Blink Blink
Latest news
EV Carsvolk swagen

เทคโนโลยีดิสรัปชั่นมาเร็วกว่าที่คิด : Volkswagen หันไปขายรถยนต์ไฟฟ้า ID.3 ผ่านเว็บเหมือน Tesla

การขายรถยนต์บนโลก online ดูเหมือนจะเป็น Norm(เรื่องธรรมดา)ในช่วง COVID-19 และหลังช่วง COVID-19 อย่างแน่นอนครับ ตอนนี้ในอเมริกาและยุโรปได้ย้ายช่องทางการขายรถไป online กันหลายเจ้าแล้ว(แม้กระทั่ง Toyota ในอเมริกานั้นยังปรับตัวตามเลยครับ ซึ่ง Car Dealer (ตัวแทนจำหน่ายรถยนต์)มีหน้าที่จัดส่งเอกสารและรถยนต์ถึงบ้านลูกค้า ลูกค้าไม่ต้องเข้ามาลองรถที่ศูนย์ ถ้าอยากลองจริงๆ ก็เลือก option : Contactless ได้คือเจ้าหน้าที่จะนำกุญแจรถมาแขวนเอาไว้ที่รถและลูกค้าก็นำเอกสารเช่น ใบขับขี่ ใส่ซองและยื่นให้เจ้าหน้าที่ตามศูนย์ต่างๆครับ

มาเดือนนี้ Volkswagen เอาเทคโนโลยีมาใช้ในการขายรถ เนื่องจากรถยนต์ไฟฟ้านั้นเป็น Hot cake (ของขายดี)ที่ไม่ต้องโฆษณาหรือบอกกล่าวอะไรเยอะก็มีคนมาซื้อแล้วครับ ทำให้ Volkswagen พยายามลดการทำงานของ Dealerships (ศูนย์ขายรถและให้บริการรถ) ลงไป บทบาทของศูนย์คือเป็นเพียงศูนย์ซ่อมรถและส่งมอบรถเท่านั้น

ส่วนการขายรถนั้นเป็นหน้าที่ของ Website นะครับ ถือว่าเป็น Norm (เรื่องธรรมดา) ที่ Tesla ทำมานานมากแล้วครับ(ตั้งแต่เริ่มขาย Tesla Model S ในปี 2012)

รูปภาพ : Volkswagen ID.3

ข้อดีของการขาย online ผ่านเว็บ

  1. ลดการติดต่อโรค COVID-19 – เจ้าหน้าที่และลูกค้าไม่ต้องเสี่ยงที่จะติดโรคระหว่างการทำ Transaction(ซื้อ-ขาย)รถยนต์
  2. ลดจำนวนพนักงานขายในศูนย์ – เป็นการลดค่าใช้จ่ายส่วนเกินใน Dealerships(ศูนย์ขายรถ)ซึ่งศูนย์ยังได้มีรายได้มาจากการซ่อมรถและการส่งมอบรถให้แก่ลูกค้า
  3. ลดการ Stock สินค้า – ของไทยนั้นถ้าลูกค้าสั่งรถ, บริษัทถึงจะส่ง invoice หรือ purchase order ไปยังโรงงานผลิตใช่ไหมครับ แต่ของประเทศฝั่งยุโรปหรืออเมริกานั้นเค้าชอบ stock รถยนต์เอาไว้ในศูนย์เพื่อให้ลูกค้ามาซื้อไปเลย แต่การย้ายไปขาย online ผ่านเว็บนั้นจะทำให้ศูนย์มา stock รถยนต์ครับ ระบบจะช่วยการ rotate(ย้าย) stock ได้รวดเร็วขึ้นครับ เป็นการประหยัดต้นทุนทั้ง Dealership และบริษัทผู้ผลิตครับ
  4. ราคากลางไม่มีค่านายหน้า – พอไม่มีการเสียค่า stock สินค้า, การจ้างพนักงานขายเอาเปอร์เซ็นต์การขาย, หรือการจ้างพนักงานมาบริการลูกค้าก่อนการซื้อขาย, เป็นต้น ทำให้บริษัทสามารถลดราคารถยนต์ลงไปอีกเยอะเลยครับ, แถมราคาขายนั้นเป็นราคาทั่วไปทั้งประเทศ ไม่มีนายหน้า(พนักงานขาย)มาโก่งราคาให้แพงกว่าศูนย์อื่นครับ

