สวัสดีครับ วันนี้ผมมีข่าวสะเทือนวงการรถยนต์ Fuelcell ในอเมริกามาแชร์ให้ทุกคนทราบกันนะครับ จริงๆ สัญญาณเตือนภัยนี้เริ่มปรากฏขึ้นเมื่อตั้งแต่ปีที่แล้ว(2023) โดยเมื่อปีที่แล้วเชลล์ยกเลิกแผนการสร้างสถานีเติมเชื้อเพลิงไฮโดรเจนสำหรับรถยนต์ขนาดเล็ก 48 แห่งในรัฐแคลิฟอร์เนีย ทั้งๆ ที่บริษัทมีสิทธิ์ได้รับเงินสนับสนุนจากรัฐมากกว่า 1,330 ล้านบาท (40 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพื่อติดตั้งสถานีเติมเชื้อเพลิงไฮโดรเจนเหล่านั้น แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่เพียงพอที่จะผลักดันโครงการนี้ไปข้างหน้าได้ ในเดือนกันยายน 2023 ที่ผ่านมานั้นเชลล์ได้ปิดสถานีไฮโดรเจน 3 ใน 5 แห่งในรัฐ
“เรา(เชลล์)ขอยืนยันว่าเชลล์ได้ยกเลิกแผนการสร้างและดำเนินการสถานีเติมเชื้อเพลิงไฮโดรเจนสำหรับรถยนต์ขนาดเล็กในรัฐแคลิฟอร์เนียทุกสาขา แต่เราจะยังคงลงทุนในไฮโดรเจนต่อไปเรื่อยๆ โดยมุ่งเน้นไปที่การลดการปล่อยมลพิษ เช่น อุตสาหกรรมและรถบรรทุก พร้อมยังให้ความสำคัญกับภูมิภาคที่เรามีความได้เปรียบในการแข่งขันสูงและมีความเชื่อมโยงกลับมาที่ธุรกิจของเรา เชลล์ยังคงไม่ทิ้งการพัฒนาต่างๆ ในด้านไฮโดรเจนในแคลิฟอร์เนีย ซึ่งเราคงเปิดบริการสถานีเติมไฮโดรเจนสำหรับรถบรรทุก(ไม่ใช่เชิงพาณิชย์) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ ZANZEFF: Zero and Near Zero-Emission Freight Facilities Shore to Store Project”
บทสัมภาษณ์โฆษกของบริษัท shell บอกกับ Hydrogen Insight
ทำไมถึงไม่ไปต่อ?
การตัดสินใจละทิ้งตลาดในอเมริกาสำหรับรถยนต์ที่ใช้เชื้อเพลิงไฮโดรเจนอาจสะท้อนถึงความไม่นิยมของรถที่ใช้เชื้อเพลิงไฮโดรเจนเลย แม้ว่าแคลิฟอร์เนีย(ซึ่งเป็นรัฐเดียวในอเมริกาที่มีสถานีเติมไฮโดรเจน)จะเป็นหนึ่งในตลาดไม่กี่แห่งสำหรับรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฮโดรเจนที่เติบโตในปีนี้ แต่กลายเป็นว่ามีรถ Fuel cell จดทะเบียนเพียง 3,143 คันในปี 2023 ซึ่งน้อยกว่า 1% ของรถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ที่ขายในช่วงเวลาเดียวกัน และถ้าเทียบกับยอดขายทั้งประเทศอเมริกานั้น ยอดขายรถ Hydrogen คิดเป็น 0.25 % เองครับ หรือเรียกได้ว่า ทุกๆ ยอดขายรถ Hydrogen 1 คันในอเมริกา จะมีรถยนต์ไฟฟ้าขายได้มากกว่า 400 คันครับ
หมายเหตุ : ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าในอเมริกาปี 2023 นั้นอยู่ที่ 1.2 ล้านคัน
นอกจากนี้ เขายังเขียนอีกว่า โครงการนี้ประสบปัญหาในการขอใบอนุญาตและการจัดหาไฮโดรเจนสีเขียว ตลอดจนต้องเผชิญกับต้นทุนการก่อสร้างที่สูง
ประเภทไฮโดรเจน
ก่อนจะไปกันต่อผมขอเอาประเภทขอไฮโดรเจนต่างๆ มากางเอาไว้ตรงนี้เพื่อให้ได้ศึกษานะครับ
- ไฮโดรเจนสีเทา (Grey Hydrogen): ผลิตจากเชื้อเพลิงฟอสซิล เช่น ก๊าซธรรมชาติ เป็นวิธีการผลิตไฮโดรเจนที่ใช้กันมากที่สุด แต่ก็เป็นวิธีที่ปล่อยคาร์บอนมากที่สุดเช่นกัน
- ไฮโดรเจนสีน้ำเงิน (Blue Hydrogen): ยังคงผลิตจากเชื้อเพลิงฟอสซิล แต่ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่เกิดขึ้นระหว่างกระบวนการจะถูกดักจับและกักเก็บไว้ ทำให้มีการปล่อยมลพิษลดลงเมื่อเทียบกับไฮโดรเจนสีเทา
- ไฮโดรเจนสีเขียว (Green Hydrogen): ผลิตจากพลังงานหมุนเวียน เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ หรือพลังงานลม ผ่านกระบวนการอิเล็กโทรไลซิสของน้ำ วิธีนี้ไม่ก่อให้เกิดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ถือเป็นไฮโดรเจนที่สะอาดที่สุด
- ไฮโดรเจนสีชมพู (Pink Hydrogen): ผลิตผ่านกระบวนการอิเล็กโทรไลซิสเช่นเดียวกัน แต่ใช้พลังงานที่มาจากนิวเคลียร์ ซึ่งไม่ก่อให้เกิดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เช่นกัน

