Blink Blink
Latest news
EV CarsVolvo

volvo เปิดตัวรถยนต์ SUV ไฟฟ้า XC40 ในราคา 1.7 ล้านบาท($55,000)

สวัสดีครับ วันนี้ผมจะมาพูดคุยหลากหลายเรื่องเกี่ยวรถยนต์ไฟฟ้า Volvo XC40 คันนี้นะครับ

ก่อนอื่นเลยขอท้าวความกลับไปที่บริษัทลูกของ Volvo อย่าง polestar กันก่อนนะครับ บริษัท polestar นั้นได้บุกเบิกทำรถยนต์ไฟฟ้ามาตั้งแต่ปี 2017 ซึ่งรุ่นแรกนั้นคือ polestar 1 ซึ่งเป็น PHEV (รถยนต์ไฟฟ้า hybrid plug-in) ครับ แต่เชื่อไหมครับว่า เปิดตัวมาตั้งแต่ปี 2017 แล้ว แต่ยังไม่วางขายซักทีเลย ซึ่งทำให้นักข่าวหลายท่านสงสัยว่า สร้าง concept car ขึ้นมาหรือป่าวน้าาาา สร้างเสร็จแล้วแต่ไม่วางขายก็เหมือน concept car ดีๆ นี่แหละเนอะ

polestar 1

จากนั้นพี่แกก็เปิดตัว polestar 2 ถัดมาในปี 2019 ผลปรากฏว่า ได้รับเสียงตอบรับดีมากๆ จากสื่อมวลชนและประชาชนทั้งยุโรป, อเมริกา, และจีน ทำให้ polestar เข้าใจตลาดมากยิ่งขึ้นเข้าไปอีกว่า ประชาชนต้องการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้ากันทั้งนั้น ทำให้ทาง polestar เปิดรับจองรถยนต์ไฟฟ้า 100 % polestar 2 ผ่านทางหน้าเว็บทันทีโดยประกาศว่า จะวางขายปีหน้า(2020)นี้อีกด้วย

รูปหน้าเว็บ polestar สั่งจองรถยนต์ไฟฟ้า

ส่วนสาเหตุที่ว่า ทำไมผมถึงพูดถึง polestar ก่อนที่จะนำเสนอเรื่องราวของ volvo XC40 รุ่น ไฟฟ้าล้วน ก็เพราะว่า polestar นั้นเป็นลูกที่ลองลุยตลาดรถยนต์ไฟฟ้าแหละครับ โดยพี่แกลองเปิดให้จองซื้อรถยนต์ไฟฟ้าเล่นๆ ผลปรากฏว่า ใบจองมากกว่า 5,000 ใบถาโถมเข้ามายังบริษัท polestar เพียงช่วงระยะเวลาอันสั้น ทำให้ volvo มั่นใจว่า ถ้าลงทุนในรถยนต์ไฟฟ้ายังไงก็ได้เงินคืนแน่นอนครับ

Volvo วางแผนผลิตแต่รถยนต์ไฟฟ้าหลังจากปี 2020

” Every new Volvo model we launch will be electrified. “

Volvo

ใช่แล้วครับ คุณอ่านไม่ผิดจริงๆ volvo นั้นได้ประกาศผ่านทาง youtube, และ website ของตนเองว่า จะผลิตและพัฒนาแต่รถยนต์ไฟฟ้าตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไป โดยวางแผนจะนำรถยนต์ไฟฟ้าเหล่านั้นมาวางขายในท้องตลาดอย่างน้อย 1 รุ่นต่อ 1 ปี ภายใน 5 ปีหลังจากนี้(จนถึงปี 2025) โดยลึกๆแล้ว volvo ก็ยังตัดใจจาก เครื่องยนต์สันดาบไม่ได้ก็จริง แต่หลังจากปีหน้าเป็นต้นไป รถยนต์ทุกคันของ volvo ต้องมีรูเสียบปลั๊กแน่นอนครับ

