ก่อนอื่น เราต้องมาทำความรู้จัก Mobile Service กันก่อนนะครับ Mobile Service ไม่ได้แปลว่าบริการซ่อมมือถือนะครับ คำว่า Mobile แปลตรงตัวว่ามือถือหรือหน่วยเคลื่อนที่ง่าย
โดย Tesla Mobile Service นั้นเปรียบเสมือน “ม้าเร็ว” ของกองทัพ Tesla ครับ จะเป็นหน่วยที่เข้าถึงลูกค้าในถิ่นทุรกันดารหรือให้ความสะดวกสบายแก่ลูกค้า โดยลูกค้าเพียงใช้ Tesla App ในการแจ้งบอกศูนย์ Tesla และทำการนัดหมายเวลาและสถานที่ในการรับบริการซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นบ้านของเจ้าของรถครับ
ทำไม Tesla ถึงเอา concept นี้มาใช้?
เพราะรถยนต์ไฟฟ้ามันมีชิ้นส่วนในการซ่อมน้อยชิ้นอย่างมากครับ ยกตัวอย่างระบบขับเคลื่อนของรถ ICE หรือรถยนต์น้ำมันนั้นมีมากถึง 3,000 ชิ้นแต่รถยนต์ไฟฟ้ามีชิ้นส่วนที่ใช้ในการขับเคลื่อนเพียง 80 ชิ้น แถมไม่ต้องบำรุงอะไรเยอะ เช่น ไม่ต้องเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง, น้ำมันเกียร์, น้ำมันพวงมาลัย power, หรือของเหลวอื่นๆ ครับ
ดังนั้นรถยนต์ไฟฟ้าแทบไม่จำเป็นต้องไปทำอะไรกับมันเลยครับ ในทางตรงกันข้าม ถ้าเป็นรถยนต์น้ำมันต้องมีการเปลี่ยนของเหลว เช่น น้ำมันเครื่องทุกๆ 5,000 – 8,000 km หรือ 6 เดือน ดังนั้นการทำ Mobile Service แบบนี้อาจจะไม่ตอบโจทย์แน่นอนครับเพราะช่างต้องไปหาแม่แรงยกรถขึ้นเพื่อเปลี่ยนน้ำมันเครื่องแถมการเปลี่ยนน้ำมันเครื่องนอกสถานที่นั้นกลายเป็นเรื่องยุ่งยากอย่างมากครับ ดังนั้น นี่จึงเป็นข้อดีอย่างหนึ่งของการ service รถยนต์ไฟฟ้าครับ
Tesla จึงคิด concept (แนวคิด)ว่า ถ้ามันซ่อมง่ายขนาดนี้และไม่จำเป็นต้อง stock อะไหล่ให้มากมาย เราน่าจะทำรถยนต์ให้บริการซ่อมบำรุงหรือ Tesla Mobile Service ขึ้นมานะ เพื่อให้บริการลูกค้าในเมืองที่เค้าไม่มีศูนย์ให้บริการหรือให้บริการ luxury service (บริการแบบหรู) แบบถึงหน้าบ้านกันไปเลยครับ
ส่วนอะไหล่บางชิ้นที่เป็นของพิเศษจริงๆ หรือเรียกว่าเสียหายยากๆ ก็ทำการ stock เอาไว้ที่ Service Center ตามหัวเมืองใหญ่ๆ จากนั้นให้ Tesla Mobile Service เข้ามาเบิกของเพื่อไปซ่อมให้ลูกค้าสิครับ
ยกตัวอย่างการซ่อมเบาะรถยนต์ Tesla Model S (ภาพด้านล่างนี้) Tesla Mobile Service (ชายที่อยู่ในรูป และรถตู้คันนั้นคือรถตู้ Tesla Mobile Service นะครับ) ได้เข้าไปจอดหน้าบ้านลูกค้าและทำการยกเบาะรถยนต์ไฟฟ้า Tesla Model S ออกมาแบบรุปด้านล่างนี้ครับ
ประวัติรถคันนี้คือ เจ้าของเพิ่งซื้อมาได้ 5 เดือนเองครับ แต่ปรากฏว่าระบบ Heat Seat หรืออุ่นเบาะมันไม่ทำงาน เค้าก็ได้ทำการแจ้งไปยังศูนย์ให้บริการ Tesla และ Tesla ได้ยื่นข้อเสนอ “ซ่อมให้ถึงหน้าบ้าน” หรือ Mobile Service ครับ
จากนั้นเฮียแกก็ทำการชำแหละออกเพื่อทำการซ่อมแบบด้านล่างนี้ครับ โดยปัญหาของเบาะเหล่านี้คือ มันไม่อุ่น(no heat seat) นะครับ
โดยเคสนี้ tesla ได้เอาเบาะอันใหม่มาเปลี่ยนให้ถึงหน้าบ้านเลยครับ
ส่วนภาพด้านล่างนี้คือภาพเปรียบเทียบระหว่างเบาะเก่ากับเบาะใหม่ครับ
