Blink Blink
Latest news
ChevroletUSA

GM เริ่มนำ Chevrolet Blazer EV ออกมาวิ่งทดสอบพร้อมวางจำหน่ายในอเมริกาปลายปีหน้า(2023)

ภาพด้านล่างที่ทุกท่านเห็นนี้คือรถยนต์ไฟฟ้า Chevrolet Blaze EV จากค่ายแม่ GM นะครับ รถยนต์ไฟฟ้า Chevrolet Blaze EV มีราคาเริ่มต้นที่ $44,000 หรือ 1.4 ล้านบาทซึ่งรถคันนี้เป็นรถ SUV รูปทรงมีขนาดใหญ่พอๆ กับ Honda CRV ที่อยู่ในท้องตลาดไทยนะครับ

อย่างไรก็ตามรถ Chevrolet Blaze EV คันนี้ถูกปรับโฉมใหม่เกือบทั้งหมดทั้งภายในและภายนอก

เริ่มจากภายนอกกันก่อนเลยนะครับ ตัวยางรถที่ให้มานั้นคือ 275/45 R21 ยี่ห้อ Michelin มาพร้อมกับล้ออัลลอยขนาด 21 นิ้ว จะมีแร๊ก(เหมือนสปอยเลอร์ด้านหลังรถ)เพื่อทำให้รถลู่ลมมากยิ่งขึ้น ภายนอกโดยรวมนั้นจะเหมือน Nio EP7 ไปแล้วนะครับ ตัวที่ชาร์จนั้นจะออกแบบประตูเปิด-ปิดเหมือน Porsche Taycan นะครับ

ภายใน

เท่าที่ดูภาพ mock up (จำลอง)นั้นจะเห็นได้ว่า หน้าปัดรถจะหายไปแล้วแต่มีจอ LCD ขนาดใหญ่มาแทนที่ทั้งหน้าจอด้านหน้าคนขับกับหน้าจอ infotainment ตรงกลางครับ

พอมาดูภาพหลุดตัวทดสอบขับจริงๆ นั้นจะเห็นได้ว่า การออกแบบไม่ทิ้งห่างจากภาพ concept car ที่ GM เคยร่างเอาไว้เลยครับ

อย่างไรก็ตาม GM เลือกใช้ภาพจากกล้องมองหลังมาแสดงผลตรงกระจกมองหลังของรถคันนี้นะครับ ข้อดีก็คือว่า เวลาคนอื่นที่ไม่ใช่เราขึ้นมาขับก็ไม่ต้องปรับกระจกมองหลังอีกต่อไปครับ คือสามารถใช้งานรถได้เลยโดยไม่ต้องปรับองศาของกระจกมองหลังครับ แต่ข้อเสียคือถ้ามีอะไรไปเลอะกล้องมองหลังก็จะทำให้บดบังวิสัยทัศน์ของการมองด้านหลังทันทีครับ จริงๆ GM นำเทคโนโลยีตัวนี้มาใช้กับ Corvette ปี 2022 และ Chevy Bolt EUV 2022 ได้ซักพักแล้วนะครับ

ภาพที่ทุกท่านเห็นนั้นคือภาพจากกล้องมองหลังรถ corvette นะครับ ไม่ใช้กระจกมองหลังรถอีกต่อไปครับ
ภาพที่ทุกท่านเห็นนั้นคือภาพจากกล้องมองหลังรถ chevrolet Bolt EUV นะครับ ไม่ใช้กระจกมองหลังรถอีกต่อไปครับ

ภาพถ่ายจาก GM Authorities

BLINK DRIVE TAKE

ตอนนี้ยังไม่มีใครรู้สเปคมอเตอร์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่ของ Chevrolet Blazer EV กันเลยนะครับ แต่ที่แน่ๆ คือ Chevrolet Blazer EV SS performance นั้นจะเตรียมส่งมอบช่วงเดือนมีนาคม 2023 ซึ่งบอกเลยว่า พละกำลังที่ได้นั้นพอๆ กับ Ford Mach-E เลยทีเดียว แถม GM เตรียมนำแบตเตอรี่เทคโนโลยีใหม่อย่าง Ultium มาใช้อย่างแน่นอนครับ

