เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมานั้นเราจะเริ่มเห็นข่าว Gigafactory เซี่ยงไฮ้เพิ่มกำลังผลิตเป็น 21,000 คันต่อสัปดาห์(เปิดโหมดเบอร์เซิร์ก) ซึ่งตอนนั้นเป็นแผนการณ์ที่ Tesla วางเอาไว้ว่าจะทำกำลังผลิตระดับนี้ตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2565 เป็นต้นไป
“While the Shanghai factory was shut down fully and then partially for the majority of Q2, we ended the quarter with a record monthly production level. Recent equipment upgrades will enable us to continue to increase our production rate further.”
ในขณะที่ Tesla ทำการปิดโรงงานทั้งโรงงานเพื่อทำการอัพเกรดโรงงานในไตรมาส 2 ที่ผ่านมานั้น พวกเราสามารถผลิตรถยนต์ไฟฟ้าได้มากที่สุดตั้งแต่สร้างโรงงานมา ด้วยเครื่องมือทันสมัยล่าสุดที่พวกเราเพิ่งได้มานั้นจะทำให้โรงงานแห่งนี้สามารถผลิตรถยนต์ได้มากกว่าอดีตที่เคยผ่านมาอย่างแน่นอน
Tesla
โดยไลน์ผลิตในโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้า Gigafactory เซี่ยงไฮ้แบ่งออกเป็น 2 ไลน์ดังนี้
- Tesla Model Y กำลังผลิต(ใหม่) 14,000 คัน/สัปดาห์(สร้างเสร็จแล้ว)
- Tesla Model 3 กำลังผลิต(ใหม่) 7,700 คัน/สัปดาห์(กำหนดเสร็จภายใน 18 สิงหาคม 65)
- กำลังผลิตรวมอยู่ที่ 21,700 คัน/สัปดาห์ หรือ 3,000 คันต่อวัน หรือ 1 ล้านคันต่อปี
ณ ปัจจุบันนี้ ไลน์การผลิต Tesla Model Y ได้สร้างเสร็จเรียบร้อยตั้งแต่วันที่ 16 กรกฎาคม 2565 ที่ผ่านมาครับ เฟสถัดไปคือสร้างไลน์การผลิต Tesla Model 3 เพื่อให้ได้กำลังผลิต Tesla Model 3 เพิ่มเป็น 7,700 คันต่อสัปดาห์ซึ่งจะแล้วเสร็จภายใน 8 สิงหาคม 2565 นี้ครับ
Tesla ออกมายืนยันแล้วว่า ภายในเดือนสิงหาคมนี้ โรงงานผลิตรถยนต์ Gigafactory Shanghai (เซี่ยงไฮ้) สามารถผลิตรถยนต์ไฟฟ้า Tesla Model 3 และ Model Y รวมกันได้ที่ 3,000 คันต่อวันทำให้โรงงานผลิตรถยนต์ Gigafactory Shanghai (เซี่ยงไฮ้) กลายเป็นโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าที่มีกำลังผลิตมากที่สุดในโลกในตอนนี้ มากกว่ากำลังผลิตของ Volkswagen เสียอีก
“So just as a Q2 recap, Q2 was a unique quarter for Tesla due to a prolonged shutdown of our Shanghai factory. But in spite of all these challenges, it was one of the strongest quarters in our history. Most importantly, in June, we achieved production records in both Fremont and Shanghai.”
