Blink Blink
Latest news
Nio

[ข่าวแปล NASDAQ]ใครทำหุ้น Nio พุ่งขึ้นช่วงข้ามคืน?

เกิดไรขึ้น?

เมื่อวันพุธเช้าที่ 15 มกราคม 2563 ที่ผ่านมา หุ้น NIO พุ่งขึ้นมามากกว่า $4 (120 บาท) หลังจากที่ได้ข่าวจากประเทศจีนว่า มีค่ายรถใหญ่ของจีนช่วยเหลือการเงินของบริษัท Nio ทำให้พ้นจุดอันตรายแล้ว(the cash-strapped company had secured new financing from a major automaker.)

โดยหวยใบนี้ ไปออกที่ GAC (Guangzhou Automobile Group Co.,Ltd) ซึ่งเป็นผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำของจีนได้เตรียมอัดฉีดเงินมูลค่ามากกว่า 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ(30,000 ล้านบาท)ไปยังบริษัท Nio หลายคนอาจจะไม่เคยได้ยินชื่อ GAC นะครับ เดี๋ยวผมจะเล่าประวัติ GAC พอสังเขปให้ครับ

GAC Group ใหญ่แค่ไหน?

GAC ( Guangzhou Automobile Industry Group. )นั้นเป็นผู้ผลิตรถยนต์ในจีนที่ก่อตั้งในปี 1955 (65 ปีที่แล้ว) โดย HQ(headquarter) นั้นประจำการอยู่ในเมืองกวางโจว ประเทศจีน

GAC ผลิตรถยนต์หลากหลายยี่ห้อในจีนเช่น Trumpchi, Gonow(หยุดกิจการไปแล้ว), Changfeng Motor(เน้นทำตลาด SUV), และ Aion (ทำแต่รถยนต์ไฟฟ้า)

นอกจากนี้ GAC ยังร่วมทุน(join-venture)ผลิตรถยนต์ร่วมกับค่ายรถญี่ปุ่นมากมายอีก เช่น โตโยต้า, ฮอนด้า, อีซูซุ, มิตซูบิชิ, ฮิโน่(Hino) รวมไปถึง Fiat (ค่ายรถจากยุโรป)

อย่างรถยนต์ไฟฟ้า CUV ของโตโยต้า รุ่น C-HR EV นั้นก็ผลิตโดย GAC Toyota นะครับ

ส่วน IZOD ซึ่งเป็นรถยนต์ไฟฟ้าหน้าตาเหมือน CHR EV ทุกอย่างก็ผลิตโดย FAW Toyota เช่นกันครับ

เรียกได้ว่า GAC นั้นมีอิทธิพลโดยตรงกับลูกค้าชาวจีนในหลายเมืองเลยครับ ดังนั้นการเอาเงินเพียง 30,000 ล้านบาทมาลงทุนในบริษัทผลิตรถยนต์ไฟฟ้า(หรู) Nio นั้นอาจจะเป็นเรื่องเล็กน้อยของ GAC ไปเสียแล้ว

รูปภาพ : ซ้ายคือ C-HR , ขวาคือ IZOD

GAC ยังไม่ยืนยันข่าวนี้

แม้ว่า ข่าวนี้จะมาจาก Nasdaq ซึ่งเป็นถึงตลาดหลักทรัพย์แห่งที่สองของสหรัฐอเมริกา แต่ถ้า GAC เอาจริงขึ้นมา NASDAQ มองว่าบริษัท Nio นี้จะกลับมายืนใน position(ตำแหน่ง)ที่สามารถต่อกรกับบริษัทรถยนต์ไฟฟ้ารายอื่นได้อย่างแน่นอน

ที่มา : nasdaq

Nio ขาดทุนสะสมมากถึง 5,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 152,000 บาท)

เมื่อวันที่ 24 กันยายน 2019 หลังการประกาศผลประกอบการประจำไตรมาส 2 ของ NIO นักวิเคราะห์จาก Bloomberg คาดการณ์ว่าสตาร์ทอัพจากจีนขาดทุนประมาณ 369 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 11,266 ล้านบาท) ทำให้ตอนนี้พวกเขาขาดทุนสะสมมากถึง 5,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 152,000 บาท)

นับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทเมื่อประมาณ 5 ปีก่อน ปัญหาการขาดทุนของ NIO เกิดขึ้นจากค่าใช้จ่ายที่มากเกินตัว

ยอดขายที่ตกต่ำ และการเรียกคืนรถครั้งใหญ่เมื่อช่วงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา การเรียกคืนรถครั้งใหญ่ของน้องใหม่จากจีน เกิดขึ้นหลังจากที่มีการตรวจพบความผิดปรกติของแบตเตอรี่รถยนต์ ซึ่งทางค่ายเองไม่ได้ชี้แจงถึงความผิดปรกติดังกล่าว แต่กลับออกแถลงการณ์เพียงว่า“อาจมีความเสี่ยงที่จะเกิดไฟฟ้าลัดวงจร” จนทำไปสู่การเรียกคืนรถในรุ่น ES8 กว่า 4,803 คัน ตัวเลขดังกล่าวอาจไม่สร้างผลกระทบมากหากพวกเขาเป็นค่ายรถยักษ์ใหญ่ แต่จำนวนรถเกือบ 5,000 คัน เมื่อตีออกมาเป็นสัดส่วน มันคือ 20% ของยอดขายรถทั้งหมดของ NIO

ที่มา pantip

จนล่าสุดในเดือนสิงหาคม 2019 ที่ผ่านมา Jack Cheng ซึ่งเป็นผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท Nio ก็ได้ลาออกจากบริษัทอีกทำให้หุ้นร่วงลงไปใหญ่

แต่ถึงอย่างไรก็ตามบริษัท Nio ก็ได้ประคองตัวมาถึงทุกวันนี้

ที่มา : the verge

BLINK DRIVE TAKE

ผมขอออกตัวก่อนเลยว่า ผมไม่ได้ถือหุ้น Nio เลย ดังนั้น Nio จะขึ้นจะลงนั้นก็ไม่ได้ทำให้ผมรวยขึ้นครับ

ส่วนข่าวนี้เป็นข่าวแปลจากNasdaq ซึ่งเป็นถึงตลาดหลักทรัพย์แห่งที่สองของสหรัฐอเมริกา ดังนั้นการที่เค้าปล่อยข่าวอะไรพวกนี้มานั้น คงต้องมีข้อมูลลับบางส่วนที่หลุดออกมาแล้วแน่นอนครับ ไม่งั้น Nasdaq คงโดน GAC ฟ้องแน่นอน

ที่ผ่านมานั้น ในปี 2019 ผมก็ได้อ่านข่าว Nio ประสบปัญหาเต็มไปหมด แต่ที่สำคัญคือ เค้าไม่ยอมแพ้โดยพยายามประคองบริษัทให้รอดผ่านพ้นวิกฤตมาได้อยู่ตลอด

ดังนั้น ผมเชื่อว่า หลังจากนี้ปีนี้ไปแล้ว Nio อาจจะกลับมาทยานอีกครั้ง แล้วถ้าเค้าทำได้จริง ผมมองว่า บริษัทผลิตรถยนต์ไฟฟ้า Nio นี้อาจจะขึ้นมาเทียบเท่ากับ Tesla เหมือนที่ Xiaomi หรือ Huawei เข้ามาเทียบเท่า Apple ก็เป็นไปได้นะครับ

Stay tune, stay with BLINK DRIVE

Follow by Email