แม๊ท (วิศวกรเทสล่า) ได้ออกมาอธิบายการใช้งาน Tesla Supercharger เกี่ยวกับฟังชั่น Trip Planner ใน Tesla Model S ครับ ซึ่งฟังชั่นนี้จะมีติดรถ Tesla มาทุกคัน(ยกเว้นบางประเทศ อย่างไทย เป็นต้น)
ฟังชั่น Trip Planner คือจะทำวางแผนการเดินทางให้คุณยกตัวอย่างง่ายๆ เช่น ถ้าคุณจะเดินทางในอเมริกาจากรัฐแคลิฟอร์เนียไปยังรัฐโคโลราโดนั้นจะใช้ระยะทาง 1,141.6 ไมล์หรือ 1837.2 km ซึ่งเอาจริงๆ Range ของรถ EV ค่ายไหนมันก็ไม่พอหรอกครับ อีลอนเลยบอกว่าจะทำ Tesla Supercharger ขึ้นมาเพื่อให้สามารถใช้งานได้ง่ายเหมือนการเติมน้ำมันเลย โดยภาพด้านล่างนี้จะจำลองให้เห็นว่าถ้าจะเดินทางจากรัฐแคลิฟอร์เนียไปยังรัฐโคโลราโดจริงๆ ต้องแวะชาร์จสถานีไหนบ้างเพื่อจะไปให้ถึงที่หมาย โดยการเปิด Navigation นี้แม่นยำมากครับและสถานีชาร์จ Tesla Supercharger ทั้งหมดที่อยู่ใน route นั้นเข้าถึงง่าย(อยู่ติดถนนใหญ่)และมีตามเส้นทางอย่างที่เห็นครับ ในภาพจะเห็นว่าตัวรถจะทำการ Navigate (นำทาง)รถคันนี้ไปยังสถานีชาร์จแห่งแรกซึ่งห่างไปประมาณ 133 ไมล์หรือ 214 km ครับ
มีระบบหลังบ้านดูแล 24 ชั่วโมง
Tesla นั้นจะมีหน้าจอใหญ่ที่ศูนย์ฯ บัญชาการเพื่อให้พนักงานทุกคน Monitor(ตรวจสอบ)สถานะของสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า Tesla Supercharger ตลอด 24 ชั่วโมง ถ้ามีสถานีไหนเสียหรือมีคนเข้าไปใช้งานเยอะ ตัวระบบจะแจ้งให้รถเลี่ยงที่จะแวะจอดสถานีชาร์จแห่งนั้นซึ่งจะบอกได้เลยว่า Tesla Supercharger นั้น uptime อยู่ที่ 99.9999 % ครับ หรือเรียกว่าไม่เคยเจอปัญหาจอดแช่หรือรถแห่กันไปแย่งชาร์จ(ยกเว้นช่วงเทศกาล)
แถมยังมี call center หลังบ้านบริการเรียกรถยกมาให้อีกในกรณีเจอรถน้ำมันมาจอดขวางสถานีครับ
Trip Planner ไม่ได้คำนวณแค่ว่ารถคุณจะขับถึงหรือป่าวจากไฟที่มีในรถนะครับ วิศวกร Tesla แจ้งว่า Trip Planner นั้นจะเอาข้อมูลการขับขี่, ลมที่ปะทะรถ, พยากรณ์อากาศ, และอุณหภูมิภายนอกรถมาเป็นปัจจัยในการคำนวณว่าเราจะขับถึงที่หมายหรือป่าวนะครับ
BLINK DRIVE TAKE
ณ ปัจจุบันนั้น Tesla Thailand ยังไม่เปิดให้รถคันไหนในไทยใช้ Trip planner แบบฝั่งอเมริกาได้นะครับ
ส่วน Agenda (ใจความ)หลักๆ ของโพสนี้คือ Tesla Supercharger นั้นต้องทำให้คนขับ Tesla เดินทางง่ายขึ้นครับ ไม่ใช่ยากกว่าการไปใช้สถานีชาร์จยี่ห้ออื่นครับ ประสบการณ์ 2 อย่างที่ Tesla ต้องการมอบให้ผู้ใช้งานคือ
- ความสะดวกสบายในการใช้งาน
- ความประหยัด(ประหยัดกว่าเติมน้ำมัน)