Blink Blink
Latest news
Formula ENews

BTS ร่วมมือ Formula E เซ็นสัญญาเป็นโกลบอลแอมบาสเดอร์ให้เต็มตัว

วงบอยแบนด์เกาหลี บีทีเอส (อังกฤษ: BTS) หรือ พังทันโซ-นย็อนดัน (ฮันกึล: 방탄소년단; ฮันจา: 防彈少年團) จับมือกับผู้จัดการแข่งขันรถแข่งไฟฟ้าชั้นนำของโลกอย่างเป็นทางการ ABB FIA Formula E ณ วันที่ 18 ธันวาคม 2562 ที่ผ่านมา ซึ่งเป้าหมายในการ join venture หรือจับมืออย่างเป็นทางการครั้งนี้ก็เพื่อประกาศตัวต่อสู้กับภาวะโลกร้อนและฝุ่นควันในเมืองหลวงที่มีสาเหตุหลักมาจากรถยนต์น้ำมัน โดยวงบอยแบนด์เกาหลี บีทีเอสได้รับเลือกให้เป็นโกลบอลแอมบาสเดอร์ของ Formula E อีกด้วย เรียกได้ว่า Formula E ไปที่ไหนบนโลก จะต้องมีรูป BTS ไปโผล่ที่นั่นด้วยยังไงละครับ

” ตอนนี้ปัญหาสิ่งแวดล้อมที่มีผลที่มนุษยชาติโดยตรงในทุกประเทศทั่วโลกคือ มลพิษทางอากาศ ซึ่งคร่าชีวิตผู้คน(ต่อปี)ไปอย่างมหาศาลมากกว่าการคร่าชีวิตผู้คนจากการสูบบุหรี่ซะอีก (อ้างอิงจากข้อมูล world heatlh organization) ดังนั้น Formula E และวงบีทีเอสหวังว่าการจับมือกันครั้งนี้จะสร้างแรงบันดาลใจให้แก่เด็กรุ่นใหม่และแฟนเพลงของพวกเราที่มีมากกว่า 1 ล้านคนทั่วโลกให้หันมาสนใจรถพลังงานสะอาดอย่างรถยนต์ไฟฟ้ามากยิ่งขึ้นและตระหนักถึงผลเสียจากการใช้งานรถยนต์น้ำมัน
พวกเรายินดีที่จะประกาศตรงนี้เลยว่า BTS จะได้รับเลือกเป็นตัวแทนโกลบอลแอมบาสเดอร์ให้แก่ผู้จัดการแข่งขันรถแข่งไฟฟ้าที่เร็วที่สุดในโลกอย่าง ABB FIA Formula E Championship วงบอยแบนด์ BTS นั้นเป็นวงที่มาฐานแฟนคลับในทั่วทุกมุมโลกอย่างหนาแน่น ดังนั้น พวกเค้าจะเป็นฟันเฟืองชิ้นสำคัญที่จะส่งข้อความไปยังชาวโลกทุกคนเกี่ยวกับเรื่อง climate change(โลกร้อน)
จริงๆ ก่อนหน้าวง BTS นี้ เราได้ Leonardo DiCaprio (ลีโอนาร์โด ดิแคพรีโอ),Diane Kruger (ไดแอน ครูเกอร์), และOrlando Bloom(ออร์แลนโด บลูม) มาร่วมงานกับเราในการแข่งขัน E-Prix ก่อนหน้านี้
แต่มารอบนี้ ถือว่า ได้คนรุ่นใหม่ที่ยังหนุ่มยังแน่นเข้ามาร่วมงานจริงๆ เชื่อว่า วงบอยแบนด์อย่าง BTS นี้จะช่วยผลักดันและโปรโมทรถยนต์ไฟฟ้าไปได้อย่างรวดเร็วแบบที่ไม่เคยมีมาอย่างแน่นอนครับ พวกเราดีใจมากๆ ที่ได้ร่วมงานกับ RM, Jin, SUGA, j-hope, Jimin, V และ Jung Kook

Jamie Reigle ผู้ดำรงตำแหน่ง CEO ของ Formula E
Jamie Reigle คนซ้าย

หมายเหตุ : แบรนด์ แอมบาสเดอร์ มีหน้าที่ในการให้ความรู้ในตราสินค้านั้นต่อผู้บริโภคครับ ส่วนคำว่า โกลบอลแอมบาสเดอร์ น่าจะมีความหมายว่า ผู้ที่ทำหน้าที่ในการให้ความรู้ในตราสินค้านั้นต่อคนทั้งโลกครับ

ที่มา : the variety

งานนี้บอกเลยว่า ไม่ธรรมดาเพราะว่าวงบอยแบนด์เกาหลี บีทีเอสวงนี้เป็นวงที่ดังที่สุดในเกาาหลี ณ เวลานี้อีกด้วยครับ ยังไงแล้ว Blink Drive ขอนำประวัติวงเกาหลีวงนี้มานำเสนอให้แก่สมาชิกทุกท่านตรงนี้เลยนะครับ

