้ารถ ด้วยกำลังที่ 55 kW เพื่อจ่ายโดยตรงเข้ามอเตอร์ตัวที่สอง (secondary motor) หรือพูดอีกอย่างคือ มอเตอร์ตัวที่สองนั้นเป็น Generator (เครื่องปั่นไฟ)ที่รับแรงจล(kinetic power) มาจากเครื่องยนต์อีกทีครับ ส่วนมอเตอร์ตัวแรกนั้นจะเป็นพระเอกในการปล่อยแรงขับเคลื่อน 111 kW สำหรับการเร่งระยะสั้น ระหว่างรอชาร์จไฟกลับไปเข้าแบตครับ
    • Dual motor extended – ระบบนี้จะทำงานเหมือนระบบ Single motor extended หน่อยๆ แต่ต่างกันที่ระบบนี้จะเริ่มทำงานตอนรถขับด้วยความเร็วสูงนะครับ มอเตอร์ตัวที่สองจะดึงไฟจากเครื่องยนต์แทนที่จะดึงไฟจากแบตมาใช้ในการขับเคลื่อนนะครับ ดังนั้น range (ระยะทางที่วิ่งได้) จะทำได้ไกลกว่าดึงจากแบตอย่างเดียว โหมดนี้จะถูกใช้ต่อเมื่อแบตในรถเหลือน้อยหรือผู้ใช้งานกดเปิดโหมดนี้ครับ

ปล. ผมเอาภาพอธิบายการใช้งานแต่ล่ะโหมดมาลงด้านล่างนี้ด้วยเพื่อให้ทุกคนได้ไปศึกษาการทำงานของ Chevy Volt นะครับ

รถขึ้นที่ 1 ใน VoltStats Hall of Fame

ผมขอท้าวความนิดนึงนะครับ GM นั้นได้สร้างเว็บไซต์ voltstats.net ขึ้นมาเพื่อให้ผู้ใช้งานรถยนต์ไฟฟ้า plug-in Volt หรือ EV อย่าง Bolt นั้นเข้าไปแชร์ประสบการณ์การขับแข่งโดยไมล์รถของรถแต่ล่ะคันนั้นจะถูก upload อัตโนมัติขึ้นไปยังเว็บนี้(ไม่ต้องกลัวกรอไมล์ตอนจะขายรถนะครับ ทำไม่ได้ครับเพราะระบบ GM นั้นล๊อคให้รถทุกคัน update ข้อมูลกลับไปยังศูนย์แม่ตลอดเวลา)

โดยระบบนี้จะบอกว่ารถของเรานั้นขับด้วยไฟฟ้าไปกี่ km และใช้น้ำมันไปกี่ลิตร(แกลลอน)ตลอดอายุการใช้งานรถนะครับ

อ้างอิงจากข้อมูลที่คุณ Joe ถ่ายภาพมาจากเว็บนั้นรถของเค้าได้วิ่งด้วยไฟฟ้าไปทั้งหมด 98,061 ไมล์หรือ ‭156,897.6‬ km ครับ หรือเรียกได้ว่า 98 % ของการใช้งานตั้งแต่ซื้อมา โดยเค้าบอกว่า ที่ใช้งานด้วยน้ำมันไปกว่า 3,000 km นั้นมาจากเวลาเอารถเข้าศูนย์และทางศูนย์ต้องทำการสตาร์ทเครื่องยนต์เพื่อตรวจเชคสภาพ และบางครั้งศูนย์แนะนำว่าให้เครื่องยนต์ทำงานอย่างน้อย 6-10 เดือนครั้งเพื่อยืดอายุของเครื่องยนต์ครับ

