Blink Blink
TeslaUSA

รถครอบครัวสี่ประตู Tesla Model S วิ่งแซง McLaren P1 คาสนาม Laguna Seca

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันเสาร์ที่ 12 มิถุนายน 2564 ที่ผ่านมาโดยสำนัก Unplugged Performance ได้ทำการซื้อรถยนต์ไฟฟ้า Tesla Model S ตัว Top ซึ่งเป็นรุ่น Plaid จาก Tesla ไป ณ วันที่ 10 มิถุนายน 2564 และจากนั้นพี่แกก็ทำการปรับแต่งช่วงล่างพร้อมกับภายในและภายนอกรอบคัน ซึ่งกินเวลาเพียง 8-12 ชั่วโมงเท่านั้น จากนั้นสำนักแต่งรถ Unplugged Performance ก็ได้นำรถคันนี้ไปวิ่งที่สนาม Laguna Seca ณ ประเทศอเมริกา

โดยคนขับรถ Tesla Model S Plaid ของสำนึก Unplugged Performance คนนี้ชื่อ @Randy Pobst ซึ่งเป็นนักขับแข่งฝีมือระดับโลก ชาวอเมริกาได้มาขับ Tesla Model S Plaid คันนี้

แน่นอนแหละว่ามีหลายคนยังจำนายแรนดี้คนนี้ไม่ได้ แต่ถ้าผมพูดว่าเค้าเป็นนักแข่งที่ขับ Tesla Model 3 ของ Unplugged Performance ชนในสนาม Pike Peak แล้ว คุณพอจะร้อง อ๋อ กันบ้างใช่ไหมครับ?

มารอบนี้ ทางสำนัก Unplugged Performance และคุณแรนดี้ก็จัดเต็มอีกเช่นกันโดยพวกเค้าจะเอา Tesla Model S Plaid คันนี้มาทำการปรับแต่งช่วงล่าง, ยางรถ, และใส่โรบาร์เข้าไปเพื่อให้ขับได้คล่องตัวในสนาม ส่วนระบบขับเคลื่อนนั้น(มอเตอร์ไฟฟ้า)เป็นของเดิมจากโรงงานครับ

อย่างไรก็ตามเค้าไม่ได้มาคนเดียวครับ แต่ทางทีม Unplugged Performance นั้นอยากจะพิสูจน์จริงๆว่ารถคันนี้มันแรงจริงหรือแรงโม้กันแน่นครับ ทางทีมเลยไปชวนเจ้าของรถ Hypercar ต่างๆ มาเข้าร่วมเป็นสักขีพยานกับการแข่งครั้งนี้ด้วยซึ่งก็ได้ผลออกมาน่าพอใจมากๆ คือ คนขับรถ hyper car หลายคนก็นำรถของตัวเองมาขับในสนามเพื่อแข่งไปพร้อมๆ กับ Tesla Model S Plaid คันนี้ครับ

ส่วนผลลัพธ์นั้นคือ Tesla Model S Plaid ฟาดเรียบกิน Hyper Car ทั้งสนามสบายๆ ไปเลยครับ

ถ้าดูในคลิปดีๆ แล้วเหมือน McLaren P1 จะจอดเฉยๆ ให้แซงไปเลยครับ แต่คนขับ McLaren P1 ได้ออกมาพูดหลังแข่งจบว่าเค้าได้กดเต็มข้อแล้วแต่ตอนที่ Tesla Model S Plaid แซงเค้าไปนั้นเหมือนรถเค้าจอดเฉยๆ แล้วโดนแซงเลย(คือความแรงมันต่างกันอย่างมาก)

ถ้าดูจากวิดีโอด้านล่างนี้จะเห็นเลยว่ารถครอบครัว 4 ประตู Tesla Model S นั้นกิน  Porsche Cayman GT4, Porsche 991 GT3 RS, McLaren Senna และ McLaren P1 จนหมดไม่เหลือคราบเลยครับ

Hypercar ที่มาแข่งนั้นมีคันไหนบ้าง?

เดี๋ยวผมจะทำการไล่เรียง Hypercar แต่ล่ะคันที่ Tesla Model S Plaid คันนี้วิ่งแซงให้ดูเลยนะครับ

Porsche Cayman GT4

  • ราคา 10 ล้านบาท(ในไทย)
  • อัตราเร่ง 0-100 km/h ภายใน 4.3 วินาที
  • วิ่ง 1/4 ไมล์จบภายใน 12.3 วินาที
  • Top Speed : 295 km/h

Porsche 991 GT3 RS | 520 แรงม้า

  • ราคา 17,900,000 บาท(ในไทย)
  • อัตราเร่ง 0-100 km/h ภายใน 3 วินาที
  • วิ่ง 1/4 ไมล์จบภายใน 11.1 วินาที
  • Top Speed : 311 km/h