เทคโนโลยี ultium เบื้องต้นนั้นก็มีข้อมูลต่างๆ ดังนี้ครับ

เทคโนโลยีแบตเตอรี่แบบใหม่ของ GM

ผมจะขอแจกแจงคุณสมบัตของแบตเตอรี่รุ่นใหม่ของ GM เป็นข้อๆ ดังนี้นะครับ

1. ใช้แร่โคบอล์ทน้อยลงเพื่อทำให้ต้นทุนถูกลง

เนื่องจากแร่โคโบล์ทนั้นมีราคาแพงและเสาะหายาก ทำให้ GM ออกแบบแบตลูกใหม่ทั้งหมดที่ใช้โคโบล์ทในการผลิตน้อยลงและพวกเค้ายังได้วางแผนหาแร่อื่น เช่น นิกเกอร์มาทดแทนอีกด้วยครับ โดยวิศวกรของ GM ได้ออกมากล่าวว่า “เรากำลังจะหาสร้างแบตที่ไม่พึ่งพาการใช้งานแร่โคโบล์ท(cobolt)เลยเพื่อทำให้ราคาแบตต่ำลงไปกว่า $100 ต่อ kWh อย่างแน่นอน” และเมื่อใดก็ตามที่เราประสบความสำเร็จในการวิจัยเรื่องนี้ รถยนต์ไฟฟ้าจะมีราคาต้นทุนถูกกว่ารถยนต์น้ำมันอย่างแน่นอน

รูปภาพ : แร่โคโบล์ท

ลองคิดเล่นๆ นะครับ แบตรถยนต์ไฟฟ้า Tesla Model 3 รุ่น long range นั้นมีขนาด 75 kWh (วิ่งได้ไกลถึง 515 km) ถ้ามีใครซักคนที่สามารถคิดค้นแบตที่ไม่พึ่งพาสารประกอบอย่างโคโบล์ทได้แล้วต้นทุนแบตจะเหลือเพียง $7,500 หรือ 232,500 บาทเท่านั้น !! หรือถูกลงไปกว่าเท่าตัวเลยครับ

ส่วนการออกแบบแบตของ GM นั้นยังใช้รูปแบบเหมือนเดิมคือ pouch bag หรือเป็นถุงสี่เหลี่ยม

รูปภาพ : pouch bag(แบตทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าแบบบางเฉียบ)ของ GM

2. เอาเธี่ยม(ultium)

เป็นชื่อเทคโนโลยีของแบตเตอรีรุ่นใหม่ของ GM ที่ได้พัฒนาร่วมกันกับ LG Chem ซึ่งเป็น vendor เจ้าเดียวกันกับที่ป้อนแบตให้แก่โรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้า Tesla Gigafactory 3 ที่จีนนะครับ

โดยเทคโนโลยีเอาเธี่ยมตัวนี้จะถูกผลิตเพื่อป้อนเข้าสู่โรงงานลูกๆของ GM ทั้งหมด เช่น คาดิแล๊ค(Cadillac), เชฟโรเล็ต(Chevrolet), จีเอ็มซี(GMC), บูอิก(Buick), และค่ายอื่นๆในเครือตามประเทศต่างๆครับ

รูปภาพ : บริษัทภายในเครือ GM

3.ความจุตั้งแต่ 50-200 kWh

รถยนต์ไฟฟ้าทุกรุ่นของ GM หลังปี 2021 เป็นต้นไปจะมีความจุแบตต่ำสุดที่ 50 kWh และสูงสุดที่ 200 kWh(หรือมากกว่า Tesla Model S รุ่น performance[100 kWh] และ porsche Taycan [93.4 kWh] ถึง 2 เท่า)

รูปภาพ เซลแบตเตอรีรของถยนต์ไฟฟ้า โบล์ท(chevrolet bolt)

4. 400 ไมล์ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง

รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ของเครือ GM (หลังปี 2021 ไปแล้ว) นั้นจะสามารถวิ่งได้ไกลถึง 400 ไมล์(640 km) ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง หรือเรียกได้ว่าขับจาก กทม. ไปยังลำพูนภายในการชาร์จ 1 ครั้งแน่นอน และที่สำคัญรถนั้นรองรับระบบชาร์จเร็วที่ผมกำลังจะพูดถึงในหัวข้อถัดไป ซึ่ง GM แง้มมาแล้วว่าจะสามารถชาร์จได้เร็วถึง 100 ไมล์ต่อ 10 นาที หรือจะเรียกอีกอย่างว่า เสียบหัวชาร์จไฟเข้าไปเพียง 10 นาทีก็ได้ range (ระยะทาง)มาใช้ถึง 160 km ครับ แบบนี้ขับไปเชียงใหม่สบายๆ เลยนะครับ เพราะจอดเติมพลังงานเพียง 10 นาทีก็สามารถขับได้ไกลรวมกันถึง 800 km แล้วครับ