สรุปคือ เจ้าหน้าที่ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงในการเปลี่ยนเบาะให้กับเจ้าของรถ ซึ่งเจ้าของแทบไม่ได้เสียเวลาอะไรเลยครับเพราะระหว่างที่เปลี่ยนเบาะนั้น เจ้าของก็เดินกลับเข้าไปในบ้านชงกาแฟ, นั่งเล่นคอมพ์และก็แวะออกมาดูเป็นครั้งคราวเองครับ
คุณผู้อ่านลองคิดตามผมนะครับ ในทางกลับกัน ถ้าเราจำเป็นต้องเปลี่ยนเบาะแบบนี้กับรถยนต์น้ำมันของเรา เราก็ต้องขับรถไปที่ศูนย์เพื่อแจ้งปัญหา(เสียเวลาแล้วอย่างต่ำ 3-4 ชั่วโมง) เพราะศูนย์เค้าก็ไม่ได้รับบริการเราคนเดียวครับ เราคงต้องไปเข้าคิวรับบริการโดยการไปนั่งเล่นในห้องรองรับลูกค้าเพื่อรอศูนย์ประเมินความเสียหาย จากนั้นก็รับแจ้งว่าจะซ่อมได้เมื่อไหร่
วันที่ซ่อมรถ เราก็ต้องมานั่งเสียเวลาอย่างต่ำ 3 ชั่วโมงเพราะการเอารถเข้าศูนย์นั้นมีระเบียบการยิบย่อยเต็มไปหมด แถมถ้าเอารถเข้าศูนย์ช้าก็โดนแซงคิวหรือถ้าเอารถเข้าศูนย์ตอนเช้าก็ไปชนกับเวลาพักกินข้าวพนักงานอีกด้วย
นี่ผมยังไม่รวมเวลารถติดบนท้องถนนทั้งขับไปและขับกลับระหว่างบ้านและศูนย์ให้บริการนะครับ รวมๆแล้วก็ 10 กว่าชั่วโมงครับ
ส่วนการบริการ Onsite service แบบนี้นั้นเจ้าของรถเสียเวลาจริงๆ แค่ 5-15 นาทีคือ ขับรถออกมาหน้าบ้านให้เค้าซ่อมจากนั้นเจ้าของก็เดินเข้าไปในบ้าน อาบน้ำ, แต่งตัวหรือทำกับข้าวกินนะครับ และจะเสียเวลาอีกรอบคือตอนที่เค้าซ่อมเสร็จก็เดินออกมาเซ็นรับรถ แค่นั้นเองครับ
ข้อดีคือ Tesla ก็ไม่ต้องสร้างห้องรองรับลูกค้าและบูธชงกาแฟให้เปลืองเงิน, ลูกค้าก็ไม่ต้องเสียเวลาขับฝ่ารถติดไปยังศูนย์ให้บริการ
แบบนี้มัน win-win ทั้งคู่ไหมครับ?
หมายเหตุ : Tesla ยังมีศูนย์ Service Center ตามหัวเมืองใหญ่ๆ นะครับเอาไว้เป็นที่เก็บ stock ของและก็ซ่อมรถยนต์ไฟฟ้าอาการหนัก ๆ เช่น เปลี่ยนแอร์, เปลี่ยนแบตก้อนใหญ่หรือมอเตอร์ครับ
ที่มา : electrek
BLINK DRIVE TAKE
ผมอยากฝากกระทู้นี้ให้กับ GWM Thailand และค่ายรถยนต์ไฟฟ้าอื่นๆ ที่วางแผนเปิดตัวในไทยเพื่อให้เอาไปเป็นแนวทางในการให้บริการรถยนต์ไฟฟ้าที่เค้ากำลังจะทำการเปิดตัวเร็วๆ นี้นะครับ
อยากจะบอกว่า รถยนต์ไฟฟ้ามันอะไหล่น้อยชิ้นอย่างมาก และการบำรุงรักษาของรถยนต์ไฟฟ้านั้นจะอยู่แถวๆ 40,000 km ต่อครั้งครับ ซึ่งเป็นการเปลี่ยนของเหลวเช่นน้ำมันเบรคเป็นต้น ส่วนไส้กรองอากาศภายในห้องโดยสารนั้นก็เปลี่ยนกันทุกๆ 10,000 km ซึ่งผู้ใช้งานก็เปลี่ยนได้หรือจะให้ Mobile Service หรือม้าเร็วขี่มอเตอร์ไซค์ไปเปลี่ยนให้ที่บ้านก็ได้ครับ
ส่วนการนัดหมายหรือ report ปัญหาก็ควรจะมี app ซักตัวเอาไว้ chat หรือส่งรูปปัญหาติดต่อระหว่างศูนย์กับลูกค้าได้แล้วครับเพราะปัจจุบันนั้นทุกคนมี smartphone ที่สามารถถ่ายรูปรายงานปัญหาได้ทันท่วงทีกันอยู่แล้วครับ
ผมภาวนาให้ CEO ของ GWM Thailand นั้นพิจารณาการให้บริการรถยนต์ไฟฟ้าแบบนี้ด้วยครับเพราะมันจะช่วง save cost ในการเปิดศูนย์ให้บริการในจังหวัดต่างๆ ได้อย่างมากครับ
มาร่วมมือกันให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่ก้าวหน้าทันตามประเทศอื่นๆ ในโลกกันนะครับ