Blink Blink
Latest news
FinanceNews

ราคาน้ำมันโลกติดลบ บาร์เรลละ -$31(-930บาท)

ที่มา : FOX NEWS

ราคามันดิบติดลบครั้งแรกในประวัติศาสตร์โลก

ราคาของ (WTI) West Texas Intermediate เป็นราคาน้ำมันที่อ้างอิงในทวีปอเมริกาลดลง 302.85% ในเวลาตีสองตามเวลาประเทศไทย สู่ระดับราคา -37.06 เหรียญต่อบาร์เรล ซึ่งสัญญาที่อ้างอิง WTI จะส่งหมอบน้ำมันดิบจริงๆที่ Oklahoma แต่สัญญาที่อ้างอิง Brent Crude Oil จะชำระสัญญาเป็นเงินสด ณ วันสิ้นสุดสัญญา

ราคาที่ติดลบเกิดจาก 2 ปัจจัยดังนี้

ที่มา : CME GROUP
  • เกิดจากสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (FUTURES CONTRACT) ที่จะหมดอายุในเดือนพฤษภาคม ปี 2560 โดย 1 สัญญามีจำนวน 1,000 บาร์เรล จะซื้อขายวันสุดท้ายในวันที่ 25 ของทุกเดือนซึ่ง วันที่ 25 เมษายนก็ใกล้มากแล้ว และจะมีการส่งหมอบในวันที่ 1 เดือนถัดไป และสัญญาดังกล่าวไม่มีคนซื้อเนื่องจากการซื้อสัญญาซื้อขายล่วงหน้า FUTURES CONTRACT ที่จะหมดอายุ จะต้องมีการรับมอบน้ำมันจริงๆเกิดขึ้นซึ่งจะเกิดขึ้นที่ Oklahoma โดยมี 3 วิธีในการส่งหมอบ
    1. ส่งทางท่อส่งน้ำมัน(โรงเก็บส่วนมากของลูกค้าที่ต่อท่อก็เต็มแล้ว)
    2. ให้เก็บไว้ที่คลังน้ำมันก่อนแล้วจะไปรับสู่โรงกลั่นทีหลัง(คลังน้ำมันที่โอกาโฮม่าสามารถเก็บได้ 76 ล้านบาร์เรล ปัจจุบันเก็บแล้ว 55 ล้านบาร์เรล)
    3. คนขายจะไปส่งให้ถึงที่แท็งค์เก็บน้ำมันซึ่งมีค่าจัดส่ง(มีค่าส่งต่างหากแล้วคนขายก็ไม่ค่อยมีใครส่งให้)
ที่มา : yahoo
  • กลุ่มกองทุนที่ไม่ต้องการการส่งหมอบจริงที่ซื้อสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (FUTURES CONTRACT) ขายเพื่อ Roll Over หรือ ไปซื้อสัญญาใหม่ที่มีอายุมากกว่าเดิมเช่น กองทุนThe U.S. Oil ETF, USO ขายสัญญาที่กำลังจะหมดอายุในปริมาณที่มากจนไม่มีคนซื้อ เป็นการขายทุกราคาจนทำให้ราคาลงติดลบ แล้วไปซื้อสัญญาของเดือนถัดไป โดยกองทุนนี้จะต้องถือสัญญาน้ำมันดิบตามข้อตกลงของกองทุน เขาจะไม่สามารถถือเงินสดได้เพราะเงื่อนไขการที่ต้องถือน้ำมัน 100% ของพอร์ตการลงทุนทั้งหมด โดยสัญญา 25% ของกองทุนจะหมดอายุในเดือนนี้( มีมูลค่า340ล้านเหรียญ ) ซึ่งไม่ได้มีกองทุนนี้ กองเดียวที่ Roll Over มีกองทุน ETF น้ำมันหลายกองขาย Roll Over พร้อมๆกัน
ที่มา : FORBES

เนื่องด้วยเหตุการณ์โควิด19 จึงส่งผลกระทบต่อความต้องการในการบริโภคน้ำมันลดลงซึ่งทำให้คลังเก็บน้ำมันนั้นเต็มและราคาสัญญาซื้อขายล่วงหน้าติดลบ ซึ่งยังคงต้องจับตาดูสัญญาของในเดือนถัดไปว่าจะกลับมาดีขึ้นหรือไม่ แล้วทางบริษัทน้ำมันจะแก้ไขปัญหาที่ Supple ล้นตลาดจนไม่มีที่ระบายน้ำมันได้อย่างไร

การอ้างอิงราคาน้ำ 3 รูปแบบ

การอ้างอิงราคาน้ำมัน 3 รูปแบบ เกิดขึ้นในช่วงปลายศตวรรษที่ 20 เมื่อกลุ่ม OPEC (องค์กรผู้ค้าน้ำมันที่ใหญ่ที่สุดในโลก) มีความพยายามในการกำหนดราคาน้ำมันและควบคุมราคาน้ำมันเองจึงทำให้มีการกำหนดราคาอ้างอิงแบบใหม่เพื่อให้มีความน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น

