ภาพด้านล่างที่ทุกท่านเห็นนี้คือรถยนต์ไฟฟ้า Chevrolet Blaze EV จากค่ายแม่ GM นะครับ รถยนต์ไฟฟ้า Chevrolet Blaze EV มีราคาเริ่มต้นที่ $44,000 หรือ 1.4 ล้านบาทซึ่งรถคันนี้เป็นรถ SUV รูปทรงมีขนาดใหญ่พอๆ กับ Honda CRV ที่อยู่ในท้องตลาดไทยนะครับ
อย่างไรก็ตามรถ Chevrolet Blaze EV คันนี้ถูกปรับโฉมใหม่เกือบทั้งหมดทั้งภายในและภายนอก
เริ่มจากภายนอกกันก่อนเลยนะครับ ตัวยางรถที่ให้มานั้นคือ 275/45 R21 ยี่ห้อ Michelin มาพร้อมกับล้ออัลลอยขนาด 21 นิ้ว จะมีแร๊ก(เหมือนสปอยเลอร์ด้านหลังรถ)เพื่อทำให้รถลู่ลมมากยิ่งขึ้น ภายนอกโดยรวมนั้นจะเหมือน Nio EP7 ไปแล้วนะครับ ตัวที่ชาร์จนั้นจะออกแบบประตูเปิด-ปิดเหมือน Porsche Taycan นะครับ
ภายใน
เท่าที่ดูภาพ mock up (จำลอง)นั้นจะเห็นได้ว่า หน้าปัดรถจะหายไปแล้วแต่มีจอ LCD ขนาดใหญ่มาแทนที่ทั้งหน้าจอด้านหน้าคนขับกับหน้าจอ infotainment ตรงกลางครับ
พอมาดูภาพหลุดตัวทดสอบขับจริงๆ นั้นจะเห็นได้ว่า การออกแบบไม่ทิ้งห่างจากภาพ concept car ที่ GM เคยร่างเอาไว้เลยครับ
อย่างไรก็ตาม GM เลือกใช้ภาพจากกล้องมองหลังมาแสดงผลตรงกระจกมองหลังของรถคันนี้นะครับ ข้อดีก็คือว่า เวลาคนอื่นที่ไม่ใช่เราขึ้นมาขับก็ไม่ต้องปรับกระจกมองหลังอีกต่อไปครับ คือสามารถใช้งานรถได้เลยโดยไม่ต้องปรับองศาของกระจกมองหลังครับ แต่ข้อเสียคือถ้ามีอะไรไปเลอะกล้องมองหลังก็จะทำให้บดบังวิสัยทัศน์ของการมองด้านหลังทันทีครับ จริงๆ GM นำเทคโนโลยีตัวนี้มาใช้กับ Corvette ปี 2022 และ Chevy Bolt EUV 2022 ได้ซักพักแล้วนะครับ
ภาพถ่ายจาก GM Authorities
BLINK DRIVE TAKE
ตอนนี้ยังไม่มีใครรู้สเปคมอเตอร์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่ของ Chevrolet Blazer EV กันเลยนะครับ แต่ที่แน่ๆ คือ Chevrolet Blazer EV SS performance นั้นจะเตรียมส่งมอบช่วงเดือนมีนาคม 2023 ซึ่งบอกเลยว่า พละกำลังที่ได้นั้นพอๆ กับ Ford Mach-E เลยทีเดียว แถม GM เตรียมนำแบตเตอรี่เทคโนโลยีใหม่อย่าง Ultium มาใช้อย่างแน่นอนครับ
เทคโนโลยี ultium เบื้องต้นนั้นก็มีข้อมูลต่างๆ ดังนี้ครับ
เทคโนโลยีแบตเตอรี่แบบใหม่ของ GM
ผมจะขอแจกแจงคุณสมบัตของแบตเตอรี่รุ่นใหม่ของ GM เป็นข้อๆ ดังนี้นะครับ
1. ใช้แร่โคบอล์ทน้อยลงเพื่อทำให้ต้นทุนถูกลง
เนื่องจากแร่โคโบล์ทนั้นมีราคาแพงและเสาะหายาก ทำให้ GM ออกแบบแบตลูกใหม่ทั้งหมดที่ใช้โคโบล์ทในการผลิตน้อยลงและพวกเค้ายังได้วางแผนหาแร่อื่น เช่น นิกเกอร์มาทดแทนอีกด้วยครับ โดยวิศวกรของ GM ได้ออกมากล่าวว่า “เรากำลังจะหาสร้างแบตที่ไม่พึ่งพาการใช้งานแร่โคโบล์ท(cobolt)เลยเพื่อทำให้ราคาแบตต่ำลงไปกว่า $100 ต่อ kWh อย่างแน่นอน” และเมื่อใดก็ตามที่เราประสบความสำเร็จในการวิจัยเรื่องนี้ รถยนต์ไฟฟ้าจะมีราคาต้นทุนถูกกว่ารถยนต์น้ำมันอย่างแน่นอน
ลองคิดเล่นๆ นะครับ แบตรถยนต์ไฟฟ้า Tesla Model 3 รุ่น long range นั้นมีขนาด 75 kWh (วิ่งได้ไกลถึง 515 km) ถ้ามีใครซักคนที่สามารถคิดค้นแบตที่ไม่พึ่งพาสารประกอบอย่างโคโบล์ทได้แล้วต้นทุนแบตจะเหลือเพียง $7,500 หรือ 232,500 บาทเท่านั้น !! หรือถูกลงไปกว่าเท่าตัวเลยครับ
ส่วนการออกแบบแบตของ GM นั้นยังใช้รูปแบบเหมือนเดิมคือ pouch bag หรือเป็นถุงสี่เหลี่ยม
2. เอาเธี่ยม(ultium)
