Blink Blink
FordUSA

Ford[USA] บังคับให้ Dealer(ตัวแทนขาย) ทุกแห่งต้องติดตั้ง DC Fast charge , ไม่งั้นไม่อนุญาติให้ขายรถ EV

ยอดจองรถกระบะไฟฟ้า Ford พุ่งทะลุ 200,000 คันไปแล้ว

อ้างอิงข้อมูลจาก kbb ตอนนี้ Ford ออกมาเปิดเผยตัวเลขยอดจองรถกระบะไฟฟ้าของ Ford F-150 Lightning แล้วว่า ยอดจองนั้นทะลุ 200,000 ใบไปตั้งแต่เดือนธันวาคม 2021 ที่ผ่านมา ซึ่งตอนนี้ Ford ต้องประสบปัญหาอย่างหนักในการส่งมอบรถให้กับลูกค้าทุกคน โดย Ford ประเมินเอาไว้ว่า จะสามารถส่งรถให้ครบใบจองทุกใบนั้นต้องใช้เวลาอย่างต่ำ 3 ปี(ไปจนถึงปี 2025)

Ford ไม่ง้อ Dealership อีกแล้ว, ถ้าเจ้าไหนอยากขายรถ EV ต้องทำตาม Ford

ทำให้ Ford Motor Company (บริษัทแม่ผู้ผลิตรถยนต์) ต้องมาออกกฏในการขายรถยนต์ไฟฟ้าทุกรุ่นใหม่ทั้งหมด เนื่องจากตอนนี้ฟอร์ดมี Dealership (ตัวแทนจำหน่ายรถยนต์) อย่างเป็นทางการในอเมริกาประมาณ 3,000 สาขาและทั้งหมดนี้ไม่มีความรู้เรื่องการซ่อมรถยนต์ไฟฟ้าหรือสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า DCFC (DC Fast Charge)ให้บริการลูกค้าเลยครับ

ทำความรู้จักแผนการณ์ Ford Model e

ฟอร์ดจึงอยากสังคายนาแบรนด์ตัวเองใหม่ทั้งหมดจึงออกกฏใหม่ขึ้นมาว่า ถ้าใครอยากขายรถยนต์ไฟฟ้ายี่ห้อฟอร์ดอย่างเป็นทางการนั้นต้องซึ่ง EV Certified (ใบรับรองความชำนาญเรื่องรถยนต์ไฟฟ้า)จากบริษัทฟอร์ดนะครับ โดย Ford เค้าเรียกใบ Certified ตัวนี้ว่า Ford’s Model e นะครับ

เงื่อนไขสำคัญคือ Dealership (ตัวแทนจำหน่ายรถยนต์) ต้องลงนามพร้อมกับลงทุนซื้อและสร้างสถานีชาร์จ DCFC (Fast Charge) ให้ได้ตามมาตราฐาน Ford Model e นี้ภายในวันที่ 31 ตุลาคม 2565 นี้ซึ่งจะมี 2 tier ให้เลือกซื้อ(เดี๋ยวผมอธิบายเรื่อง tier ต่อด้านล่างนี้) ถ้า Dealership (ตัวแทนจำหน่ายรถยนต์) ไม่ทำตามข้อตกลงนี้ภายในวันที่ 31 ตุลาคม 2565 ทางบริษัท Ford Motor Company จะทำการตัดสิทธิ์ในการขายรถยนต์ไฟฟ้าหลังจากวันที่ 1 มกราคม 2567

จริงๆ แล้ว Ford แตกไลน์ธุรกิจออกไปเยอะมากๆ ครับเช่น Ford Blue, Ford Pro(รถเชิงพาณิชย์), Ford Model e(รถยนต์ไฟฟ้าอย่างเดียว), Ford Drive, Ford Credit(ให้สินเชื่อ) , และ Lincoln(รถ Topline ของ Ford)