แล้วอย่างที่เรารู้กันก็คือ ไฮโดรเจนสีเขียว (Green Hydrogen) นั้นมีมูลค่าแพงที่สุดจากประเภทไฮโดรเจนทั้งหมดที่ผลิตได้ครับ
66 ล้านบาทต่อสถานีเติมเชื้อเพลิง 1 สถานี
Hydrogen Fuel Cell Partnership องค์กรการค้าที่อยู่ในแคลิฟอร์เนีย ระบุในเว็บไซต์ของตนว่า ค่าใช้จ่ายในการสร้างสถานีเติมไฮโดรเจน นั้น “ประมาณการ” ไว้ที่ 66 ล้านบาท (2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ซึ่งอาจเป็นจำนวนเงินที่ยากจะได้คืนกลับมา โดยคำนึงถึงว่ามีรถยนต์เซลล์เชื้อเพลิง(Fuel cell car)เพียง 17,284 คันในสหรัฐอเมริกา

อีกเรื่องคือ True Zero ผู้ค้าปลีกเชื้อเพลิง H2(ไฮโดรเจน) รายใหญ่ที่สุดของแคลิฟอร์เนีย ดำเนินการสถานีเติมไฮโดรเจน 37 แห่งจาก 53 แห่งในแคลิฟอร์เนีย เมื่อเร็วๆ นี้ ทางบริษัทได้ปรับขึ้นราคาไฮโดรเจนในทุกจุดบริการเป็น 1,200 บาท/กก. เพิ่มขึ้นจากประมาณ 800 บาท/กก. เท่ากับเมื่อเดือนเมษายน 2021 ที่ผ่านมา ค่าใช้จ่ายอยู่ที่เพียง 435 บาท/กก.

ถ้าให้คำนวณกันจริงๆ คือ ปัจจุบันรถยนต์ไฟฟ้า Tesla มีค่าใช้จ่ายในการใช้งานถูกกว่ารถยนต์ไฮโดรเจนของ Toyota ในอเมริกาประมาณ 14 เท่าครับ
อเมริกาไม่ใช่ประเทศแรกที่โดนปิดสถานีเติมไฮโดรเจน
ก่อนหน้านี้ในเดือนธันวาคม เชลล์ได้ให้สัมภาษณ์กับ Hydrogen Insight ว่าบริษัทเชลล์จะให้ความสำคัญกับไฮโดรเจนสำหรับรถบรรทุกเท่านั้น ส่วนรถเก๋ง, รถตู้,รถประเภทอื่นที่ใช้งานกันทั่วไปนั้น เชลล์ได้ทุ่มการลงทุนไปในสถานีชาร์จ EV เพื่อลดการปล่อยคาร์บอนระยะยาว เนื่องจากเชลล์รู้แล้วว่ารถประเภทไหนที่ประชาชนนิยมซื้อมาใช้
ในปี 2022 เชลล์ปิดสถานีเติมไฮโดรเจนทั้งสามแห่งในสหราชอาณาจักร บริษัทเชลล์และพันธมิตรอย่าง Motive กล่าวว่าพวกเขากำลังปรับโฟกัสธุรกิจของพวกเขาไปที่การให้บริการรถบรรทุกขนาดใหญ่ ซึ่งทั้งสามสถานที่นั้นไม่สามารถรองรับได้
ที่มา : Cleantechnica
BLINK DRIVE TAKE
อยากกระจายข่าวนี้ไปให้ลุง ป้า น้า “อา” ทุกท่านให้ทราบความจริงเรื่องนี้จริงๆครับ เพราะที่ไทยยังเข้าใจอยู่เลยว่า รถ Hydrogen ขายดีในต่างประเทศอย่างมาก เอาเป็นว่าน่าจะขายดีในในประเทศอื่นที่ไม่ใช่อเมริกาครับ
ผมยังติดตามข่าวคราวเรื่องนี้เรื่อยๆครับ เพื่อรอวันที่มีคนสามารถแก้ไขปัญหาต่างๆ ของรถประเภทนี้ครับ