Blink Blink
Latest news
TeslaUSA

เปิดสเปค HW 4.0 ที่ Tesla ทุกรุ่นเตรียมนำมาใช้งานในปลายปีนี้(2023)

แน่นอนครับว่า การเปิดตัว HW 4.0 นั้นมีนัยยะสำคัญคือจะเอามาใช้กับรถยนต์ไฟฟ้า Tesla ทุกคันบนโลกภายในปลายปี 2023 นี้ และหลังจากกลางปีนี้เป็นต้นไป Tesla Model S และ Tesla Model X มีสิทธิ์ที่จะได้ใช้งาน HW 4.0 ก่อนเป็นรุ่นแรกของโลกในฝั่งยุโรปและอเมริกานะครับ ภาพด้านล่างนี้เป็นข้อมูลอนุมัติการใช้งาน Tesla HW 4.0 จากประเทศเนเธอร์แลนด์

สาเหตุที่ต้องตั้ง Timeline เอาไว้ช่วงไตรมาส 3 หรือประมาณปลายปีนั้นก็เพราะว่า Tesla จะเริ่มส่งมอบ Tesla Cybertruck ในช่วงเดือนตุลาคม 2023 ซึ่งรถกระบะไฟฟ้า Tesla Cybertruck ก็จะใช้งาน HW 4.0 เช่นกันครับ ดังนั้นรถทุกรุ่นของ Tesla มีสิทธิ์ใช้งานภายในปี 2024 แต่อย่างที่เห็นคือ Tesla Model S และ Tesla Model X จะได้ใช้งาน HW 4.0 ก่อนใครเพื่อนครับ

HW 4.0 คืออะไร?

ก่อนหน้านี้ผมเคยพูดไปใน live คร่าวๆ เกี่ยวกับอุปกรณ์ต่างๆ ที่จะนำมาในกับ HW 4.0 ไม่ว่าจะเป็นกล้องรอบคันรุ่นใหม่ 5.0 ล้านพิกเซลและ HD เรดาร์ตัวใหม่ที่สามารถวัดระยะวัตถุได้ไกลขึ้นกว่าเดิม 2 เท่าตัว

ยังไงผมจะ recap ให้อ่านอีกรอบนึงนะครับ

HW 4.0 มีอุปกรณ์ใหม่ๆ ดังนี้

1. กล้อง 5.0 ล้านพิกเซล

อันนี้ถือว่าเป็นการเปลี่ยน hardware ครั้งยิ่งใหญ่อีกครั้งของ Tesla Model 3 / Model Y ก่อนหน้านี้ก็มีการเปลี่ยน hardware ครั้งใหญ่ไปก็คือ MCU เปลี่ยนจาก intel atom มาเป็น AMD Ryzen นะครับ

โดยข้อมูลเพิ่มเติมนั้นตัวกล้องรอบคันของ Tesla HW 4.0 นั้นจะมี LED Flickering มาให้เพื่อสามารถจับภาพจากป้ายจราจรต่างๆ ได้แม่นยำมากยิ่งขึ้น

และเลนของกล้องรุ่นใหม่ที่มาพร้อมกับ HW 4.0 นั้นจะเป็นเลนรุ่นใหม่ที่สามารถเก็บภาพได้กว้างขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเลยล่ะครับ

2. ตัด ultra sonic sensor ออก

อย่างที่ทราบกันไปก่อนหน้านั้นคือ Tesla ประกาศยกเลิกใช้ Ultra Sonic sensor สำหรับตรวจจับวัตถุรอบคันและเปลี่ยนมาใช้กล้องรอบรถแทนนะครับ มาวันนี้มีชาว twitter นามว่า The Kilowatts ได้เอาภาพถ่ายรถยนต์ไฟฟ้า Tesla Model 3 รุ่นใหม่หรือรุ่นผลิตหลังเดือนตุลาคมเป็นต้นไปนั้นไม่มี sensor เหล่านั้นติดมากับรถแล้วนะครับ