Android Auto ไพ่(ไม้)ตายฝั่ง Volvo

เป็นรู้กันว่า Google นั้นจับมือกับ Volvo สร้างระบบปฏิบัติการ android auto หรือ android ที่ใช้งานในรถยนต์ อารมณ์เหมือน HTC จับมือกับ google ออกมือถือ google Nexus ยังไงล่ะครับ

มือถือ Android 100 % เครื่องแรกของโลกจากค่าย HTC

โดยรถยนต์ไฟฟ้าที่ได้มีการติดตั้งระบบ android auto เข้าไปแล้วก็คือ polestar 1 และ 2 ครับ ซึ่ง google จะพัฒนาระบบต่างๆ ภายในรถที่เรียกว่า Infotainment เช่น ระบบแอร์ของรถ, ระบบนำทาง (Google map) , ระบบฟังเพลงจาก streaming ค่ายต่างๆ (spotify, itune) และระบบ autonomous driving(ระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ)อีกด้วยครับ

ดังนั้น จะดีแค่ไหน ถ้า volvo ได้ android ไปอยู่ในมือครับ ตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นค่าย BMW, Benz , หรือแม้กระทั่ง toyota ก็ยังคลำทางอยู่เลยว่า จะใช้ระบบปฏิบัติการอะไรในรถกันดี เรียกได้ว่า volvo เป็นเจ้าแรกๆ ของตลาดที่มีแนวโน้มว่า จะสามารถต่อกรกับระบบปฏิบัติการของ Tesla ได้แหละครับ ยังไงศึกนี้ก็ต้องรอดูกันต่อไป เพราะอนาคตข้างหน้านี้ การขับรถยนต์ไม่ใช่ออกตัวจากจุด A(จุดเริ่มต้น) ไปยังจุด B (จุดหมายปลายทาง) อีกแล้วครับ รถยนต์ต้องทำหน้าที่ให้เหมือน smart phone คือ ฆ่าเวลาระหว่างที่รถติด, เดินทางไกล ให้จงได้ อารมณ์เหมือน iphone มาปฏิวัติวงการมือถือแหละครับ

ปล. อย่าง tesla นั้นมี netflix ให้และระบบ auto-pilot level 3 ให้เพื่อผ่อนแรงคนที่ขับรถทางไกลแหละครับ ถ้าค่ายรถยนต์อื่นๆ ต้องการเอาชนะเทสล่าแล้วล่ะก็ ต้องร่วมมือกับพวก software house อย่างที่ volvo ทำอยู่นี่แหละครับ

รถยนต์ไฟฟ้า Volvo XC40 ราคาเริ่มต้น 1.7 ล้านบาท !!

คราวนี้มาพูดถึงเรื่องราคากันบ้างเนอะ ผมได้ทำการศึกษาเว็บข่าวของประเทศไทยเรียกได้ว่า ทุกเว็บแล้ว แต่ไม่มีใครลงเรื่องราคาเอาไว้ให้อ่านกันเลย ผมจึงคิดว่า การที่ผมได้นำข้อมูลเหล่านี้มาเผยแพร่ให้กับคนไทยในประเทศอาจจะช่วยทำให้พวกเค้าวิเคราะห์ทิศทางรถยนต์ไฟฟ้าในต่างประเทศและในประเทศได้มากยิ่งขึ้นนะครับ

