Blink Blink
Latest news
EV Carsvinfast

[ข่าวแปล bloomberg]Vinfast ลงทุนเพิ่ม 62,000 ล้านบาท ลุยสร้างรถยนต์ไฟฟ้าส่งขายอเมริกาปี 2021

บริษัท start up อายุ 6 เดือนสัญชาติเวียดนาม มีนามว่า Vinfast(วินฟาส) ซึ่งเป็นเบื้องหลังการผลิตรถยนต์ให้กับโตโยต้าและฮุนไดมาช้านานในประเทศเวียดนาม มาถึงวันนี้ วินฟาสประกาศว่า บริษัทพร้อมแยกตัวออกมาผลิตรถยนต์ไฟฟ้าส่งขายประเทศอเมริกาภายในปี 2021 หรืออีก 2 ปีหลังจากนี้แน่นอน

ฟามเญิตเวืองพร้อมควักเงิน 6.1 หมื่นล้านบาทลงทุนผลิตรถยนต์ไฟฟ้าเพื่อส่งออก

ต้องยอมรับว่า เศษรฐีอันดับหนึ่งของประเทศเวียดนาม ซึ่งมีนามว่า ฟามเญิตเวือง คือเบื้องหลังความเคลื่อนไหวสุดเซอร์ไพร์ทครั้งนี้ เค้าบอกว่า ตอนนี้ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าเติบโตอย่างมากและรวดเร็วกว่าที่ทุกคนคาดการณ์เอาไว้ ดังนั้นถ้าผู้ผลิตใหญ่ๆ ยังไม่เคลื่อนไหวกัน ก็เป็นโอกาสทองของบริษัทเรา(Vinfast group) ที่จะทำการลุยสร้างรถยนต์ไฟฟ้าเพื่อขายให้แก่ประเทศอเมริกา โดยบริษัทเราได้เตรียมเงินลงทุนในส่วนนี้เอาไว้แล้วมากกว่า 2 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 6.2 หมื่นล้านบาท โดยเงินจำนวนนี้เป็นเงินจากกระเป๋าตังค์ของฟามเญิตเวืองแต่เพียงผู้เดียว ซึ่งเงินจำนวนนี้เทียบเท่ากับครึ่งนึงของมูลค่าบริษัท Vinfast

ณ ปัจจุบันนั้น บริษัท Vinfast ได้สร้างรถยนต์ Vinfast ออกมาสู่สายตาประชาชนชาวเวียดนามเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยรถของ Vinfast นั้นได้ใช้เครื่องยนต์ของ BMW แต่ปีหน้าเป็นต้นไป(2020) Vinfast จะหันไปพัฒนาและผลิตรถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น เพราะตอนนี้ความต้องการของตลาดเทไปทางนั้นซะส่วนใหญ่

รูปภาพ คุณฟามเญิตเวืองในหน้าปกนิตยสารฟอร์บ

เป้าหมายสูงสุดของบริษัทเราคือ การสร้างแบร์นด Vinfast ให้ติดตลาดต่างประเทศ ผมมองว่า เส้นทางที่เรากำลังจะเดินไปนี้มันยากแน่นอน แต่ถ้าเราอยากประสบความสำเร็จระดับโลกนั้น ก็มีเพียงเส้นทางนี้เพียงเส้นทางเดียว ดังนั้นมีแต่ลุยกับลุย!!

คุณฟามเญิตเวือง CEO Vinfast , อายุ 51 ปี

คู่แข่งวินฟาสเป็นใครกันบ้าง

คนงานกำลังประกอบรถในโรงงานวินฟาส ณ เมืองไฮฟอง ประเทศเวียดนาม (วันที่ 4 ธันวาคม) ขอบคุณรูปภาพจาก bloomberg

ค่ายรถยนต์บ้านๆ อย่าง Vinfast นั้นกำลังแผ่กิ่งก้านสาขาไปยังธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และโรงพยาบาลอีกด้วย ถึงอย่างไรก็ตาม คู่แข่งของ Vinfast ในตอนนี้นั้นคือ Tata motors จากประเทศอินเดียและ Proton จากประเทศมาเลเซีย ซึ่งพวกเค้ากำลังขับเขี้ยวกันอย่างเมามันในการทำรถยนต์ไฟฟ้าส่งไปขายในต่างประเทศ

แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ต่อให้ Vinfast ชนะคู่แข่งในเอเชียแล้วนั้น ก็ยังมีคู่ต่อสู้ที่น่ากลัวอยู่อีกหลายรายเช่น โตโยต้า, ฮุนได, และฟอร์ด ซึ่งพวกเค้าเหล่านี้ต่างเชี่ยวชาญการขายรถยนต์ในต่างประเทศมากกว่า วินฟาสเป็นอย่างมาก

วินฟาสยังพยายามไล่ตามค่ายรถยนต์ในประเทศจีนต่างๆ อย่างใจจดใจจ่อ เพราะตอนนี้มีค่ายรถยนต์จีนหลายค่ายเริ่มไปเปิดตัวที่อเมริกาแล้ว โดยรถยนต์จากค่ายจีนทั้งหมดที่ไปโผล่งานมอเตอร์โชว์ที่อเมริกานั้นเป็นรถยนต์ไฟฟ้าทั้งหมดซะด้วย

ค่ายรถยนต์ไฟฟ้า Byton จากประเทศจีน(เป็นบริษัท startup ที่ร่วมมือกันกับประเทศอเมริกา)

โดยค่ายรถยนต์ต่างๆ ในจีนนั้นพยายามอย่างหนักเพื่อเจาะตลาดอเมริกาให้จงได้ จริงๆ เรารู้กันว่า ถ้าจีนจะแข่งขายรถยนต์น้ำมันกับญี่ปุ่น ยังไงก็แพ้ครับ เพราะเทคโนโลยีรถยนต์น้ำมันของญีปุ่นนั้นเรียกได้ว่า เทพที่สุดในโลก แต่ถ้ามาแข่งขายรถยนต์ไฟฟ้ากับญี่ปุ่นแล้วล่ะก็ จีนได้เปรียบกว่ามากๆ เพราะเทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้ามันไม่ได้สลับซับซ้อนอะไรเลย มีแค่มอเตอร์, แบต,และระบบควบคุมไฟ ซึ่งใช้อะไหล่เพียง 300 ชิ้น (ต่างกับรถยนต์น้ำมันซึ่งมีอะไหล่มากกว่า 3,000 ชิ้นให้ซ่อมเล่น) ดังนั้น เกมส์กระดานนี้นั้น จีนทุ่มสุดตัวเช่นกันเพื่อหวังบรรลุผลในการเข้าไปสร้างตลาดรถยนต์ในอเมริกาครับ

Vinfast ยิ่งใหญ่ขนาดไหน

ไลน์การผลิตรถยนต์ของ Vinfast

อ้างอิงจาก Bloomberg Billionaires Index , อาณาจักรวินฟาสเติบโตขึ้นไปเป็น 9.1 พันล้านเหรียญสหรัฐหรือ 2.73 แสนล้านบาทไทย โดยเจ้าตัวฟามเญิตเวืองนั้นถือหุ้นในวินฟาสประมาณ 49 % โดยที่เหลือ 51 % นั้นคือ Vingroup เป็นผู้ถือหุ้นทั้งหมด

คุณเวืองนั้นรู้อยู่แล้วว่าบริษัทวินฟาสนั้นจะไม่มีโอกาสที่จะสร้างกำไรได้เลยภายใน 5 ปีหลังจากนี้ เนื่องจากตลาดในบ้านของเค้าที่เค้าทำรถขายอยู่นั้นเล็กมากๆ เมื่อเทียบกับตลาดของโลกใบนี้ ดังนั้นการผลิตรถยนต์ส่งขายต่างประเทศจึงเป็นโอกาสที่จะทำให้ตัวบริษัทไปรอดแหละครับ

รูปภาพ : robot arm ในโรงงานผลิตรถยนต์ของ Vinfast

เวืองมีความเชื่อมั่นว่า Vinfast จะสามารถบุกลุยตลาดต่างประเทศได้อย่างสำเร็จแน่นอน เพราะตอนนี้เทรนของโลก(โดยเฉพาะประเทศอเมริกาและประเทศพัฒนาแล้วนั้น) คือรถที่รักษ์สิ่งแวดล้อมหรือก็คือรถยนต์ไฟฟ้านั่นเอง ดังนั้น Vinfast จะกลายร่างเป็นปลาเร็วกินส่วนแบ่งของตลาดภายในระยะเวลา 5 ปีนี้ให้จงได้

