Blink Blink
TeslaUSA

[ข่าวลือ]Tesla Model 3 Ludicrous เตรียมวางจำหน่ายภายในเดือนพฤษภาคม 2024

ข่าวลือนี้มาจากประเทศเกาหลีนะครับ โดยเค้าบอกว่า จะเปิดวางขายภายในเดือนพฤษภาคม 2024(ไตรมาส 2) สิ่งที่น่าสนใจของรถคันนี้

  • ปรับปรุงระบบช่วงล่างใหม่หมด(ดีกว่า Performance รุ่นเดิม) และนำมอเตอร์ใหม่มาใช้
  • พละกำลังรวมทั้ง 2 มอเตอร์มากกว่า 600 แรงม้า
  • มอเตอร์หน้าใช้รหัส 3D3 ความแรง 212 แรงม้า (ไม่มีการเปลี่ยนแปลง)
  • มอเตอร์หลัง: 4D2 ความแรง 406 แรงม้า (แบบใหม่)
  • น้ำหนักรถ 1,855 กก. / 4,089 ปอนด์
  • แบตเตอรี่ NMC 82 kWh
  • ระยะทางที่วิ่งได้ 430 km หรือ 270 ไมล์ (Range ทางฝั่งเกาหลีจะถูกกดมากกว่าประเทศอื่นๆ ตามความเข้มงวดของเกาหลีใต้)

สิ่งที่เหมือนกับรุ่น Performance ที่แล้ว

  • น้ำหนักไม่เปลี่ยนแปลงจาก Tesla Model 3 Performance ก่อนหน้า
  • แบต HV (High Voltage)แรงดันไฟ 355 Volts –> ใช้แบตรุ่นเหมือม Model 3 รุ่น Long Range และ Performance
  • มอเตอร์หน้า 3D3 158kW -> ไม่มีการเปลี่ยนแปลง!

มอเตอร์หลังไม่ได้ใช้มอเตอร์ที่มาจาก Plaid

ไม่มีทางเลยที่จะเอามอเตอร์ของ Model S Plaid (5D1)ทั้งอันมาใส่ครับ แต่มีความเป็นไปได้สูงที่ Tesla จะนำเทคโนโลยีใน Tesla Model S Plaid มาใช้กับ Tesla Model 3 Ludicrous นะครับ

โดยเฉพาะมอเตอร์หลังที่เป็นรหัสใหม่คือ 4D2 ครับ ด้านล่างนี้เป็นภาพหลุดของกราฟความแรงของ Tesla Model 3 Ludicrous (เส้นสีแดง) จะเห็นได้ว่า หลังความเร็ว 80 km/h ไปแล้วกำลังไม่ตกเหมือนมอเตอร์ Model 3 Performance รุ่นเก่านะครับ กำลังไฟจะอัดได้เหลือๆ ไปจนถึง 170 km/h ครับ เรียกได้ว่าเราอาจจะมีลุ้นที่จะเห็นรถ Model 3 Ludicrous คันนี้วิ่ง 10.1-10.5 วินาทีใน 1/4 ไมล์อยู่ครับ

แหล่งข่าวบอกมาว่า วิ่ง Highway แรงกว่าเดิมแน่นอน

อัตราเร่ง 0-100 km/h นั้นมีแหล่งข่าว(ลือ)บอกมาว่าอยู่แถว ๆ 2.8-2.9 วินาทีครับ

ส่วนมอเตอร์หน้านั้นแทบจะเหมือนเดิมเพราะว่าใช้มอเตอร์รุ่นเดิมครับ

Cite : TeslaNewsWire

BLINK DRIVE TAKE

สเปคนี้พอเอาไปเข้าวัดเข้าวาได้อยู่เนอะ อิๆ

อัตราเร่ง 0-100 km/h ภายใน 2.8-2.9 วินาทีและ 1/4 ไมล์แถวๆ 10.1-10.5 วินาที เสียดายมากๆ ที่ไม่ได้เอา 5D1 (มอเตอร์หลัง Model S Plaid) มาใส่ครับ แต่ถ้าใส่จริง ผมมองว่าจะคุมราคาลำบากมากๆ และก็จะไม่มีใครอยากไปซื้อ Model S Plaid ซักเท่าไหร่เพราะจบที่ Model 3 Ludicrous ก็เพียงพอแล้ว

Stay tune, stay with BLINK DRIVE

Follow by Email