อย่างที่บอกด้านบนว่า volvo ยังไม่ตัดใจเรื่องรถยนต์น้ำมันอยู่แหละครับ ปีนี้ยังมีการผลิตรถยนต์น้ำมัน Volvo XC40 ซึ่งที่อเมริกานั้นมีราคาเริ่มต้นที่ 1 ล้านบาท($34,000) ซึ่งจะอยู่ในรุ่น T4 Mometum ครับ ส่วนรถยนต์ไฟฟ้า Volvo XC40 นั้นจะเริ่มต้นที่ 1.7 ล้านบาท($55,000) นี่เป็นราคาที่ยังไม่ได้หัก incentive หรือเงินอุดหนุนจากรัฐบาลนะครับ ถ้าหัก incentive หรือ tax credit ประมาณ $7,500 แล้ว ราคาตัวรถก็จะอยู่ที่ 1.4 ล้านบาท($48,000) แต่ผมเชื่อว่า คนอเมริกานั้นมีการศึกษาครับ เค้าจะเลือกซื้อรถจากปัจจัยต่างๆ ดังนี้

  1. ค่าเชื้อเพลิง(น้ำมัน, ไฟฟ้า)
  2. ค่าซ่อมบำรุงรักษา
  3. ราคาในท้องตลาด
ภายใน volvo XC40

ดังนั้น ผมมองว่า ราคาที่ลดลงมาเพียงแแค่ 13 % ของราคารถยนต์นั้นไม่ได้มีผลในการตัดสินใจซื้อรถยนต์ไฟฟ้าแทนรถยนต์น้ำมันครับ แต่สิ่งที่ทำให้คนในอเมริกาหันไปใช้รถยนต์ไฟฟ้ากันมากยิ่งขึ้น (ตัดเรื่องรักษ์โลกออกไปก่อนนะครับ) คือ เรื่องค่าซ่อมบำรุงรักษาครับ รถยนต์ไฟฟ้านั้นมีชิ้นส่วนในการขับเคลื่อนเพียง 80 ชิ้นเท่านั้น ส่วนรถยนต์น้ำมันในมีชิ้นส่วนมากกว่า 3,000 ชิ้นให้ซ่อมเล่นๆ เอาง่ายๆ ครับ ผมเคยเขียนรีวิวการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้า Road Trip โหดๆ กับ Tesla Model 3 ระยะทาง 16,449 km กับเวลา 20 วัน ไปแล้ว ซึ่งถ้าคุณได้เคยอ่านจะเห็นได้ว่า เจ้าของรถไม่ได้ทำอะไรกับรถยนต์ไฟฟ้า tesla model 3 คันนั้นเลย เค้าใช้งาน 16,000 km โดยไม่เคยเข้าศูนย์เลยครับ หรือจะบอกอีกอย่างว่า เค้าใช้งานมา 42.169.6 km (ตั้งแต่ซื้อมายันจบทริป) โดยยังไม่เคยเข้าศูนย์ไปเปลี่ยนถ่ายของเหลวอะไรเลยซักครั้ง รถยนต์น้ำมันทำแบบนี้ได้ไหมครับ

นี่แหละ จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้รถยนต์ไฟฟ้าขายดีในอเมริกา เพราะค่าซ่อมแซมรถยนต์น้ำมันนั้น คุณเอามาโปะราคาส่วนต่างระหว่างรถยนต์น้ำมันกับรถยนต์ไฟฟ้าได้สบายๆ เลยครับ

ส่วนการจองรถยนต์ไฟฟ้า Volvo XC40 คันนี้ก็ทำได้ง่ายๆ เลยครับ โดยเข้าไปยังเว็บไซต์ของ volvo และทำการกรอกชื่อ และที่อยู่ พร้อมวางเงินมัดจำ 31,000 บาท($1,000) และก็รอ message หรือ mail จากทาง volvo ภายในปีหน้า(2563)นี้ได้เลย

ที่มาราคารถยนต์ไฟฟ้า volvo XC40 : extremetech

Volvo จัดโปร จ่ายค่าไฟให้ฟรี 1 ปีถ้าซื้อ XC40 ไปขับ

“Recharge plug-in hybrid model will come with free electricity for a year, provided through a refund for the average electricity cost during that period.”