รูปภาพ : Tesla Model 3 รุ่นใหม่ ผลิตหลังเดือนตุลาคม 2022(สังเกตุดีๆ ตรงกันชนนั้นไม่มี Ultra Sonic Sensor อีกแล้วครับ)
รูปภาพ : น้องโพล่า(Tesla Model 3)ปี 2021 ยังมีวงกลมเล็กๆ ที่กันชนซึ่งนั่นก็คือ ultra sonic Sensor นะครับ

3. HD Radar

HD Radar ตัวใหม่ของ Tesla นั้นจะสามารถส่งสัญญาณได้ไกลมากถึง 300 เมตรหรือมากกว่า Radar ตัวเก่าที่เคยถูกถอดไปในปี 2021 ถึง 2 เท่าครับ

electrek บอกว่า Tesla กำลังมองหา Radar ตัวใหม่ที่สามารถสร้างภาพ 4 มิติขึ้นมาและมีความสามารถกระยะแม่นยำและไกลกว่าเรดาร์ตัวเดิมถึง 2 เท่าครับ ภาพ 4 มิติคือ กว้าง, ยาว, ลึก, และมิติสุดท้ายคือเรื่องเวลา (มันจะมี Deep Learning เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยเพราะใช้กฏของฟิสิกส์ในการกำหนดตำแหน่งของวัตถุในช่วงเวลาต่างๆ และสร้างภาพจำลองล่วงหน้าในอนาคต 4-5 วินาทีผ่าน RNN (Recurrent neural network) ครับ)

4. FSD Hardware 4.0

มาวันนี้ Mr. Green เทพแห่งการ hack Tesla ได้นำข้อมูลเกี่ยวกับ Autopilot Hardware 4.0 มาเปิดเผยต่อหน้าสาธารณะแบบแกะออกมาให้ดูกันชิ้นต่อชิ้นกันไปเลยนะครับ

ภาพด้านบนนี้คือการเปรียบเทียบระหว่างบอร์ด HW 3.0 Vs. บอร์ด HW 4.0 นะครับ ซึ่งเดี๋ยวผมจะเจาะลึกเรื่องรายละเอียดในบอร์ดให้เข้าใจมากยิ่งขึ้น

Port กล้องตัวใหม่รับกล้องได้ 12 ตัว

Tesla HW 4.0 นั้นมาพร้อม port รับสัญญาณจากกล้องมากถึง 12 ตัวซึ่งจริงๆแล้วมากเกินการใช้งานครับเพราะรถยนต์ไฟฟ้า Tesla นั้นมีกล้องมาให้เพียง 9 ตัวเท่านั้น โดยแบ่งออกเป็น กล้องหน้า 3 ตัว, กล้องไฟเลี้ยว 2 ตัว, กล้องเสา B pillar 2 ตัว, กล้องในห้องโดยสาร 1 ตัว,และกล้องหลังรถ 1 ตัว

อย่างไรก็ตาม มีรายงานจากฝั่งจีนว่า Tesla จะลดการใช้กล้องหน้ารถจาก 3 ตัวเหลือเพียง 2 ตัวเท่านั้น เนื่องจากจะมีการเปลี่ยนกล้องรอบคันจาก 1.2 ล้านพิกเซลเป็น 5 ล้านพิกเซลดังนั้นก็ไม่จำเป็นต้องใช้กล้องมากถึง 3 ตัวอีกแล้วครับ

ส่วนอีกเรื่องนึงคือระบบระบายความร้อนของกล้องที่ติดเข้ามาด้วยซึ่งจะมีใน HW 4.0 เนื่องจากตัวกล้องให้ความชัดเจนมากถึงเกือบถึง 4 เท่าดังนั้นจะมีการกินไฟมากยิ่งขึ้นและความร้อนสะสมก็จะเยอะตามขึ้นไปนะครับ