ภาพ : วิศวกร GM กำลังทำการวิจัยแบตเตอรีรถยนต์ไฟฟ้าภายในห้อง Battery Lab ของ GM ณ เมือง วอร์เรน รัฐ มิชิกัน

รองรับระบบชาร์จเร็ว

ณ ปัจจุบันนั้น รถยนต์ไฟฟ้าของค่ายลูกของ GM ยี่ห้อ เชฟโรเล๊ท โบล์ท(chevrolet Bolt) นั้นสามารถรองรับการชาร์จสูงสุดได้เพียง 7.4 kW เท่านั้น ซึ่งถือว่าน้อยมากๆ เพราะแบตของรถคันนี้มีมากถึง 66 kWh ลองคิดดูว่าถ้านำรถยนต์ไฟฟ้าคันนี้ไป Roadtrip(เดินทางไกลข้ามเมือง) เชื่อกว่าการชาร์จไฟนั้นจะเป็นปัญหาใหญ่ของการเดินทางเลย เพราะกว่าจะชาร์จเต็ม 80 % นั้นต้องใช้เวลามากถึง 7 ชั่วโมง แตกต่างจาก Tesla Model 3 ซึ่งสามารถทำความเร็วในการชาร์จจาก 0-80 % ได้ภายใน 30-40 นาทีเอง หมายเหตุ : Tesla Model 3 นั้นสามารถรับแรงไฟได้มากถึง 250 kW นะครับ

มาปีนี้ GM เล็งเห็นถึงปัญหาสำหรับคนที่ต้องการใช้เดินทางแบบระยะทางไกล (long distance) จึงออกแบบรถยนต์ไฟฟ้าที่สามารถชาร์จได้รวดเร็วพอๆ กับเทสล่าขึ้นมายังไงละครับโดยมีการออกแบบระบบชาร์จไฟเร็วแบ่งเป็นออกเป็น 2 ระบบ ดังนี้

  • ระบบชาร์จเร็วถึง 200 kW สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าทั่วไป – GM ได้กล่าวว่ารถยนต์ไฟฟ้าปี 2021 เป็นต้นไปต้องมีระบบชาร์จเร็วขั้นต่ำที่ 200 kW ทุกคัน
  • ระบบชาร์จเร็วถึง 350 kW สำหรับรถกระบะไฟฟ้า – โดยรถกระบะไฟฟ้าทุกคันของ GM นั้นมีแบตประเภท 800 Volt มาให้อยู่แล้ว ดังนั้นเค้าจึงติดตั้งระบบชาร์จเร็ว 350 kW มาจากโรงงานไปเลยครับ
General Motors reveals its all-new modular platform and battery system, Ultium, Wednesday, March 4, 2020 at the Design Dome on the GM Tech Center campus in Warren, Michigan. (Photo by Steve Fecht for General Motors)

0-100 km/h ภายใน 3 วินาที

0-100 km/h ภายใน 3 วินาที – GM สร้างมาตราฐานใหม่สำหรับรถรุ่น performace(รุ่น topของรถเครือ GM ซึ่งรวมไปถึง รถกระบะ, รถSUV, รถเก๋งทั่วไป, และรถตู้) ต้องทำอัตราเร่งจาก 0-100 km/h ได้ต่ำกว่า 3 วินาทีทุกคัน

มอเตอร์ไฟฟ้า (drive unit) ณ แท่นไดโน(dyno chamber) ภายในห้องทดสอบ GM Global Propulsion Systems เมือง Pontiac, รัฐมิชิกัน ประเทศอเมริกา

อ่านต่อได้ที่ : GM เปิดตัวแบตรุ่นใหม่สามารถวิ่งไกลได้ถึง 640 km พร้อมประกาศเพิ่มกำลังผลิตรถEVให้ถึง 1 ล้านคันต่อปี

Stay tune, stay with BLINK DRIVE

Follow by Email