ประวัติวงบอยแบนด์ บีทีเอส (BTS)

BTS หรือที่รู้จักกันในชื่อ Bangtans Boys (บังทันบอยส์) เป็นชื่อที่ย่อมาจากภาษาเกาหลี 방탄소년단 (บังทันโซนยอนดัน) ที่มีความหมายว่า Bulletproof Boy Scouts (เด็กผู้ชายในเกราะกันกระสุน) ต่อมา ในเดือนกรกฎา 2017 BTS ได้มีการปรับเปลี่ยนความหมายของชื่อเป็น Beyond the Scene (วัยรุ่นผู้พัฒนาสู่ความใฝ่ฝันอย่างไม่หยุดยั้งและไม่ยึดติดกับสถานภาพปัจจุบัน)

Highlight ของวงนี้

  • เป็นศิลปินกลุ่มแรกของค่าย BigHit Entertainment เป็นค่ายเพลงขนาดเล็กที่มีแนวเพลงหลักๆ คือเคป๊อปและฮิปฮอปเดบิวต์วันที่ 13 มิถุนายน 2013 ด้วยอัลบั้ม 2 Cool 4 Skool.
  • ศิลปินเกาหลีเกาหลีกลุ่มแรกที่สร้างประวัติศาสตร์บนชาร์ตเพลงที่ได้รับความนิยมระดับโลก
  • เพลงของ BTS มักกล่าวถึงประเด็นทางสังคมหรือการเมืองนำมาแต่งเป็นเพลง เช่น เรื่องสุขภาพจิต ชนชั้นทางสังคม การทำร้ายกลั่นแกล้ง (Bullying) อภิชนนิยม (Elitism) และประเด็นต้องห้ามต่างๆ
  • ในปี2017 มีการจับมือกับ UNICEF ในครั้งนี้ BTS และ Big Hit Entertainment จัดตั้งโครงการ ‘LOVE MYSELF’ และบริจาคเงินจำนวน 500 ล้านวอน ให้กับทางองค์กร UNICEF โดยแบ่งรายได้จากยอดขายซีรีส์อัลบั้ม ‘LOVE YOURSELF’ เป็นจำนวน 3%  รวมถึงรายได้ทั้งหมดของการขายสินค้าออฟฟิเชียลของแคมเปญจ์ และเงินบริจาคจากคนทั่วไปที่สนับสนุนแคมเปญจ์ ‘END Violence’ ขององค์กร  UNICEF
  • ศิลปินเกาหลีกลุ่มแรกที่ขึ้นอันดับ 1 ในชาร์ต iTunes ของสหรัฐฯ ก่อนจะได้รับเกียรติเป็นศิลปินเกาหลีกลุ่มแรกที่ได้ขึ้นแสดงบนเวที Billboard Music Awards 2018
  • ศิลปินเกาหลีแรกที่ได้รับรางวัล Teen Choice Awards 2018 สาขา ดนตรี
  • ศิลปินเกาหลีกลุ่มแรกที่ได้ขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ในงานประชุมสมัชชาครั้งใหญ่ของ UN ในปี2018

ที่มา : educatepark

วงบีทีเอสขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ในงานประชุมสมัชชาครั้งใหญ่ของ UN ในปี2018

ล่าสุดนี้วงบอยแบนด์บีทีเอสได้รับเลือกเป็นศิลปินที่เปล่งประกายมากที่สุดเป็นอันดับที่ 1 ประจำปีนี้ ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2กว่า 4,203 คน ช่วงอายุ 13~59 ปี โหวตให้ BTS เป็นนักร้องที่ชื่นชอบมากที่สุด ด้วยคะแนน 26.3%

รู้จักวงบอยแบนด์กันไปแล้ว ยังไงก็กลับมารู้จักวงการรถแข่งไฟฟ้า Formula E กันหน่อยนะครับ

Formula E คืออะไร?

Formula E คือ การแข่งรถแบบล้อเปิด คล้ายรถแข่งของ Formula 1 แต่รถแข่งที่เข้าร่วมการแข่งขันจะขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าล้วนๆ เพื่อพิสูจน์ว่ารถยนต์ประเภทนี้มีสมรรถนะไม่แพ้รถแข่งชนิดอื่นที่ใช้เครื่องยนต์สันดาป

การแข่งขันฤดูกาลที่ 5 ได้เริ่มขึ้น โดยใช้รถแข่ง ฟอร์มูลา อี “เจเนอเรชันที่ 2” ที่ได้รับการแก้ไข ปรับปรุง จนเชื่อว่าจะสามารถดึงความสนใจจากสาธารณชนให้หันมามอง รถแข่งพลังงานไฟฟ้าได้อีกครั้ง ด้วยงานออกแบบใหม่หมด ผลิตโดยบริษัท “สปาร์ค” (SPARK) แต่ละคันมีราคาโดยรวมราว 817,300 ยูโร หรือประมาณ 32 ล้านบาท (แพงกว่ารถแข่งที่ใช้ในฤดูกาลที่ 4 ประมาณ 13 ล้านบาท)