แต่วันนี้ผมขอโฟกัสเพียงธุรกิจแขนงหนึ่งของฟอร์ดก็คือ Model e นะครับ

สิ่งจำเป็น 5 อย่างสำหรับใบรับรองของ Ford Model e

  • Training (การฝึกเสริมทักษะ):
    • Ford จะสอนทักษะการใช้งาน/ซ่อม/ให้บริการรถยนต์ไฟฟ้าแก่เจ้าหน้าที่ประจำแต่ล่ะศูนย์ให้บริการ
    • Ford จะเปิด EV University สำหรับฝึกเจ้าหน้าที่ของฟอร์ดขึ้นมาโดยเฉพาะ
  • Charging(สถานีชาร์จ):
    • Back-of-house charging หรือแท่นชาร์จที่บ้าน : ฟอร์ดจะทำการฝึกเจ้าหน้าที่ให้เรียนรู้การติดตั้ง, แนะนำ, และการบำรุงรักษาแท่นชาร์จตามบ้าน
    • Public DC fast chargers จะเปิดให้บริการผ่าน Blue Oval Network ของ Ford
    • 96% ของจำนวนประชากรอเมริกานั้นอาศัยอยู่ภายในรัศมี 20 ไมล์(32 km) จากศูนย์จำหน่ายรถยนต์ Ford และมากถึง 85% อาศัยห่างจากศูนย์ฯ Ford ไปประมาณ 10 ไมล์(16 km) ดังนั้น ถ้าศูนย์จำหน่ายรถยนต์ Ford ทุกแห่งมีแท่นชาร์จเร็ว DCFC แล้วล่ะก็ สถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าของ Ford จะขึ้นมาตีตื้นเทสล่าก็เป็นได้ครับ
  • eCommerce
    • ทุกอย่างต้องตรวจสอบราคาได้
      • หลังจากนี้ไปศูนย์จำหน่ายรถยนต์ Ford ทุกแห่งต้องใช้ราคาเดียวกันทั้งหมด ถ้าราคาตลาดเป็นเท่าไหร่, ราคารถ EV ที่ศูนย์จำหน่ายรถยนต์ Ford ต้องราคาเท่านั้น ไม่มี mark-up price อะไรทั้งสิ้น เพราะที่ผ่านมา demand (ความต้องการ)รถยนต์ไฟฟ้าในอเมริกาพุ่งสูงเกินกำลังการผลิตไป 200-300 % ทำให้ค่ายรถยนต์หลายค่ายตั้งราคาขายสูงกว่าราคาหน้าเว็บ แล้วใช้ข้ออ้างกับลูกค้าว่า Mark up price (อารมณ์เหมือนราคาหวยบ้านเราที่ไม่ตรงกับราคาในกระดาษหวยแหละครับ) แต่หลังจากนี้ไป Ford เอาจริงคือ ไม่มีรถก็ไม่ต้องขาย แต่ห้ามตั้งราคาเกินราคาป้ายที่กำหนดเอาไว้ ไม่งั้นตัดสิทธิ์ตัวแทนจำหน่ายทันที
  • Physical Experiences:
    • ทุกๆ dealership จะต้องมีระบบ pickup(รับรถที่ศูนย์ฯ) หรือ delivery(ส่งรถถึงบ้าน)
  • Digital Experiences
    • software update และ subscription เหมือน iphone หรือ Tesla ครับ (อันนี้ Ford จะเป็นคนลงทุนเองทั้งหมด)

2 Tiers ของ Model e มีอะไรบ้าง?

  1. Model e Certified : อันนี้เป็นเทียร์(Tier) แรกของการเป็นศูนย์จำหน่ายรถยนต์ Ford EV อย่างเป็นทางการนะครับ คร่าว ๆคือ ต้องใช้งานลงทุนในการเปลี่ยนโฉมศูนย์จำหน่ายรถยนต์ Ford ให้เป็นศูนย์จำหน่ายรถยนต์ Ford EV ประมาณ $500,000 หรือ 17 ล้านบาทโดยจะต้องทำตามเงื่อนไขดังนี้
    • สร้างสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า(สาธารณะ)อย่างต่ำ 1 หัวจ่ายที่ความแรงอย่างต่ำที่ 120 kW ซึ่งจะมีค่าดำเนินการต่างๆ ค่อนข้างสูง

2. Model e Certified Elite: อันนี้เป็นเทียร์(Tier) สองของการเป็นศูนย์จำหน่ายรถยนต์ Ford EV แบบ Elite(พิเศษหรือผู้ดี) อันนี้คือจะมีทุกอย่างให้บริการรวมไปถึงการสร้างสถานีชาร์จ DCFC(Fast Charge) ความแรง 120 kW ขึ้นไป ถึง 2 หัวจ่ายโดยหัวจ่ายแรกเปิดให้รถ Ford อย่างเดียว(ก็ได้) ส่วนหัวชาร์จที่สองต้องเปิดให้สาธารณะเข้าใช้งาน

อย่างไรก็ตามค่าใช้จ่ายในการสร้างโมเดล elite นั้นอยู่ที่ $900,000 หรือ 30 ล้านบาทครับ(แม่เจ้า!!)

หมายเหตุ : ทาง Dealership Ford เจ้าไหนที่อยากขายรถยนต์ไฟฟ้าภายในปี 2024 เป็นต้นไปต้องรีบทำการสมัครสมาชิก Model e นี้ภายในวันที่ 31 ตุลาคม 2022 ไม่อย่างนั้น เค้าจะไม่มีวันส่งรถ EV จาก Ford มาขายครับ(จนกว่าปี 2026)

ส่วน Dealership ไหนไม่อยากรีบขายรถยนต์ไฟฟ้าของ Ford ก็สามารถรอ Ford เปิดรอบสองได้ในปี 2026 หรือ 4 ปีจากนี้ อารมณ์เหมือน Fast track ในสวนสนุก Disney World นะครับ ใครอยากเข้ามาก่อนก็จ่ายเงินมากกว่าเนอะ ใครอยากขายทีหลังก็รอไปอีก 2 ปี(ตลาดวายพอดีครับ)

ที่มา : Fox News, electrek

BLINK DRIVE TAKE

อันนี้ถือว่าเป็นการแบ่งชนชั้น Dealership ของ Ford อย่างเห็นได้ชัดนะครับ พวกปลาใหญ่เงินทุนหนาก็คงเอาด้วยอย่างแน่นอน ส่วนปลาตัวเล็กหรือ Dealership ตัวเล็กๆ ก็คงอดขายไปจนกว่าปี 2026 ครับ

สาเหตุที่ Ford ค่อนข้างซีเรียสและต้องใช้ไม้นี้(แผนการณ์การทำให้ dealership ต่างๆ มี EV Certificate (Ford Model e) นั้นเพราะว่าเค้าต้องการเอาชนะยอดขาย Tesla ภายในปี 2025 นี้นะครับ แล้วฟอร์ดรู้ว่า จุดอ่อนของ Ford คือเรื่องสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าแบบเร็ว (DCFC) ซึ่ง Tesla นั้นวางโครงข่ายเอาไว้ทั้งประเทศอเมริกาตั้งนานมากแล้วครับ

Stay tune, stay with BLINK DRIVE

Follow by Email