มีพอร์ทกล้องเพิ่มขึ้นอีก 4 ตัวตรงไฟหน้าและไฟท้ายรถ

อันนี้จะ make sense กับสิ่งที่ผมเพิ่งกล่าวไปพอดีครับ Green บอกว่า เจอรหัส SVC ใน Board ของ Tesla HW 4.0 ซึ่งรหัสนี้จะบอกรายละเอียดว่า Tesla กำลังติดตั้งกล้องเพิ่มสองตัวหน้ารถตรงโคมไฟหน้ารถและ 2 ตัวด้านกันชนหลังรถ

Green บอกว่า กล้องเหล่านี้จะมาทำหน้าที่ตรงเลี้ยวซ้ายหรือเลี้ยวขวาเพื่อลดจุดอับบนท้องถนนและทำงานแทน USS (Ultra Sonic Sensor) อีกด้วยครับ

ถ้านับกล้องหน้าที่เอาออกไปหนึ่งตัวและนับกล้องหน้า-หลังรถที่เพิ่มขึ้นมา 4 ตัวก็จะเห็นได้ว่าพอดีกับ port กล้องทั้งหมด 12 ตัวที่เพิ่มขึ้นมาจากเดิม 9 ตัวนะครับ

  • SPARE – กล้องตัวสำรอง
  • F-SVC – กล้องหน้ารถ
  • SELFIE – กล้องภายในห้องโดยสาร
  • R-SVC – กล้องด้านหน้าขวารถ(กล้องตัวใหม่)
  • L-SVC – กล้องด้านหน้าซ้ายรถ(กล้องตัวใหม่)

ประมวลผลเร็วขึ้น 2-4 เท่าจาก HW 3.0

ภาพด้านบนนี้คือ Chipset HW 3.0(ซ้าย) Vs. HW 4.0(ขวา)ซึ่ง Green บอกว่า HW 4.0 นั้นมี Processor มากถึง 20 Core ในการประมวลผลเพิ่มขึ้นจากของเดิม(HW 3.0)ที่มี 12 Core ส่วนความแรงนั้นไม่ได้ต่างกันมากโดย HW 4.0 มีความแรงที่ 2.35 GHz ส่วน HW 3.0 มีความแรงที่ 2.2 GHz

อีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้ HW 4.0 แตกต่างจาก HW 3.0 อย่างชัดเจนคือเรื่อง GPU ครับ บอร์ด HW 4.0 รุ่นใหม่นั้นมี GPU อยู่ในบอร์ดมาเลย ส่วน HW 3.0 นั้นใช้ GPU แยกออกจากตัว Board เดิมครับ

ภาพ : ด้านบนคือบอร์ด HW 3.0 , ด้านล่างคือ บอร์ด HW 4.0

ความจุที่ให้มานั้นเหมือนกันเป๊ะคือ หน่วยความจำ NVMe ที่ 256 GB และ RAM 16 GB ส่วน CPU ใช้ AMD เหมือน HW 3.0 และ GPU ก็ AMD เหมือนกัน

HW 4.0 กินไฟมากกว่า

การกินไฟของบอร์ด HW 4.0 นั้นจะมากกว่า HW 3.0 ถึง 2 เท่าในเวลา idle(ยังไม่ถูกเรียกใช้งาน)เราจะเห็นได้ว่ามีขาวงจรขนาดใหญ่เพิ่มขึ้นมาในส่วนของ power supply หรือตัวจ่ายไฟ ส่วน HW 3.0 นั้นมีแค่ขาวงจรตัวเล็กเท่านั้น

จีนจะปล่อย Tesla Model 3 พร้อมกับ HW 4.0

Green ยืนยันแล้วว่าตอนนี้ทางจีนกำลังซุ่มทำ Tesla Model 3 Retrofit คือใช้ HW 4.0 ในการประกอบทั้งหมด คาดว่าจะมีการปล่อยออกมาขายเร็วๆ นี้