Volkswagen ยืนยันข้อมูล ณ วันที่ 21 พฤษภาคม 2563 ว่า

Volkswagen จะทำการขายรถยนต์ไฟฟ้า ID.3 ที่ทวีปยุโรปก่อนในปีนี้และจะขยายตลาดมาอเมริกาภายในปีหน้านี้ครับ

ลูกค้าทุกคนไม่ต้องเข้าไปศูนย์รถยนต์เพื่อทำสัญญาซื้อรถ การซื้อขายทุกอย่างจะจบ(one stop service)ที่ Computer หรือ iphone ของลูกค้า

หลังจากสั่งซื้อรถยนต์เสร็จแล้ว ลูกค้าจะได้รับ SMS ยืนยันการสั่งซื้อ, ระยะเวลาการจัดส่ง, และมี option (ตัวเลือก)ให้ลูกค้าเลือกว่าจะให้ไปส่งที่ศูนย์รถยนต์ใกล้บ้านสาขาไหนอีกด้วย

ตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศไม่จำเป็นต้องซื้อรถยนต์ Volkswagen ไป stock (สำรอง)อีกแล้ว (ลดค่า inventory cost [ค่าเก็บรถยนต์เอาไว้กับศูนย์] ไปได้มาก) หลังจากนี้ไปการขายรถยนต์จะเป็นเรื่องง่ายดายกว่าเดิมอย่างมาก ข้อมูลทุกอย่างจะไปอยู่บนโลก online ถ้าลูกค้าคนไหนอยากได้รถยนต์คันไหนก็เพียงกดสั่งซื้อเท่านั้น รถจะทำการส่งมอบไปยัง agency model (ตัวแทนจำหน่าย) เหล่านั้นภายในระยะเวลาอันสั้น

ส่วนรถทดลองขับนั้น ทางบริษัท Volkswagen จะทำการจัดหามาให้ตัวแทนจำหน่ายทุกร้านเหมือนเดิมแต่ที่แตกต่างออกไปคือ เราจะเอารถ concept (รถที่ก่อนจะวางขาย)มาวางในศูนย์เหล่านั้นด้วยเพื่อให้ลูกค้าได้ทดสอบขับก่อนไปสั่งซื้อในเว็บของเรา

Holger B. Santel หัวหน้าแผนก sale ของประเทศเยอรมัน

กดไม่เกิน 10 ครั้งก็ซื้อรถได้แล้ว ง่ายมากๆ

Volkswagen เพียงบอกว่าระบบการซื้อรถยนต์ของบริษัทนั้นจะชื่อ “Thunder” ซึ่งการซื้อรถยนต์จะง่ายมากๆ ให้เด็กหรือผู้ใหญ่แก่ๆ มากดได้เลย โดยบริษัทยังย้ำอีกว่า Click เม้าท์ไม่เกิน 10 ครั้งก็ซื้อรถเสร็จแล้วครับ

ที่มา : entreprenuer, electrek

BLINK DRIVE TAKE

ผมว่า COVID-19 นั้นทำให้เกิด New Norm ใหม่ๆ ขึ้นเยอะเลยนะครับ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจที่โดนกระทบหนัก ๆ อย่าง โรงแรมและสายการบิน หรือธุรกิจที่ไม่มีใครคิดว่าจะโดนกระทบอย่างศูนย์ให้บริการรถยนต์หรือตัวแทนจำหน่ายแบบนี้

วิดีโอ : สาธิตการสั่งซื้อรถยนต์ผ่าน website ของ Tesla

หลัง COVID-19 จบลงนั้น ผมคิดว่า Norm (ความเคยชิน) เหล่านี้จะยังคงอยู่ครับ เพราะมนุษย์ชอบความสะดวกสบายและถ้าได้มันมาแล้วก็จะไม่กลับไปใช้วิถีชีวิตเหมือนเมื่อก่อนอีกครับ

