Blink Blink
Latest news
AsiaMG

รีวิว MG EP วิ่งไป-กลับ เชียงใหม่ – กทม. ค่าไฟ 795.93 บาท | 1,460 km

สวัสดีครับวันนี้ผมมีรีวิวการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้า MG EP จากคุณ “พี่หมีไฮบริด” ในเส้นทาง เชียงใหม่-กรุงเทพ(ถ.ศรีนครินทร์)-เชียงใหม่ โดยเป็นการเดินทางแบบ ไป-กลับ ใช้ระยะทางทั้งหมด 1,460 กิโลเมตร เสียค่าใช้จ่ายในการเดินทาง(เฉพาะค่าชาร์จไฟ) 795.93 บาท โดยมีรายละเอียดการเดินทางดังนี้ครับ

  • ระยะทางทั้งหมด 1,460 กิโลเมตร
  • ค่าใช้จ่ายในการเดินทาง : 795.93 บาท
  • ค่าใช้จ่ายเฉลี่ย 0.54 บาท/km
  • จุดเริ่มต้น : เชียงใหม่
  • จุดหมาย : กรุงเทพฯ
  • จุดหมายปลายทาง : เชียงใหม่
  • ระยะเวลาเดินทางทั้งหมด(รวมชาร์จไฟ) : 22 ชั่วโมง

เชียงใหม่ – กทม

ออกจากเชียงใหม่(บ้าน) 05.30 น. – ชาร์จไฟเต็มถัง 100%

ชาร์จจุดที่ 1 ตู้แดง MG ลำปาง 91 บาท

ชาร์จจุดที่ 2 PEA Volta ปั๊มบางจาก จ.ตาก 178.57 บาท

ชาร์จจุดที่ 3 ตู้แดง MG ส.อรุณ นครสวรรค์ 262.60 บาท

ชาร์จจุดที่ 4 PEA อยุธยา จุดนี้ ชาร์จฟรี (ก่อนเข้า กทม)

เดินทาง 11 ชั่วโมงครึ่งถึงกทม.

คุณพี่หมีออกจากเชียงใหม่ตอนตี 5 ครึ่งแล้วมีถึง กทม. ประมาณ 5 โมงเย็นนะครับ จากนั้นแกก็ทำธุระ(วิ่งรถมาเพื่อเครียร์งาน)เสร็จตอน 6 โมงเย็นแล้วก็ออกจาก กทม. ตีรถกลับเชียงใหม่เย็นนั้นเลยครับ ขากลับนั้นก็ใช้เส้นทางเดิมตามข้อมูลด้านล่างนี้ครับ

กทม. – เชียงใหม่ : 6:00 p.m. – 04:15 a.m.

  • ชาร์จจุดที่ 5 PEA อยุธยา ฟรีเหมือนเดิม ก่อนออกเดินทางกลับ
  • ชาร์จจุดที่ 6 PEA Volta ปั๊มบางจาก คลองขลุง 109.53 บาท
  • ชาร์จจุดที่ 7 PEA Volta ปั๊มบางจาก จ.ตาก 139.93 บาท
  • ชาร์จจุดที่ 8 ตู้แดง MG ลำปาง 105.30 บาท
  • ชาร์จจุดที่ 9 ตู้ EVolt ศูนย์อุตสาหกรรมที่ 1 เชียงใหม่ ฟรี

ค่าใช้จ่ายทั้งหมด 795.93 บาท

ระยะทางรวมในทริปนี้คือ 1,460 km ซึ่งค่าใช้จ่ายตลอดทริป 795.93 บาท(ไม่นับชาร์จฟรีตามสถานีต่างๆ) ค่าใช้จ่ายเฉลี่ย 0.54 บาท/กิโลเมตร

ตอนจะเดินทางไปชาร์จจุดชาร์จของศูนย์ MG นั้น ต้องใช้ App i-Smart โดยต้องมีเลขตัวถังของ MG ลงทะเบียนใน App ให้เรียบร้อยก่อน แล้วสามารถเช็คเวลาให้บริการได้ภายใน App เลยครับ ส่วน App PEA สามารถเช็คสถานะว่ามีรถใช้งานอยู่ได้ครับผม

อันนี้แตกต่างจากการเติมแก๊ส NGV หรือ LPG ครับ ที่เราไม่สามารถตรวจสอบได้เลยว่าปั้มที่เรากำลังจะไปถึงนั้นมีรถจอดรอเติมแก๊สอยู่มากน้อยเพียงไรครับ

สรุปการเดินทาง

ความเร็วเดินทาง 110-130 กิโลเมตร/ชั่วโมง ใช้เวลาขับรถรวม 18.8 ชั่วโมง(คำนวนจากหน้าจอ) ใช้เวลาเดินทางรวมจอดพักชาร์จไฟ 22 ชั่วโมง (การเดินทางครั้งนี้เดินทางช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ ทำให้ค่าชาร์จไฟตู้ PEA ถูกลง จาก 7.5489 บาท เหลือเพียง 4.1xxx บาท)

พี่หมีแนะนำว่า การจอดชาร์จไฟแต่ละจุดจะคำนวนให้พอถึงสถานีชาร์จถัดไป + เผื่อ 80 กิโลเมตร (เผื่อไว้ใช้สำหรับทำความเร็ว)

เอาล่ะครับ หลังจากผมได้ข้อมูลรีวิวการเดินทางไป-กลับเชียงใหม่ – กทม. มาเสร็จแล้ว ผมอยากทราบว่าทำไมพี่หมีถึงเปลี่ยนใจมาใช้รถยนต์ไฟฟ้าและก่อนหันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้าพี่หมีใช้รถยนต์อะไรมาก่อนครับ

ทำไมถึงเปลี่ยนใจมาใช้รถยนต์ไฟฟ้า?