volvo

Volvo ใจป้ำจ่ายบิลค่าไฟฟรี 1 ปีให้กับรถยนต์ไฟฟ้าทุกชนิดที่ซื้อจาก Volvo (ไฟฟ้าล้วน 100% และ plug-in hybrid) โดย Volvo จะคิดค่าไฟฟ้าเฉลี่ยก่อนใช้งานกับหลังใช้งานรถยนต์ไฟฟ้า

ยกตัวอย่าง : สมมุติว่าเดือนสิงหาคมปี 2562 คุณใช้ไฟอยู่ที่เดือนละ 3,000 บาทหลังจากที่คุณซื้อรถยนต์ไฟฟ้า Volvo มาแล้วปรากฏว่าค่าไฟเดือนสิงหาคมปี 2563 โดดไปอยู่ที่เดือนละ 6,000 บาทส่วนต่าง 3,000 นี้ Volvo จะจ่ายชดเชยให้ โดยลูกค้ามีหน้าที่นำบิลค่าไฟส่งให้กับ Volvo จากนั้นทางบริษัทจะส่งเช็คเงินสด(cashier check) กลับมาที่บ้านของลูกค้า 

การที่ Volvo ออกตัวทำแคมเปญนี้ก็เพื่อจะหวังกวาดลูกค้าของเทสล่ามาเป็นของตน เนื่องจากปีหน้าเป็นปีที่เทสล่าจะปล่อย tesla model Y เข้าสู่ตลาด ดังนั้น Volvo ต้องทำทุกวิถีทางเพื่อดึงฐานลูกค้าของเพจล่ามาเป็นของตน อย่างที่รู้คือเทสล่ามี super charger Network (เครือข่ายสถานีชาร์จไฟ)ที่ใหญ่ที่สุดในอเมริกา ดังนั้นการที่ Volvo กระโดดลงมาในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าจำเป็นต้องมีโปรโมชั่นบางอย่างที่อยู่เหนือกว่าคู่แข่ง 

บอกได้เลยครับมันแน่นอนการแข่งขันกันอย่างนี้ไม่เพียงจะดึงลูกค้า จากบริษัทรถยนต์น้ำมันมาเท่านั้นแต่ยังเป็นการแข่งขันเพื่อพัฒนาต่อยอดรถยนต์ไฟฟ้าของค่ายต่างๆให้ดีกว่าเดิมอีกด้วย

หมายเหตุ : โปรโมชั่นนี้มีเฉพาะประเทศอเมริกาและบางประเทศในยุโรปเท่านั้น

ที่มา : jalopnik

แบตของ XC40 มาพร้อมระบบ safty cage

ก่อนผมจะพูดถึงระบบป้องกันอุบัติเหตุที่จะเกิดขึ้นกับแบตอย่าง Safety Cage ของ Volvo ผมขอย้อนกลับไปเมื่อปี 1959 ซึ่งเป็นปีที่ Volvo คิดค้นระบบ Safety Belt ขึ้นมา

ภาพลักษณ์ชื่อเสียงของรถยนต์ค่าย Volvo (วอลโว่) นั้น มีความเกี่ยวพันกับนวัตกรรมด้านความปลอดภัยมาตั้งแต่ยุคแรกเริ่ม แต่รู้หรือไม่ว่า กว่าจะมาเป็นหนึ่งในรถยนต์ที่ถูกขนาดนามว่า ‘ปลอดภัยที่สุดในโลก’ อย่างทุกวันนี้ วอลโว่ค่อยๆ เติบโตผ่านการสร้างสรรค์และพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ มานับไม่ถ้วน

1959: เข็มขัดนิรภัย 3 จุด (Three-point Safety Belt)

เข็มขัดนิรภัย 3 จุด (Three-point Safety Belt)