ตัวอย่างง่ายๆ นะครับ ถ้าคุณเคยทำการสั่งซื้อของจาก lazada ดูซัก 4-5 ครั้งแล้วและราคาถูกกว่าร้านค้าแถวบ้าน คุณจะกลับไปต่อราคาร้านแถวบ้านหรือขับรถไปห้างเพื่อซื้อของราคาที่เท่ากันไหมครับ

อีกตัวอย่างที่เห็นภาพเลยก็คือ การส่งจดหมายครับ, แต่ก่อนไม่มีเครื่อง Fax ทำให้ทุกบริษัทต้องส่งจดหมายไม่ว่าจะเป็นบิลส่งของ, สัญญาการซื้อขาย, ประกาศถึงพนักงาน, จนไปถึง check เงินเดือนพนักงานผ่านจดหมายกันเลย กะเถิบมาอีกยุคคือ Fax ซึ่งทำให้หลายบริษัทหันไปวิธีใช้การรับ-ส่งแบบนั้นแทน

ถัดมาอีกอันนึงก็คือ e-mail , ไม่ว่าจะเป็นการส่งใบ invoice, ค่าส่งเอกสาร, ใบเสร็จชำระเงิน หรือแบบแปลนต่างๆ ผ่าน scanner และ computer

ถัดมาอีกอันคือ LINE อันนี้ disruptive หนักเลยครับ แม้กระทั่งญาติผมจะส่งบิลขนส่งไปหาลูกค้ายังส่งผ่าน LINE app เลยเพราะถ่ายรูปส่งง่ายกว่าหา scanner มา scan และส่งผ่าน mail อีก แต่ถ้าอันไหนสำคัญก็อาจจะใช้ e-mail ,

บางทีสมัยนี้ผมยังใช้ e-signature เพื่อยืนยันคำสั่งซื้อหุ้น, เช่าบ้าน, ซื้อรถ, หรือทำประกันเลยครับ ที่อเมริกานั้นสุดยอดของความ paperless(ไม่ใช้กระดาษ)เลยครับ

แต่สิ่งสำคัญคือ ธุรกิจสมัยนี้ จะเน้นการส่งเอกสารผ่านอิเล็กทรอนิกส์มากขึ้นใช่ไหมครับ ผมเชื่อว่ายังมีการส่งจดหมายให้เซ็นหรือใบเสร็จของจริงให้กันและกันบ้าง แต่ผมเชื่อว่าน้อยกว่าการส่งเมลหรือ line หากันแน่นอนครับ – เป็นตัวอย่างที่เห็นภาพได้ชัดใช่ไหมครับว่า ถ้ามนุษย์ได้สิ่งที่สะดวกสบายกว่าแล้วจะไม่กลับไปใช้แบบเดิมอีก

เช่นกันครับ การขายรถยนต์ในอนาคตที่ต่างประเทศนั้นคงใช้เส้นทางนี้ซึ่งผู้ซื้อก็ไม่ต้องเสี่ยงที่จะติดโรคหรือเสียเวลาในการออกไปซื้อรถอีกแล้วครับ ในเมื่อการซื้อรถยนต์ที่บ้านกับการซื้อรถที่ศูนย์นั้นก็เหมือนกันเกือบหมด แถมการซื้อที่บ้านนั้นง่ายกว่า, สะดวกกว่า(ไม่ต้องแต่งตัวหรือขับรถออกไปไกลๆ), และราคาถูกกว่า(ลดคนกลางที่มาเก็บค่า commission อย่างเช่น พนักงานขายรถ ออกไป) ผมมองว่าไทยอาจจะใช้ระบบนี้ก็ได้ แต่คงไม่ใช่เร็วๆ นี้แน่นอนครับ

แต่ถ้ามี COVID-19 ระลอก 4-5 มาล่ะก็ ผมเชื่อว่าไทยก็อาจจะปรับตัวตามต่างประเทศแหละครับ

แล้วคุณล่ะคิดว่ายังไงครับ? เข้าไปตอบกันได้ที่ Facebook Blink drive

Stay tune, stay with BLINK DRIVE

Follow by Email