พี่หมีตอบว่า “ผมสนใจรถยนต์ไฟฟ้ามานานแล้วครับผม ผมเล็งมาตั้งแต่ ZS EV ออกมาใหม่ๆ แต่ตอนนั้นยังไม่ตอบโจทย์เรื่องระยะทาง ครั้นจะไป Tesla ก็รู้สึกว่าราคายังไม่สมเหตุสมผล (ภาษีบ้านเรา) เลยมองข้ามไป จนมาจบที่ MG EP ครับ เหตุผลเพราะ อัตราเร่ง ไม่ได้แตกต่างจาก Camry Hybrid ที่เคยใช้อยู่ ครับผม

ถ้าเทียบกับรถคันเก่า, MG EP คันนี้ประหยัดกว่ากันเยอะไหม?

ผมซื้อขาย รถยนต์มือสองเป็นหลักครับ คันก่อนหน้าที่จะมาขับ MG EP นั้น ผมขับPrius กับ Camry Hybrid AHV50 ซึ่งเป็นรถไฮบริดครับ ถ้าเทียบเส้นทางเดียวกันนี้คือ ไป-กลับเชียงใหม่ – กทม. 1 รอบ รถยนต์น้ำมัน Toyota Camry Hybrid 2.5 ของผมจะกินน้ำมันอยู่ที่ 2,400 บาท (เฉลี่ยขาละ 1,200 บาทครับ) หรือนั่นก็แปลว่าแพงกว่าการใช้รถยนต์ไฟฟ้า MG EP คันนี้วิ่งไป-กลับประมาณ 3 เท่าตัวครับ

ใช้งานรถคันนี้มานานเท่าไหร่แล้ว?

อายุรถคันนี้ 27 วัน (ออกรถเมื่อ 18/6/64) ใช้งานไปแล้วทั้งหมด 6,300 กิโลเมตร เดินทางไป กทม 2 ครั้ง จ.ร้อยเอ็ด 1 ครั้ง ใช้งานจริงในชีวิตประจำวันทุกวันครับ

BLINK DRIVE TAKE

ผมมองว่า การเดินทางไป-กลับเชียงใหม่ – กทม. ด้วยรถยนต์ไฟฟ้าสมัยนี้นั้นเริ่มรวดเร็วและช้ากว่ารถยนต์น้ำมันประมาณ 3-4 ชั่วโมงเท่านั้นเองครับ ถ้าเวลาไม่ปัจจัยหลักในการเดินทางเส้นทางนี้ผมว่ารถยนต์ไฟฟ้าก็ตอบโจทย์ครับ แต่ถ้าเวลาเป็นปัจจัยหลักในการเดินทางของคุณจริงๆ แบบว่าหายไป 4 ชั่วโมง เงินในบัญชีคุณจะหายไปมากกว่า 10,000 บาทแล้วล่ะก็ ผมแนะนำให้เดินทางด้วยเครื่องบินแล้วเช่ารถในจังหวัดที่คุณจะไปเถอะครับ เพราะต่อให้เลือก choice (ตัวเลือก) ซื้อตั๋วเครื่องบิน + เช่ารถ 2-3 วันเพื่อใช้งานก็ยังประหยัดกว่า 10,000 บาทใช่ไหมครับ?

ส่วนเรื่องการใช้งานรถยนต์น้ำมันนั้นผมมองว่าประหยัดเวลาก็จริง แต่ราคาส่วนต่างนั้นเอาไปซื้อตั๋วเครื่องบินได้ 1 เที่ยวสบายๆ ครับ ยังไงก็เลือกพาหนะหรือวิธีการเดินทางกันเองนะครับ ผมเชื่อว่าไม่มีวิธีการไหนถูกที่สุดหรอกครับ เพราะเวลาของแต่ล่ะคนนั้นราคาไม่เท่ากันครับ

ผมยังยืนยันเหมือนเดิมว่า ถ้าคุณรีบมาก แนะนำนั่งเครื่องบินครับ แต่ถ้ามีรถยนต์น้ำมันอยู่แล้วก็ใช้กันต่อไปจนกว่าจะใช้ไม่ไหวแล้วค่อยหันมามองหารถยนต์ไฟฟ้าในวันนั้นก็ได้ครับ แต่ถ้าคุณวางแผนซื้อรถยนต์คันใหม่ภายในปีนี้ ผมว่าการได้อ่านโพสนี้ก็ช่วยประกอบการตัดสินใจของคุณขึ้นมาหน่อยนึงใช่ไหมครับ?

ปล. เพจเราไม่เคยบังคับให้ใครออกไปซื้อรถยนต์ไฟฟ้ามาใช้ทันทีครับ เพียงแต่เราอยากให้ข้อมูลที่ถูกต้องเพื่อใช้ในการตัดสินใจในอนาคตของพวกท่านครับ

Stay tune, stay with BLINK DRIVE

ส่งข้อมูลที่น่าสนใจและอยากให้แปลมาได้ที่ THE FORTRESS

Follow by Email