     ย้อนกลับไปเมื่อปี1959 เข็มขัดนิรภัย 3 จุด ถือกำเนิดขึ้นเป็นครั้งแรกด้วยแนวคิดของ Nils Bohlin วิศวกรของวอลโว่ ชายผู้ได้รับการขนานนามว่สเปนผู้ช่วยชีวิตคนนับล้านผ่านการประดิษฐ์คิดค้นของเขา หลังจากที่วอลโว่ได้ยกเลิกสิทธิบัตรที่เป็นเจ้าของเข็มขัดนิรภัย 3 จุดลง ทำให้ผู้ผลิตรถยนต์ค่ายต่างๆ นำนวัตกรรมชิ้นนี้มาใช้เพื่อความปลอดภัยของผู้ขับขี่ และพัฒนาต่อมาเป็นเข็มขัดนิรภัยแบบเดียวกับที่เราใช้กันในปัจจุบัน

ที่มา : a day bulletin

มารอบนี้ Volvo สร้างเทคโนโลยี Safety Cage ขึ้นมา เพื่อป้องกันไม่ให้แบตเตอรี่(ลิเธียม) ของรถยนต์ไฟฟ้าถูกกระทบกระเทือนตอนที่เกิดอุบัติเหตุ โดยตัว Safty Cage นั้น คือแผ่นเหล็กขนาดใหญ่ที่ถูกสร้างขึ้นมาหุ้มตัวแบตเตอรี่ลิเธียมของรถยนต์ไฟฟ้าเอาไว้

เจาะลึกสเปคแบตและมอเตอร์ Volvo XC40

แบตเตอรี่ของ Volvo นั้นถูกพัฒนามาจาก LG Chem of South Korea (เกาหลีใต้) และ CTAL (จีน) โดย ตัวแบตนั้นจะมีน้ำหนักเบาและเก็บประจุได้เยอะกว่าแบตของ Tesla model 3 รุ่นปัจจุบันแน่นอน

ภาพ : ภายใต้ฝากระโปรงหน้ารถ, เนื่องจากไม่มีเครื่องยนต์แล้ว ทาง volvo ก็เลยสร้างห้องเก็บของแบบ Tesla model 3 ขึ้นมาเลย ถือว่าเป็นการสร้างรถยนต์ไฟฟ้าที่น่ารักมากๆครับ

รถยนต์ไฟฟ้า Volvo ทุกคันจะเป็นระบบ All Wheel Drive ซึ่งจะสามารถขับเคลื่อนได้มากกว่า 400 กิโลเมตร(ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง)ภายใต้แบตเตอรี่ 78 กิโลวัตต์ ส่วนเรื่องความแรงนั้นไม่ต้องพูดถึงเลยเพราะแรงมาก อัตราเร่ง 0-100 km/h อยู่ที่ 4.7 วินาที (รถยนต์น้ำมันติดเทอร์โบจูนไม่ดีอาจจะโดนรถ SUV ไฟฟ้าคันนี้ตบเอาก็ได้)

อัตราเร่งขนาดนี้เป็นเรื่องธรรมดาสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าไปซะแล้ว แต่สำหรับรถยนต์น้ำมันนั้นไม่ใช่เรื่องธรรมดาเลย การที่จะได้รถ SUV ที่สามารถเร่งความเร็วได้ขนาดนี้เชื่อว่าต้องมีการจูนทั้งห้องเครื่อง,เทอร์โบ,ระบบจ่ายน้ำมัน กันอย่างวุ่นวายแน่นอน อย่างรถที่สามารถเร่งความเร็วได้เท่ากับ Volvo xc 40 ไฟฟ้าก็คือ Maserati Levante S หรือ รถยนต์น้ำมัน SUV เครื่องยนต์ 3,000 cc มาพร้อม turbo ที่ผลิตจากโรงงาน ferrari นั่นเอง ซึ่งมาพร้อมอัตราเร่ง 0-100 km/h ที่ 4.8 วินาที ราคา 12 ล้านบาทครับ (อ้างอิงจาก clip : นั่งซุปเปอร์คาร์12.5ล้านบาท ไปหาหอยบิด !!! [หัวครัวทัวร์ริ่ง] EP.6)

เจอการเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้า volvo XC40 recharge แบบนี้ไปแล้ว ค่ายรถยนต์น้ำมันต้องทำการบ้านหนักกันหน่อยนะครับ เพราะปล่อยให้รถยนต์ไฟฟ้าคันละ 1.7 ล้านบาทมีอัตราเร่งเทียบเท่ากับรถยนต์น้ำมัน SUV คันละ 12 ล้านบาท!! ผมบอกตรงๆครับ งานนี้ปวดตับกันทีเดียวเลย

สเปครถยนต์ไฟฟ้า Volvo XC40

  • ราคา : 1.7 ล้านบาท ($55,000)
  • วางจำหน่าย : ปี 2563
  • ประเทศวางจำหน่าย : จีน, ทุกประเทศในยุโรป, อเมริกา, แคนาดา
  • แบตเตอร์รี่ : 78 kWh battery
  • ระบบขับเครื่อง : มอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 150 kW วางหน้าและหลัง รวมกันได้ 300 kW
  • ความแรง : 408 แรงม้า
  • ระบบชาร์จไฟ : 150kW DC fast charging
  • 0-100 km/h : 4.7 วินาที
  • ความเร็วสูงสุด : 180 km/h  (112 mph)
  • ชาร์จไฟเต็ม 80 % ภายใน 40 นาที
  • ระยะทางที่วิ่งได้จากการชาร์จ 1 ครั้ง : 400 km (WLTP)

BLINK DRIVE TAKE

ขอบคุณภาพจาก headlightmag

ราคารถยนต์น้ำมัน Volvo xc 40 ที่ไทยเริ่มต้นที่ 2 ล้านบาทในขณะที่อเมริกาขายคันละ 1 ล้านบาท ($34,000) ดังนั้น ผมคิดคณิตศาสตร์ระดับประถมให้ดูเลยนะครับถ้ารถยนต์ไฟฟ้า Volvo xc 40 ขายที่อเมริกาคันละ 1.7 ล้านบาท($55,000) ลองเอาภาษีแบตโยนเข้าไปเล่นๆรถยนต์ไฟฟ้า Volvo xc 40 คันนี้จะตกอยู่ที่ประมาณ 3.4 ล้านบาท(สูตรคือ +100% เหมือนที่ nissan leaf โดน) ถ้าได้แบตขนาด 78 กิโลวัตต์มาในราคานี้ผมถือว่าคุ้มมากๆครับแถมเป็นการออกแบบดีไซน์ห้องแบตและการวางตำแหน่งมอเตอร์ขับเคลื่อนเหมือน MEB ของ Volkswagen ซะด้วย ดังนั้นราคา 3.4 ล้านบาทนี่กระทบกระเทือนเบนซ์, BMW ,และค่าย SUV ยุโรปอีกหลากหลายค่ายเลยนะครับ อย่าลืมนะครับรถยนต์ไฟฟ้ามีแค่แบตกับมอเตอร์เป็นสิ่งสำคัญในการขับเคลื่อนดังนั้นแล้วมันแทบจะไม่มีอะไรพังเลยครับ

ถ้ามันพังบ่อย ๆ คนที่เจ็บหนักที่สุด คือ บริษัทครับไม่ใช่ตัวเรา เพราะชื่อเสียงเรื่องรถยนต์ไฟฟ้าเสียหายหมด ตอนนี้คนไม่เชื่อมั่นว่า ค่ายไหนจะสร้างรถยนต์ไฟฟ้าได้ดีเท่ากับเทสล่าเลย ดังนั้น เชื่อว่ามาตรฐานในการให้ประกันรถยนต์ไฟฟ้าในอนาคตจะเทียบเท่ากับเทสล่า 