รูป : เปิดตัวแบรนด์แอมบาสเดอร์ของวินฟาส , นักเตะสุดหล่อ : เดวิด แบ๊คแฮม

อย่างที่บอกไปว่าเวืองมองว่า คู่แข่งของ vinfast ตอนนี้คือบริษัท start-up ต่างๆ ในจีนซึ่งเงินทุนมากมายหลายพันล้านเหรียญหนุนหลังอยู่มาก หนึ่งในนั้นคือ BAIC BluePark ซึ่งเป็นบริษัทผลิตรถยนต์ไฟฟ้าที่ใหญ่ที่สุดในจีนตอนนี้

BAIC EC-Series

ขอเสริมเรื่อง BAIC BluePark ซักหน่อยนะครับ , BAIC นั้นเข้าซื้อหุ้นบริษัท Diamler AG อยู่ประมาณ 5 % แถมยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าของ BAIC นั้นได้อันดับ 2 ของโลกในปี 2017 ที่ผ่านมานะครับ ดังนั้นแล้ว BAIC ถือว่า เป็นบริษัทที่น่าจับตามองบริษัทหนึ่งของโลกใบนี้เลย

ยอดขายยานยนต์ไฟฟ้าทั่วโลก ประจำปี 2017

1. BYD 113,669 คัน
2. BAIC 103,199 คัน
3. Tesla 103,122 คัน

ที่มา : magcarmagazine

กลับมาต่อเรื่องคู่แข่งของ Vinfast กันต่อครับ อีกบริษัทนึงคือ NIO ซึ่งตอนนี้กลายเป็นบริษัทที่เรียกว่า ขาดทุนย่อยยับไปซะแล้ว แต่ตอนนี้ทางบริษัทกำลังหา partner มาลงทุนเพิ่มอยู่นะครับ ซึ่งข่าววงในที่ได้ยินมาคือ Apple กำลังเจรจาเพื่อรวบกิจการของ NIO ทั้งหมดเป็นของตนและทำการเปลี่ยนโครงสร้างภายในทุกอย่างครับ

ประเด็นที่น่าเป็นห่วงคือ Vinfast นั้นจะเริ่มผลิตรถยนต์ไฟฟ้าปลายปีหน้าครับ โดยรถยนต์ไฟฟ้าของ Vinfast นั้นจะถูกส่งไปยังประเทศต่างๆในยุโรป, รัสเซียภายในปี 2021

จากนั้น Vinfast จะผลิตรถยนต์ไฟฟ้าขายในทวีปเอเชียซึ่งจะมีแม่ทัพอีกท่านคือ Michael Dunne ซึ่งดำรงตำแหน่ง ZoZo Go มาบริหารส่วนแบ่งตลาดในทวีปเอเชียครับ

ถึงเวลานั้นจริงๆ แบรนด์ Vinfast ก็พร้อมที่จะโดดไปเล่นตลาดรถยนต์ที่มีการแข่งขันมากที่สุดในโลกซึ่งก็อเมริกานั่นอีก ก่อนเราจะไปจุดนั้น เราจำเป็นต้องสร้างแบรนด์ของเราให้เข้มแข็งซะก่อน

คุณ Michael Dunne กล่าวเอาไว้

สร้างรากฐานในประเทศก่อน

ณ ปัจจุบันนั้น แบรนด์ Vinfast นั้นยังสู้แบรนด์ดังๆ ระดับโลกอย่าง Toyota หรือ Honda ไม่ได้ ขนาดให้เลือกระหว่างรถยนต์มือสองของ toyota หรือ honda กับแบรนด์รถยนต์ Vinfast , ลูกค้ายังเทใจไปให้สองแบรนด์นี้เลย แถมจุดคุ้มทุนของการผลิตรถยนต์นั้นต้องมีกำลังการผลิตอยู่ที่ 100,000 คันต่อปี แถมพวกเรายังต้องวิ่งวุ่นเรื่องการสร้างแบรนด์ให้ประชาคมโลกรับรู้ถึงแบรนด์เราอีก ไหนจะเป็นเรื่องการ stock อะไหล่และการให้บริการที่ต้องทำให้ทั่วถึงทุกอาณาเขต

รู้ว่าเสี่ยงขนาดนี้ แต่คุณ Dunne ยังบอกว่า ขอลองหน่อยเนอะ เพราะเราก็มีไม้ตายมาสู้กับแบรนด์ใหญ่ๆ เหล่านี้เหมือนกัน