  • Brent Crude Oil เป็นสัญญาที่มีมูลค่า 2 ใน 3 ของโลกซึ่งจะชำระราคาโดยจ่ายเป็นเงินสดเมื่อครบอายุสัญญา ในช่วงแรกราคาน้ำมัน Brent Crude Oil นั้นเริ่มใช้ในแท่นขุดหลักๆ 3 แหล่งในแถบทะเลเหนือของสหราชจักรเพราะประเทศอังกฤษเป็นผู้สร้างราคากลางนี้ขึ้นมาจึงอ้างอิงตาม 4 แหล่งดังนี้

Forties Oil Field จะเป็นพื้นที่ขุดเจาะมีพื้นที่มากที่สุดของทะเลเหนือซึ่งทางตะวันออกเฉียงเหนือของเมืองอาเบอร์ดินแห่งสก็อตแลนน์

เมืองอาเบอร์ดิน(Aberdeen)
ที่มา : Wikipedia

Forties Oil Field ถูกค้นพบในปี 1970 บริษัท British Petroleum (BP) ได้ประกาศสิทธิการครอบครองในวันที่ 7 ตุลาคม 1970 แล้วเริ่มมีการขุดเจาะในปี 1975 ที่ลึกลงไป 110 เมตร จะพบ Sand Stones ขนาด 90 ตารางกิโลเมตร แล้วจะพบน้ำมันที่ระดับความลึก 11,000 ฟิต หรือ 3,400 เมตร โดยบ่อน้ำมันนี้มีน้ำมันประมาณ 42,000 บาเรล แต่ทาง BP ได้ขายหุ้นของบ่อน้ำมันแห่งนี้ถึง 96% ในราคา 812 ล้านเหรียญสหรัฐให้กับบริษัทน้ำมันในเท็กซัส Apache Corporation

Forties Oil Field
ที่มา : Offshore Technology

Oseberg Oil Field เป็นแหล่งน้ำมันที่ห่างจากใจกลางทะเลเหนือไปทางตอนเหนือ 14 กิโลเมตรโดยมีทั้งหมด 4 ส่วนแท่นขุดเจาะ 3 แท่น Oseberg A, Oseberg B, Oseberg C และสะพานที่เชื่อมต่อระหว่างแท่นได้ถูกสร้างขึ้นในปี 1999 ถูกเรียกว่า Oseberg D ได้เริ่มมีการขุดเจาะจริงวันที่ 1 ตุลาคม 2000

ที่มา : equinor

Ekofisk Oil field เป็นบ่อน้ำมันที่มีการค้นพบเป็นที่แรกของทะเลเหนือในปี 1969 โดย บริษัท Phillips Petroleum อยู่ห่างจากเมือง Stavanger ประเทศนอร์เวย์ 320 กิโลเมตรซึ่งมีกำลังการผลิต ประมาณ 3 แสน บาร์เรลต่อวันในปี 2005

กำลังการผลิต
ที่มา : wikipedia

Brent Blend oil field คือชื่อที่เรียกบ่อน้ำมันที่เหลือในทะเลเหนืออยู่ใกล้กับสก็อตแลนด์โดยน้ำมันส่วนมากเป็นน้ำมันที่คุณภาพดี light oil และ sweet oil

North Sea Oil Field
ที่มา : Offshore Technology
  • WTI (West Texas Intermediate) เป็นดัชนีราคาน้ำมันซึ่งจะชำระราคาแบบส่งหมอบน้ำมันดิบจริงๆ จะใช้กับผู้ขายแถบอเมริกาเป็นผู้กำหนดโดยจะมีราคาที่ต่ำกว่าด้วยต้นทุนการขุดเจาะและการขนส่งที่ต่ำกว่าเนื่องจากแท่นอยู่บนบกและมีท่อต่อเข้าโรงกลั่นที่จะซื้อใน Oklahoma โดยน้ำมันส่วนมากเป็น very light oil และ very sweet oil ซึ่งกลั่นแล้วจะได้แก็สและน้ำมันที่มากกว่า heavy oil
ที่มา : boereport

น้ำมันที่ขุดขึ้นมาจะมีก๊าซธรรมชาติผสมอยู่ซึ่งทางแท่นขุดเจาะที่ Oklahoma จะไม่เก็บก๊าซดังกล่าว เขาจะเผาทำลายทิ้งเพราะเสียเวลาในการอัดก๊าซและเสียค่าใช้จ่ายสูงเนื่องจากค่าแรงไม่คุมต้นทุน แต่ก๊าซที่ใช้ตามท่อจะมาจากการกลั่นอีกที

  • Dubai Crude เป็นราคาน้ำมันที่ตกลงกันในบริเวณกลุ่มตะวันออกแต่คุณภาพน้ำมันจะสู้อเมริกา และ อังกฤษไม่ได้ซึ่งผู้นำของดูไบจะจัดการในการค้าน้ำมันจนไปถึงการกำหนดราคากับฝั่งเอเชีย

STAY TUNE, STAY BLINK DRIVE

Follow by Email