HD เรดาร์แบบ 4 มิติ

จากข้อมูลในบอร์ด HW 4.0 นั้น Green ยืนยันว่า เรดาร์จะถูกจะนำมาใช้ถูกเรียกว่า ฟินิกส์เรดาร์และมันมาพร้อมกับ Heater (ระบบทำความร้อน) เนื่องจากเมืองหนาวนั้นมีหิมะเกาะบนตัวรถ ดังนั้นหิมะมันอาจจะบดบังทัศนะวิสัยตอนใช้งาน Tesla จึงติดตั้ง heater ตรงเรดาร์มาเพื่อละลายหิมะครับ

ตัวรับสัญญาณ GPS แบบ triband(ดีกว่าเดิม)

รูปภาพ : port GPS ที่เขียนว่า Triple-band

ทุกวันนี้ GPS Dual band ของรถยนต์ไฟฟ้า Tesla ก็เหนือกว่าค่ายอื่น ๆ บนท้องตลาดไปอย่าง Benz, BMW, Porsche, Volvo หรือค่ายยุโรปไปไกลมากแล้วนะครับ แต่ปรากฏว่า Tesla มองว่ามันไม่เพียงพอกับการใช้งานจึงใช้แบบ tri-band หรือ multi-band ครับ ณ ปัจจุบันนั้น iphone 14 pro max นั้นยังใช้แบบ dual-band (2 คลื่นความถี่)อยู่เลย คิดดูว่า Tesla HW 4.0 นั้นสามารถรับสัญญาณ 3 คลื่นความถี่ในการใช้งานมันจะละเอียดมากขึ้นแค่ไหนแหละครับ

ตัว GPS รับคลื่นสัญญาณจากดาวเทียมนั้นจะอยู่ตรงกล่องพลาสติกหลังกระจกมองหลังรถของ Tesla ทุกรุ่นครับ

GPS : Dual band Vs. Multi-band

Dual-band GPS (ถูกนำมาใช้ครั้งแรกในปี 2017) รับคลื่นความถี่ได้ 2 คลื่นด้วยกันคือ L1 และ L2 โดยคลื่นความถี่ L1 band นั้นมีความถี่อยู่ที่ 1575.42 MHz ในขณะที่คลื่นความถี่ L2 band มีความถี่อยู่ที่ 1227.60 MHz

การที่ Dual-band GPS สามารถรับคลื่นความถี่ได้มากถึง 2 คลื่นนั้นก็แปลว่ามันจะสร้างความแม่นยำกับอุปกรณ์ที่ใช้งานได้มากกว่า Single-band GPS ครับเพราะตัวรับมันจะใช้คลื่นความถี่ที่สองในการกะระยะตำแหน่งเข้มข้นขึ้นครับ มันจะลดเรื่องคลื่นความถี่ที่กระทบวัตถุอื่นแล้วสะท้อนกลับมาที่ตัวรถ

Dual Band GPS นั้นจะสามารถหาตำแหน่งได้แม่นยำขึ้นจาก 10 เมตรเป็น 3 เมตรครับ

อย่าง iphone 14 Pro นั้นเป็นมือถือเครื่องแรกของ Apple ที่ใช้งาน Dual Band ครับ เราจะเห็นได้ว่า GPS ของ iphone 14 Pro นั้นมีความแม่นยำมากกว่า iphone 13 Pro มากๆครับ

ส่วนตัวรับสัญญาณ Multi-band GPS (ถูกนำมาใช้ครั้งแรกในปี 2022) นั้นใช้รับคลื่นความถี่ได้สูงถึง 3 คลื่นความถี่คือ L1, L2, และ L5 ซึ่งมีคลื่นความถี่ที่ 1176.45 MHz หรือคลื่นความถี่อื่นแถวนั้น

ตัว Multi-band GPS มีความแม่นยำมากกว่า Dual-band อยู่แล้ว ตัว GPS สามารถทำงานภายใต้สภาพอากาศที่แย่กว่า Dual Band อย่างมากเช่น ในหมอก, เมฆเต็มฟ้าหรือภายในเมืองที่มีตึกสูงเยอะๆ