  • EV miles: 98,046.85 ไมล์(‭156,897.6‬ km)
  • ความประหยัด : 2,353.41 mpg หรือ 990 km ต่อลิตร
  • ความประหยัดไฟฟ้า : 168 MPGe
  • การบริโภคไฟฟ้าตลอดอายุการใช้งาน : 160 MPGe
  • ใช้น้ำมันไปทั้งหมด : 42.5 แกลลอน (161 ลิตร) นี่คือน้ำมันที่ใช้ไปทั้งหมดตั้งแต่ซื้อรถมานะครับ วิ่งไป 160,000 km ไม่ซ่อมซักบาทแถมเติมน้ำมันแค่ 161 ลิตรเอง ประหยัดโพดๆ โดยน้ำมันส่วนใหญ่นั้นถูกใช้ไปกับการอุ่นเครื่องประจำปีและการใช้งาน Fuel Maintenance Mode(อุ่นเครื่องเพื่อรักษาอายุเครื่องยนต์) และ Engine Maintenance Mode(โหมดบำรุงรักษาเครื่องยนต์).
  • เคยวิ่งด้วยไฟฟ้าเยอะสุด(ต่อวัน) : 499.61 ไมล์ หรือ 798 km
  • วิ่งรถต่อเนื่องโดยไม่ใช้สตาร์ทเครื่องยนต์เลย : 33,604.62 ไมล์(53,766 km)
  • เติมน้ำมัน 1 ถังวิ่งได้: 58,996.97 ไมล์หรือ 94,393 km

แม่เจ้า พระเจ้าช่วย กล้วยทอด #โหดสัสรัสเซียไนจีเรียอินเดียอินโดนีเซียมาเลเซียลิเบียซีเรียตูนิเซีย น้ำมัน 1 ถังวิ่งได้เกือบ 1 แสน km เห้ย แบบนี้สิเรียกว่า รถยนต์ไฟฟ้า plug-in hybrid ครับ

ไม่ใช่รถยนต์น้ำมัน hybrid กาก ๆ ที่วิ่งไปแค่ 3 km เครื่องยนต์ก็ต้องทำงานเสียแล้ว

อย่างรถยนต์ไฟฟ้า plug-in hybrid chevy volt คันนี้นั้นวิ่งได้ไกลถึง 120 km ต่อการชาร์จ 1 ครั้งนะครับ เรียกได้ว่า ถ้าคำนวณเส้นทางการวิ่งต่อวันดีๆ แล้ว ก็ไม่ต้องใช้งานเครื่องยนต์เหมือนคุณโจแหละครับ

ค่าซ่อมบำรุง 0 บาท($0)

ผมจะแจกแจงค่าซ่อมบำรุงกันแบบง่ายๆ เลยนะครับ

  • ค่าบำรุงรักษา(maintenance)ทั้งหมด : $0.00, (ไม่รวมค่ายางรถยนต์)
  • ค่าซ่อม $0.00 ตั้งแต่ซื้อมาขับ 160,000 km ยังไม่เคยเจอปัญหาใดๆ เลย ส่วนมากก็จะเป็นโปรแกรม recalls ของศูนย์ที่เรียกกลับไปให้ update software นิดหน่อย

ตั้งแต่ซื้อมาขับนั้นบำรุงรักษาแค่ครั้งเดียวคือเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง ซึ่งไปเปลี่ยนที่ศูนย์อยู่ในอายุประกัน ฟรีทุกอย่าง จากนั้นก็แวะไปสลับยางรถบ้างซึ่งฟรีอีกด้วย

แบตเตอรี่เสื่อมไหม?

นี่มันเป็นปัญหาโลกแตก บ้าบอของคนในกะลาบางคนจริงๆ นะครับ เป็นคำถามยอดฮิตติดชาร์ตของทุกคนบนโลกไปแล้ว เพราะไอ่รถยนต์น้ำมัน hybrid กากๆ ที่ทำตลาดก่อนหน้ารถยนต์ไฟฟ้านั้นไปทำชื่อเสียงเรื่องแบตเอาไว้แย่มากๆ เรียกว่า เสื่อมเสียสุดๆ ไปเลย เพราะเคสของ hybrid แต่ล่ะเคสนั้นเลวร้ายมากๆ ไม่ว่าจะเป็นไทยหรืออเมริกานั้นโดนกันถ้วนหน้าครับ แต่ของรถยนต์ไฟฟ้านั้นเรียกว่า 1-2 % ของรถยนต์ที่วางขายดีกว่า

อย่างรถคันนี้นั้นคุณโจได้บอกว่า เอาไปเชคศูนย์แล้ว แบตเสื่อมไป 2.13 %

ห่ะ อะไรนะ ขับไป 160,000 km แบตเสื่อมไป 2.13 % หรอ บ้าไปแล้วเฟ้ย !!!