ประเด็นแรก คือ ด้านความเงียบ ประเด็นนี้เป็นทั้งจุดเด่น และจุดด้อยของการแข่งขัน ซึ่งผู้จัดเข้าใจในจุดนี้ดี จึงกำหนดสถานที่ในการแข่งขัน “เข้ามา” สู่ชุมชน แทนที่จะต้องให้คนดูต้องเดินทางไปยังสนามแข่งรถ เนื่องจากเสียงที่เกิดจากรถพลังไฟฟ้า มีความดังเพียง 80 เดซิเบล เท่านั้น เงียบกว่ารถเมล์เสียด้วยซ้ำ จึงสามารถจัดการแข่งขันใจกลางเมือง เพื่อให้ผู้ชมสามารถดูได้อย่างใกล้ชิด (นอกจากที่นั่งแกรนด์สแตนด์แล้ว จุดอื่นๆ สามารถเข้าชมได้ฟรี)

ส่วนการที่มอเตอร์ไฟฟ้า มีแรงบิดดีตั้งแต่รอบต่ำ ทำให้เหมาะกับเส้นทางในเมืองที่ไม่ยาวมาก และมีทางเลี้ยวค่อนข้างมากได้เป็นอย่างดี

อีกจุดหนึ่งที่เป็นวิวัฒนาการใหม่ที่น่าสนใจสำหรับรถในฤดูกาลที่ 5 นี้คือ “ฮาโล” (HALO) หรืออุปกรณ์ป้องกันการบาดเจ็บจากเศษของอุบัติเหตุที่อาจจะปลิวเข้ามาใส่ผู้ขับขี่ ที่หยิบยืมมาจากการแข่งรถสูตรหนึ่ง แม้หลายคนรู้สึก ขบขันเพราะหน้าตาค่อนข้างจะคล้ายกับ “หูรองเท้าแตะ” แต่ผู้จัดการแข่ง ฟอร์มูลา อี ได้พัฒนา “ฮาโล” ติดตั้งแถบไฟแอลอีดี เอาไว้ด้วย มันจะเปลี่ยนสี เมื่อมีการบูสต์กำลังมอเตอร์เป็นพิเศษ (HYPERBOOST) โดยจะมีกำลังเพิ่มขึ้น 25 กิโลวัตต์ หรือ 33 แรงม้าใน “โหมดโจมตี” หรือ “ATTACK MODE” สำหรับ นักแข่งขวัญใจประชาชนที่ได้รับสิทธิ์ “แฟนบูสต์” (FANBOOST) จากการส่งแรงเชียร์จาก ผู้ชมทั้งทางบ้าน และในสนาม ทำให้การดูการแข่งขันมีสีสันเร้าใจมากขึ้น โดยนักแข่งสามารถเรียกใช้โหมดโจมตีนี้ได้เพียง 8 นาที/1 สนามเท่านั้น (นานกว่าการจับมือ BNK48 ที่ให้เวลาน้อยนิดเพียง 8 วินาที !)

ที่มา : autoinfo

BLINK DRIVE TAKE

ผมคิดเล่นๆ นะครับ ถ้าวงบีทีเอสออก trailer แบบวิดีโอ BTS x Formula E ออกมาแบบนี้แล้ว ผมเชื่อว่า อีกไม่กี่เดือนได้เห็นรถแข่งไฟฟ้าคันนี้ไปอยู่ใน MV ของ BTS แน่นอนครับ ฮ๋าๆ

ผมมองว่า ฐานแฟนคลับของวง BTS นั้นใหญ่มากๆ (มากกว่า 1 ล้านคนไปแล้ว)และการที่ BTS หันมาสนับสนุนรถยนต์ไฟฟ้าแบบนี้ก็เป็นการดึงความสนใจของแฟนคลับ BTS ให้ไปในทิศทางนั้นด้วย เอาตามตรงครับ แฟนคลับทุกคนนั้นมีอิทธิพลกับครอบครัวของตนในการตัดสินใจซื้อสินค้าเป็นอย่างมาก

ยกตัวอย่าง เจ้านายเก่าผมมีลูกสาวอยู่คนนึง ลูกเค้าก็ติดตามวงเกาหลีอย่างบ้าคลั่ง เรียกได้ว่า วงไหนมาไทยต้องบอกให้พ่อหรือแม่พาไปดู ส่วนบัตรเข้าชมก็ราคา 3,000 – 5,000 บาทต่อคนนะครับ แล้วนี่เอาพ่อหรือแม่ไปด้วยนะเพราะเค้ายังเด็กอยู่ ดังนั้นถ้าอนาคตวงเกาหลีเหล่านี้หันไปโฆษณารถยนต์ไฟฟ้าด้วยล่ะก็ เด็กๆเหล่านี้ก็อาจจะมีอิทธิพลกับการตัดสินใจซื้อรถยนต์ไฟฟ้าอย่างแน่นอนครับ

STAY TUNE, STAY WITH BLINK DRIVE

Follow by Email