Multi-band GPS ถือว่าเป็นของใหม่มากๆ ถูกนำมาใช้ครั้งแรกในปี 2022 กับอุปกรณ์การเดินทางอย่าง Garmin GPSMAP 65 หรืออุปกรณ์เดินป่าแบบ advance (ขั้นสูง)

ณ ปัจจุบันนั้น ค่ายมือถืออื่นๆ ยังใช้ Single band กันอยู่เลยครับ มีแค่ไม่กี่ค่ายที่เริ่มหันมาใช้ Dual-band แต่นี่ Tesla ล่อไป Tri-band หรือ Multi-Band ใน HW 3.0

BLINK DRIVE TAKE

รถที่ใช้ HW 3.0 ไม่สามารถ upgrade เป็น HW 4.0 ได้

Green ยืนยันว่า ต่อให้จะพยายามดัดแปลงกล้องให้ใช้งาน HW 4.0 ได้ก็ตามแต่ตำแหน่งของ MCU นั้นไม่สามารถดัดแปลงได้เลย เราจะเห็นขนาดของ MCU HW4.0 ว่ามีขนาดใหญ่กว่า 20-50 % จากของเดิมและที่สำคัญคือ port ต่างๆ ก็เปลี่ยนไปจากเดิมเยอะมากๆ

แม้กระทั่งท่อ liquid cooling ระบายความร้อนแบบน้ำของทั้งสองรุ่นนั้นก็อยู่คนล่ะตำแหน่งแบบสิ้นเชิงครับ รวมไปถึงตัวยึดกล่องก็คนล่ะตำแหน่งกันเลย ดังนั้นก็แปลว่ารถยนต์ไฟฟ้า Tesla ทุกคันที่มี HW 3.0 ไม่สามารถไปต่อได้กับ HW 4.0 ครับ

นี่อาจจะเป็นสาเหตุสำคัญที่ Tesla ทำการลดราคารถยนต์ไฟฟ้าของตนเองทั่วโลกในช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมานี้เพราะลดล้าง stock ก่อนจะกระโดดไป HW 4.0 แหละครับ

ถ้าถามผมวันนี้ว่า ควรรอ HW 4.0 ไหม? ผมก็ตอบแบบ 60-70% ว่าควรแล้วล่ะครับ เพราะการ upgrade GPS เอย(ใช้ระบบนำทางได้แม่นยำมากยิ่งขึ้น), MCU แบบใหม่เอย(เร็วขึ้นกว่าเดิม 2-4 เท่า), กล้องใหม่เอย(ต่อให้คุณไม่ใช้ FSD eta แต่กล้อง Sentry Mode ของคุณก็จะเก็บรายละเอียดระดับ 4k ได้เลยนะครับ), และเพิ่มกล้องมาอีก 4 ตัวเพื่อใช้งานแทน USS (Ultra Sonic Sensor)

ถ้าจะให้สรุปคือ ถ้าคุณรีบใช้งานรถยนต์ไฟฟ้า Tesla จริงๆ ก็ซื้อเลยครับ แต่ถ้าคุณยังไม่รีบใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าภายใน 8 เดือนจากนี้ ก็รอก่อนก็ได้ครับ อารมณ์ตอนนี้เหมือน Macbook M3 กำลังจะออกปลายปีนี้แล้วและคุณก็รู้สเปคทุกอย่างหมดแล้วจากโพสนี้ แต่คุณกำลังจะซื้อ Macbook M2 มาใช้งานครับ

คำตอบนั้นก็เหมือนเดิมครับ ถ้ามันจำเป็นต้องใช้งานก็ซื้อเลยครับ ซื้อวันนี้ก็ถูกกว่าปีที่แล้วไป 1-2 ล้านบาทแล้ว แต่ถ้าคุณรอได้ก็รออีก 8-10 เดือนครับ เพราะกำหนดการใช้งาน HW 4.0 นั้นคือช่วงไตรมาสสาม เดือนสิงหาคม – พฤศจิกายน

Stay tune, stay with BLINK DRIVE

Follow by Email