เราอยากจะให้ทุกคนกลับไปดูตัวเลขในไตรมาสสองกันนิดนึงว่า โรงงาน Gigafactory Shanghai (เซี่ยงไฮ้)ได้ปิดไประยะนึงเพราะเรื่องโควิด แต่ทั้งๆ ที่เราทำการปิดโรงงานไปมากกว่า 2 อาทิตย์นั้น ไม่ได้ทำให้ยอดผลิตหลังเปิดโรงงานต่ำลงเลย แต่กลับสูงขึ้นมากที่สุดในประวัติศาสตร์การผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของ Tesla ซะงั้น โดยยอดนี้เป็นยอดของเดือนมิถุายน 2565
Tesla
BLINK DRIVE TAKE
กำลังการผลิตในโรงงาน Gigafactory เซี่ยงไฮ้เพียงแห่งเดียวก็ปาไป 1 ล้านคันแล้วนะครับ เหลือเทียบเท่ากำลังการผลิตรถยนต์ของ BMW ทั่วโลกประมาณ 40% นี่ยังไม่รวมกำลังการผลิตของ Tesla Fremont, Tesla Gigafactory Texas, และ Tesla Gigafactory Berlin เข้านะครับ ถ้ารวมๆ เข้าไปแล้ว กำลังการผลิตของ Tesla ในปี 2023 นั้นจะประมาณ 2 ล้านคันโดยประมาณครับ(หรือเทียบเท่ากำลังการผลิตของ BMW ประมาณ 85% ครับ)
แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการของประชาชนในปัจจุบันที่อยากเข้าถึงรถยนต์ไฟฟ้ากันนะครับ เนื่องจากในปัจจุบัน demand(หรือความต้องการ)รถยนต์ไฟฟ้าในต่างประเทศนั้นถึงขั้นวิกฤตกันไปแล้วครับ คิดจองรถ Tesla วันนี้ก็รับรองปีหน้าไปเลย(7-10 เดือน) ที่มาวิดีโอด้านล่างนี้ครับ
**แชร์ประสบการณ์ส่วนตัวเรื่อง demand รถยนต์ไฟฟ้า Tesla ในอเมริกา
เนื่องจากมหาลัยผมกำลังจะเปิดเทอมแล้วและผมก็คงไม่ได้ทำ content รีวิวรถไปพักใหญ่จนกว่าจะปิดเทอมอีกครั้ง ก็เลยคิดว่า จะลองโพสขายรถยนต์ไฟฟ้า Tesla Model 3 ดู ถ้าขายแล้วทำกำไรได้มากกว่าที่ซื้อมาก็จะเก็บเงินเอาไว้ดาวน์รถยนต์ไฟฟ้า Tesla Model Y ปีหน้านะครับ
ปรากฏว่า หลังจากโพสขายรถใน internet ไป 3 ชั่วโมงมีคนติดต่อมา 2-3 คน(ทั้งโทรและ text เช้า-เย็น)ทำให้ผมปิดดีลนี้ได้ภายใน 3 วัน(ถือว่าเป็นการขายรถที่แปลกที่สุดในชีวิตเลยครับ เพราะว่า ซื้อมา $42,000 แต่ขายได้ $53,000 ครับ) ส่วนสาเหตุก็มาจาก Demand มหาโหดในปัจจุบันนี่แหละ(ชมรายละเอียดต่อภายในคลิปได้เลยนะครับ)
อย่างไรก็ตาม ผมมองว่า ในปี 2024 หรืออีก 2 ปีข้างหน้าจากนี้ เรื่องรถยนต์ไฟฟ้าจะเป็นเรื่องทั่วไปในต่างประเทศหรือเรียกได้ว่า ประชาชนของเค้าสามารถเข้าถึงรถยนต์ไฟฟ้ากันได้ทุกคน(ดูจาก demand ในวันนี้) และที่ตลกกว่านั้นคือโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าพวงมาลัยขวาจะไปอยู่ที่จีนแทนที่จะมาอยู่ที่ไทยครับ อันนี้คือแค้นและเจ็บใจมากๆ ที่ไทยเราไม่มีความสามารถในการชักจูง Tesla, Xpeng, Nio, Volkswagen, และค่ายรถยนต์ไฟฟ้าชั้นนำอื่นๆ มาเปิดโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าพวงมาลัยขวาในไทย เพราะลูกค้าของเราอย่างออสเตรเลีย, นิวซีแลนด์, และประเทศอื่นๆ เค้าแห่กันไปซื้อรถยนต์ไฟฟ้าจากจีนกันหมดแล้วครับ เรียกได้ว่า ข้ามหัวเราไปเลยก็ได้ครับ และที่ตลกกว่านั้นคือประเทศต่างๆ ที่ผมกล่าวมานี้มียอดขายรถยนต์ไฟฟ้ามากกว่าไทยครับ
ตอนนี้ไทยเราเป็นผู้ตามครับ อย่าว่าแต่ตามเวียดนามหรือสิงคโปร์เลยครับ เรื่องรถยนต์ไฟฟ้านั้น เราตามหลังลาวและกัมพูชาอยู่ครับ ผมจึงอยากให้โพสนี้ส่งไปถึงผู้ใหญ่ในบ้านที่ดูแลเรื่องการผลิตรถยนต์ในบ้านเราหน่อยครับ เพื่อให้เค้าวางแผนเปิดรับค่ายรถยนต์ไฟฟ้า
มันไม่จำเป็นต้องบอกว่า ค่ายจีนๆๆๆ หรอกครับ ผมว่า ประชาชนขอให้เป็นค่ายไหนก็ได้ครับที่มีคุณภาพและมาตราฐานในการให้บริการที่คนทั้งโลกใช้กันครับ (แบบเทสล่า, BYD, Nio, Xpeng, หรือ Volkswagen ครับ)