ณ ปัจจุบัน Tesla ให้ประกันรถยนต์ไฟฟ้าเทสล่าโมเดล 3 อยู่ที่ 160,000 km(100,000 miles) หรือ 8 ปี ซึ่งบอกตามตรง ไม่มีค่ายรถยนต์ยุโรปหรืออเมริกาค่ายไหนเลย ที่สามารถให้ประกันรถยนต์ของตนเองได้เยอะและนานเท่ากับเทสล่า ส่วนสาเหตุที่ทำไม่ได้ก็มาจากอะไหล่ 3000 ชิ้นในรถยนต์น้ำมันที่ผลัดกันเสียภายใน 5 ถึง 10 ปี จึงไม่มีค่ายรถยนต์ค่ายไหนบนโลกกล้าให้ประกันทั้งบริการหลังการขายและประกันอะไหล่ได้ยาวนานเท่ากับเทสล่าครับ 

อันนี้น่าคิดนะครับ อเมริกาเป็นประเทศที่มีค่าแรงแพงมากๆ ดังนั้น tesla พยายามจะลดต้นทุนเรื่องค่าแรงออกไป แล้วบริษัทรถยนต์น้ำมันต่างๆกำลังเดินตามเส้นทางที่เทสล่าทำอยู่ ถ้าบริษัทรถยนต์น้ำมันต่างๆในยุโรป,อเมริกา, จีน, แคนาดา, ออสเตเรีย, และประเทศที่พัฒนาแล้วพร้อมใจกันใช้รูปแบบการขายแบบเทสล่า คือไม่มีศูนย์ซ่อมมีแต่ mobile Station (รถยนต์สำหรับช่าง ขับไปซ่อมรถยนต์ไฟฟ้าตามบ้าน) เพราะมีอะไหล่ให้ซ่อมไม่ถึง 300 ชิ้น(รวมกันชนหน้าจนถึงกันชนหลังแล้วครับ) ดังนั้นไม่ต้องสร้างศูนย์ให้บริการมา stock ของเหมือนรถยนต์น้ำมันเนอะ

ถึงเวลานั้น Car Dealer(ศูนย์ให้บริการและขายรถยนต์) จะประสบปัญหาหนัก ใช่หรือไม่ครับ

mobile service car ของ tesla

ยังไงก็เตรียมตัวกันดี ๆ นะครับ ในวันที่ทุกคนเลิกใช้กล้องฟิล์มแล้ว ต่อให้รัฐบาลมาเขียนกฏหมายห้ามปรามเรื่องกล้องดิจิตอลหรือต่อให้มีมาเฟียมาสั่งไม่ให้ใช้กล้องดิจิตอล ประชาชนทุกคนก็แอบหนีไปใช้กล้องดิจิตอลอยู่ดีเพราะว่ามันประหยัดค่าใช้จ่ายมากกว่าการใช้กล้องฟิล์ม (ไม่ต้องล้างฟิล์ม, ไม่ต้องซื้อฟิล์ม, รูปไหนไม่ชอบก็ลบเลย) เช่นเดียวกันครับรถยนต์ไฟฟ้าจะมาในรูปแบบกล้องดิจิตอลในอนาคต มันจะกลายเป็น technology disruptive เหมือนการมาของ iphone แน่นอนครับ ถึงประเทศไทยจะแบนรถยนต์ไฟฟ้ายังไงก็ตาม แต่จำเอาไว้นะครับ โลกไม่ได้หมุนตามประเทศไทยนะครับ โลกหมุนตามประเทศพัฒนาอย่าง ยุโรป, จีน,และอเมริกา และประเทศพวกนี้ดันสนับสนุนรถยนต์ไฟฟ้าอย่างบ้าคลั่งอยู่นะครับ

แล้วคุณล่ะ กล้าซื้อกล้องฟิล์มใช้กันในวันที่กล้องดิจิตอลแข่งกันเปิดตัวเดือนต่อเดือนแบบนี้ไหมครับ?

ฝากให้คิดแล้วเจอกันได้ที่ BLINK DRIVE

Follow by Email