แต่นี่คือเรื่องจริงครับ เพราะรถนั้นมี software ล๊อค สเปคแบตมาตั้งแต่ก่อนส่งมอบดังนั้นแบตที่มีมาให้ 18.1 kWh นั้นใช้งานได้เพียง 14.1 kWh เท่านั้น ทั้งนี้ก็เป็นเพราะเรื่อง SoC(State of Charge) ที่ต้องทำให้อยู่ใน level 5-80 % ตลอดเวลาเพื่อรักษาอายุการใช้งานแบตให้ดียิ่งขึ้น

ดังนั้นถ้ามองกันจริงๆ ตอนนี้แบตน่าจะไม่ใช่ 18.1 kWh แล้วนะครับ แต่น่าจะประมาณ 16-17 kWh ต่างหาก

  • Estimated Battery Degradation(แบตเสื่อม): 2.13% (ตอนนี้หน้าจอรายงานว่าแบตมี 13.8 kWh ก่อนเครื่องยนต์จะทำงาน(แบตหมด), ตอนซื้อมานั้นมี 14.1 kWh)
  • Estimated average battery range per full charge(ใช้งานจริงวิ่งได้): 82 miles (131 km) ตอนซื้อมาใหม่ ตอนนี้เหลือเพียง 72 miles.(115 km)
  • Best Electric Range Achieved on a single full Battery Charge: 199.7 miles
  • Longest Distance Traveled on a full charge and a full tank of gas(ระยะทางที่วิ่งได้ไกลโดยมีแบตเต็มและน้ำมันเต็มถัง ซึ่งระบบคำนวณจากพฤติกรรมการขับขี่นั้นอยู่ที่ : 700 ไมล์(1,120 km)

ตารางการใช้งานของคุณโจ

Profile การใช้งานรถยนต์ไฟฟ้า Plug-in Hybrid คันนี้อยู่ที่

  • 80% ทางด่วนหรือไฮเวย์
  • 10% ถนนในหมู่บ้าน
  • 10% ถนนในเมือง

source : Joe Real facebook

BLINK DRIVE TAKE

มาถึงตรงนี้ทุกคนเริ่มร้อง “อ๋อ” กันบ้างแล้วใช่ไหมครับว่า ทำไมต่างประเทศถึงจัดให้ Plug-in นั้นเป็นรถยนต์ไฟฟ้าแต่ไม่จัดให้ Hybrid เป็นรถยนต์ไฟฟ้า นั่นก็เพราะว่า Plug-in Hybrid นั้นมีแบตที่ใหญ่มากๆ ความจุ 10-18 kWh และ 100 % ของการขับเคลื่อนนั้นมาจากมอเตอร์และแบตครับ เครื่องยนต์ทำหน้าที่เป็น Generator เฉยๆ ดังนั้นผู้ใช้งานสามารถเลือกใช้ไฟฟ้าหรือน้ำมันก็ได้อย่างคุณโจก็ใช้ไฟฟ้าตั้ง 98 % ของการใช้งานนะครับ

ต่างจากรถยนต์น้ำมัน Hybrid ที่ใช้เครื่องยนต์ในการขับเคลื่อนเป็นหลักและใช้ไฟฟ้าในการขับเคลื่อนเป็นรองซะงั้น แถมแบตก็ให้มาแค่ 1.6 kWh เองหรือเรียกได้ว่า ขับด้วยไฟฟ้าจริงๆ ได้เพียง 3 km เครื่องยนต์ก็ต้องกลับมาทำงานแล้ว แถมไม่มีปลั๊กให้เสียบชาร์จไฟซะด้วย แหล่งพลังงาน 100 % มาจากน้ำมันครับผม

STAY TUNE, STAY WITH BLINK DRIVE

Follow by Email