McLaren Senna | 789 แรงม้า

  • มีขายเพียง 500 คันในโลก
  • ราคา  37.5 ล้านบาทหรือ 750,000 ปอนด์
  • อัตราเร่ง 0-100 km/h ภายใน 2.6 วินาที
  • วิ่ง 1/4 ไมล์จบภายใน 10.1 วินาที
  • Top Speed : 340 km/h

McLaren P1 | 916 แรงม้า

  • ราคา  36 ล้านบาทหรือ 1.15 ล้านเหรียญสหรัฐ
  • อัตราเร่ง 0-100 km/h ภายใน 2.8 วินาที
  • วิ่ง 1/4 ไมล์จบภายใน 9.8 วินาที
  • Top Speed : 350 km/h

Tesla Model S Plaid | 1,020 แรงม้า

  • ราคา  4-5 ล้านบาทหรือ 130,000 เหรียญสหรัฐ(ไม่รวมภาษีนำเข้าของไทย)
  • อัตราเร่ง 0-100 km/h ภายใน 2 วินาที
  • วิ่ง 1/4 ไมล์จบภายใน 9.24 วินาที
  • Top Speed : 320 km/h

BLINK DRIVE TAKE

ผมได้เข้าไปอ่าน comment ของฝรั่งใน youtube และ reddit กันเป็นจำนวนมาก ปรากฏว่า แนวทาง comment ของฝรั่งนั้นไปในแนวทางที่ว่า “นี่มันรถบ้านนะ” , หรือที่ฮาที่สุดคือประโยคด้านล่างนี้ครับ

พ่อ : รอแป๊บนะเด็กๆ , พ่อกำลังขับแซง McLaren P1
แม่ : ลุยเลย!!

ใน comment ด้านบนนี้น่าจะจำลองเหตุการณ์ว่ารถ Tesla Model S Plaid คันนี้นั่งมากัน 3-4 คนคือ พ่อ, แม่, ลูก และไปเจอ McLaren P1 ซึ่งเป็นรถ Hypercar 2 ประตู, นั่งได้เพียง 2 คนบนถนนเข้า พ่อก็เลยส่งสัญญาณบอกคนในครอบครัวว่าจะขอแซงรถคันนี้หน่อยนะและเหมือนว่าผู้บังคับบัญชาการ(แม่)ได้อนุญาตให้แซงครับ

หลังจากวันนี้เป็นต้นไป คนขับรถครอบครัวคงสนุกและสะใจในการขับรถยนต์ไฟฟ้าหรือรถถ่านรักษ์โลกขับแซงรถ Hypercar กันแหละครับ ลองคิดดูว่าถ้าวันนึงคุณอยู่ตรงไฟแดงแล้วเห็นอาม่าหรืออาซิ้มขับรถ 4 ประตูแบบนี้แซงรถ Hypercar บนถนนเส้นนั้น พวกเราคงสนุกที่ได้เห็นเหตุการณ์แบบนั้นไม่น้อยแหละครับ^^

ผมอยากจะสร้างกระทู้นี้ขึ้นมาเพื่อบอกเล่าการพัฒนาในต่างประเทศและเพื่อให้คนไทยตามกระแสของโลกทันนะครับ เพราะหลังจากฝรั่งเห็นคลิปนี้กันแล้ว พวกเค้ามองแล้วว่ารถยนต์น้ำมันเป็นได้เพียงของสะสม ถ้าอยากแข่งกันเพื่อเอาชนะก็ไปถอยรถยนต์ไฟฟ้ามาขับแทนครับ

ลองสังเกตุอีกอย่างคือรถยนต์ไฟฟ้า 4 ประตูหรือเรียกว่ารถบ้านที่ราคา 4-5 ล้านบาท(ไม่รวมภาษี 200%) จะสามารถวิ่งชนะ McLaren P1 คันล่ะ 1.15 ล้านเหรียญสหรัฐหรือ 36 ล้านบาทได้แบบสบายๆ แบบนี้ ผมว่าอนาคตอันใกลนี้ คนธรรมดาแบบเราๆ ก็สามารถขับรถบ้านๆ แบบนี้ชนะ Hypercar ทั้งบนท้องถนนหรือในสนามได้สบายๆ แหละครับ

หลังจากนี้ไป ค่ายรถ hypercar คงเหนื่อยอีกเยอะครับ รวมไปถึงสำนักแต่งรถต่างๆ ทั่วโลกด้วยครับ (นี่รถเดิมๆ ที่เพิ่มเติมคือช่วงล่างยังกินหมดขนาดนี้ ถ้า Tesla Roadter ออกมา ค่ายรถยนต์ hypercar และสำนักแต่งรถทั่วโลกคงเหนื่อยกว่านี้หลายเท่าตัวครับ)

Stay tune, stay with BLINK DRIVE

ส่งข้อมูลที่น่าสนใจและอยากให้แปลมาได้ที่ THE FORTRESS

Follow by Email