เป็นชื่อเทคโนโลยีของแบตเตอรีรุ่นใหม่ของ GM ที่ได้พัฒนาร่วมกันกับ LG Chem ซึ่งเป็น vendor เจ้าเดียวกันกับที่ป้อนแบตให้แก่โรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้า Tesla Gigafactory 3 ที่จีนนะครับ
โดยเทคโนโลยีเอาเธี่ยมตัวนี้จะถูกผลิตเพื่อป้อนเข้าสู่โรงงานลูกๆของ GM ทั้งหมด เช่น คาดิแล๊ค(Cadillac), เชฟโรเล็ต(Chevrolet), จีเอ็มซี(GMC), บูอิก(Buick), และค่ายอื่นๆในเครือตามประเทศต่างๆครับ
3.ความจุตั้งแต่ 50-200 kWh
รถยนต์ไฟฟ้าทุกรุ่นของ GM หลังปี 2021 เป็นต้นไปจะมีความจุแบตต่ำสุดที่ 50 kWh และสูงสุดที่ 200 kWh(หรือมากกว่า Tesla Model S รุ่น performance[100 kWh] และ porsche Taycan [93.4 kWh] ถึง 2 เท่า)
4. 400 ไมล์ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง
รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ของเครือ GM (หลังปี 2021 ไปแล้ว) นั้นจะสามารถวิ่งได้ไกลถึง 400 ไมล์(640 km) ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง หรือเรียกได้ว่าขับจาก กทม. ไปยังลำพูนภายในการชาร์จ 1 ครั้งแน่นอน และที่สำคัญรถนั้นรองรับระบบชาร์จเร็วที่ผมกำลังจะพูดถึงในหัวข้อถัดไป ซึ่ง GM แง้มมาแล้วว่าจะสามารถชาร์จได้เร็วถึง 100 ไมล์ต่อ 10 นาที หรือจะเรียกอีกอย่างว่า เสียบหัวชาร์จไฟเข้าไปเพียง 10 นาทีก็ได้ range (ระยะทาง)มาใช้ถึง 160 km ครับ แบบนี้ขับไปเชียงใหม่สบายๆ เลยนะครับ เพราะจอดเติมพลังงานเพียง 10 นาทีก็สามารถขับได้ไกลรวมกันถึง 800 km แล้วครับ
รองรับระบบชาร์จเร็ว
ณ ปัจจุบันนั้น รถยนต์ไฟฟ้าของค่ายลูกของ GM ยี่ห้อ เชฟโรเล๊ท โบล์ท(chevrolet Bolt) นั้นสามารถรองรับการชาร์จสูงสุดได้เพียง 7.4 kW เท่านั้น ซึ่งถือว่าน้อยมากๆ เพราะแบตของรถคันนี้มีมากถึง 66 kWh ลองคิดดูว่าถ้านำรถยนต์ไฟฟ้าคันนี้ไป Roadtrip(เดินทางไกลข้ามเมือง) เชื่อกว่าการชาร์จไฟนั้นจะเป็นปัญหาใหญ่ของการเดินทางเลย เพราะกว่าจะชาร์จเต็ม 80 % นั้นต้องใช้เวลามากถึง 7 ชั่วโมง แตกต่างจาก Tesla Model 3 ซึ่งสามารถทำความเร็วในการชาร์จจาก 0-80 % ได้ภายใน 30-40 นาทีเอง หมายเหตุ : Tesla Model 3 นั้นสามารถรับแรงไฟได้มากถึง 250 kW นะครับ
มาปีนี้ GM เล็งเห็นถึงปัญหาสำหรับคนที่ต้องการใช้เดินทางแบบระยะทางไกล (long distance) จึงออกแบบรถยนต์ไฟฟ้าที่สามารถชาร์จได้รวดเร็วพอๆ กับเทสล่าขึ้นมายังไงละครับโดยมีการออกแบบระบบชาร์จไฟเร็วแบ่งเป็นออกเป็น 2 ระบบ ดังนี้
- ระบบชาร์จเร็วถึง 200 kW สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าทั่วไป – GM ได้กล่าวว่ารถยนต์ไฟฟ้าปี 2021 เป็นต้นไปต้องมีระบบชาร์จเร็วขั้นต่ำที่ 200 kW ทุกคัน
- ระบบชาร์จเร็วถึง 350 kW สำหรับรถกระบะไฟฟ้า – โดยรถกระบะไฟฟ้าทุกคันของ GM นั้นมีแบตประเภท 800 Volt มาให้อยู่แล้ว ดังนั้นเค้าจึงติดตั้งระบบชาร์จเร็ว 350 kW มาจากโรงงานไปเลยครับ
0-100 km/h ภายใน 3 วินาที
0-100 km/h ภายใน 3 วินาที – GM สร้างมาตราฐานใหม่สำหรับรถรุ่น performace(รุ่น topของรถเครือ GM ซึ่งรวมไปถึง รถกระบะ, รถSUV, รถเก๋งทั่วไป, และรถตู้) ต้องทำอัตราเร่งจาก 0-100 km/h ได้ต่ำกว่า 3 วินาทีทุกคัน
อ่านต่อได้ที่ : GM เปิดตัวแบตรุ่นใหม่สามารถวิ่งไกลได้ถึง 640 km พร้อมประกาศเพิ่มกำลังผลิตรถEVให้ถึง 1 ล้านคันต่อปี