อย่างแรกเลย Vinfast นั้นมีโรงงานผลิตรถยนต์ขนาดใหญ่ครอบคลุมพื้นที่มากกว่า 335 เฮกเตอร์ หรือ 2,094.75 ไร่ ในพื้นที่ฝั่งทางเหนือของเมืองไฮฟองซึ่งที่นั่นจะเป็นกำลังผลิตหลักให้แก่บริษัท โดยรถที่ผลิตออกจากไลน์ผลิตที่นั่นก็คือ SUV ราคา $17,000 หรือ 5.1 แสนบาท โดยโรงงานแห่งนี้วางแผนจะผลิตรถยนต์ออกมามากวก่า 500,000 คันภายในปี 2025 นี้

รถยนต์ SUV Vinfast คันล่ะ $17,000 หรือ 5.1 แสนบาท

เรียน เพื่อนๆต่างชาติ , พวกเราอยากจะบอกว่า เราเจียมตัวเสมอว่า แบรนด์ Vinfast นั้นมาจากประเทศที่กำลังพัฒนา(เรียกว่าจนด้วยซ้ำ) แต่เป้าหมายของเรานั้นมันยิ่งใหญ่มาก นั่นก็คือ การนำพัฒนาบริษัทให้ได้มาตราฐานระดับโลกและทำให้บริษัทของเราเป็นที่รู้จักในทั่วทุกมุมโลก (world-class reputation)

คุณ เวืองกล่าวทิ้งท้ายเอาไว้

ที่มา : Bloomberg

BLINK DRIVE TAKE

ยุคสมัยนี้มันเป็นยุคสมัยของปลาเร็วกินปลาช้าแล้วครับมันไม่ใช่ยุคสมัยของปลาใหญ่กินปลาเล็กอีกแล้ว

ยกตัวอย่างง่ายๆ คือ การที่ผู้ผลิตนั้นไม่ได้ฟังเสียงผู้บริโภคแล้วผลิตสินค้าในสิ่งที่ลูกค้าเขาไม่ต้องการออกมา มันก็เท่ากับผลิตมาทิ้งนะครับ

ตัวอย่างที่เห็นได้ชัด ก็คือ มือถือ Nokia คนอื่นเขาหนีไปผลิต android หรือ iphone กันแล้ว

Nokia ยังหน้าด้านผลิต symbian Phone ออกมาให้ทุกคนใช้กันอยู่ ปรากฏว่า สุดท้ายแล้ว Nokia พ่ายแพ้แก่พลังผู้บริโภค เทรนของมาร์เก็ต(ความต้องการของตลาด) นั้นมันหันไปทางมือถือสมาร์ทโฟนแล้วแต่ Nokia ไม่ยอมหันไปตาม แถมยังทำการลดราคาและออกมือถือราคาถูกมาสู้ สุดท้าย Nokia ต้องออกมายอมรับว่าเราพัฒนาไปผิดทาง แต่กว่าจะรู้ก็สายเกินแก้แล้วครับ

ส่วนเรื่องรถยนต์นั้นผมไม่มีความคิดเห็นใดๆจะมาบอกกล่าวให้ทุกคนทราบ แต่ให้อ่านข่าวที่ผมโพสต์ลงมาในเว็บบ่อยๆละกัน เทรนของตลาดตอนนี้มันไปทางรถยนต์ไฟฟ้าหรือเปล่าครับ?

อันนี้เป็นคำถามที่ผมอยากจะทิ้งท้ายไว้ให้ทุกคนได้คิดกัน 

ลองดูดีๆนะครับยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าในอเมริกานั้นเติบโตเดือนละ 10,000 อย่างต่ำมันเป็นมาตั้งแต่ที่ เทสล่าสร้างโมเดล 3 ออกมาแล้วครับ แล้วยอดขายมันไม่ยุบเลย

ถ้าคุณจะบอกว่ารถยนต์ไฟฟ้าบูมเฉพาะตอนที่รถยนต์ไฟฟ้า Model 3 ออกมาใหม่ๆ มันต้องมันต้องมีแค่ไม่กี่เดือนครับ ผมให้อย่างมากสุดคือ 5 เดือนจากนั้นก็ยุบได้แล้ว

แต่ปรากฏว่ายอดขายรถยนต์ไฟฟ้ามันดันเติบโตขึ้นทุกเดือน

U.S. Plug-In Car Sales – July 2019

เพจผมนั้น มีกราฟและตัวเลขยอดขายให้อ่านครับ ไม่ได้นั่งเทียนเขียนเนอะ อิๆ

ผมเชื่อว่า ตัวเลขไม่เคยโกหกใคร

แล้วคุณล่ะ?? คิดว่า #รถยนต์ไฟฟ้ายังไม่บูม อีกหรือเปล่า 

stay tune, stay with BLINK DRIVE

Follow by Email