Site icon Blink Drive

อีลอนขึ้นราคา Tesla FSD เป็น 396,000 บาท($12,000) เตรียมเปิดใช้งาน V.11 เดือนหน้า

อีลอน มัคส์ (CEO Tesla) ได้ประกาศขึ้นราคา software Tesla FSD(Full Self-Driving) หรือระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติจาก $10,000 (330,000 บาท)เป็น $12,000(396,000 บาท) วันที่ 7 มกราคม 2565 ที่ผ่านมา

ใจความหลักคือ ถ้าใครอยากซื้อ Software FSD ตัวนี้ในราคา $10,000 (330,000 บาท)อยู่ล่ะก็ ทุกท่านสามารถเข้าไปซื้อในเว็บ Tesla ได้ก่อนวันที่ 17 มกราคม 2565 นี้ ส่วนสาเหตุหลักที่อีลอนตัดสินใจขึ้นราคา Tesla FSD ในครั้งนี้มาจากการที่จะ deploy(กระจาย) Tesla FSD ให้รถยนต์ไฟฟ้า Tesla ทุกคันได้ใช้ภายในเดือนหน้านี้(กุมภาพันธ์ 2565)นะครับซึ่ง Version ใหม่นี้จะเรียกว่า Tesla FSD V.11 (เดี๋ยวผมจะทำการเล่าให้ฟังด้านล่างนี้)

FSD คือหัวใจของบริษัท Tesla?

ถ้าใครก็ตามที่ตามข่าวสารเทสล่ามาซักพักจะรู้เลยว่าเทสล่านั้นเน้นการพัฒนาออกเป็น 3 อย่างหลักๆ ด้วยกันคือ แบตเตอรี่, ความปลอดภัย, และระบบไร้คนขับ ในขณะที่ค่ายรถยนต์น้ำมันนั้นจะเน้นในส่วนที่แตกต่างกันออกไปเช่น ระบบวาล์วแปรผัน, ระบบอัดอากาศ, ระบบประหยัดเชื้อเพลิงเวลาจอด, ระบบลูกสูบทำงานเพียงครึ่งนึงเวลาไม่ได้ต้องการแรงม้าสูงๆ , หรือท่อไอเสียสูตรใหม่ เป็นต้น ซึ่งการพัฒนาของรถยนต์น้ำมันนั้นจะเป็นการพัฒนาที่เน้นการขับขี่เป็นหลักครับ แต่ถึงอย่างไรแล้วตอนนี้ค่ายรถยนต์เกือบทุกค่ายบนโลกเลือกที่จะเลิกพัฒนาระบบ ICE (internal Combustion Engine) กันแล้ว เช่น เบ็นซ์, GM, ฟอร์ด, Chevrolet, Cadillac, Volkswagen, Audi, และค่ายรถอื่นๆ อีกมากกว่า 30-40 ราย

ไม่แปลกใจครับที่จะเห็นค่ายรถยนต์ต่างๆ หันมาให้ความสนใจกับระบบขับเคลื่อนไร้คนขับกันมากยิ่งขึ้นเพราะมันเป็นรอยต่อที่จะสามารถนำพาธุรกิจรถยนต์ไปต่อได้ สิ่งสำคัญที่เราต้องตระหนักคือ การใช้งานรถยนต์ไฟฟ้านั้นไม่มีอะไหล่อะไรให้เปลี่ยนถ่ายเหมือนรถยนต์น้ำมัน( เช่น น้ำมันเครื่อง, น้ำหม้อน้ำ, เฟือง, ลูกสูบ, สายพาน, ฯลฯ) ถ้าผู้ผลิตรถยนต์อยากไปต่อได้เค้าต้องหา product ที่สามารถเอามาขายกินเงินระยะยาว(รายเดือน)หลังจากลูกค้าซื้อรถไปแล้วนะครับ

ทุกค่ายรถจึงหันไปพัฒนา software ช่วยเหลือการขับขี่ยังไงล่ะครับ ส่วนการซื้อ software ตัวนี้มาใช้ก็มีหลากหลายรูปแบบครับ บางค่ายก็รวมกับราคารถไปเลย แต่บางค่ายก็ทำแยกออกมาขาย ซึ่งผมมองว่าในอนาคตอาจจะถึงขั้นออกมาให้บริการแบบรายเดือนหรือการใช้งานแอ๊ปฟังเพลงอย่าง spotify ครับ

ระบบ FSD หรือเรียกกันว่า Full Self-Driving นั้นเป็น software หัวใจหลักของบริษัทรถยนต์ไฟฟ้า Tesla เลยก็ว่าได้ครับ อย่างที่รู้ๆ กันว่า Tesla จดสิทธิบัตรต่างๆ เอาไว้เกี่ยวกับรถของตนเองทั้งหมด แต่อีลอนบอกว่า all our patent are belong to you. หรือจะแปลเป็นไทยว่า สิทธิบัตรของเทสล่าเป็นของทุกคนแจกฟรีให้เอาไปใช้กันเลย เช่น มอเตอร์ไฟฟ้ามีหน้าตายังไง? คุณไม่ต้องเสียเวลาไปแกะหรือไป copy ครับ เค้าแจกให้ฟรีๆ ไปใช้ได้เลย แบตเตอรี่ Tesla นั้นแทบจะเอามาตีแผ่จนรู้หมดไส้หมดพุงอยู่แล้วว่ามีสารเคมีอะไรบ้างในนั้น(ผมเคยทำโพสเจาะลึกแบต 4680 : ระยะเวลาชาร์จ, กำลังไฟ, การระบายความร้อน, และขนาด ไปแล้วลองดูกันนะครับ เรียกได้ว่าแบ่งความรู้ให้แบบไม่มีกั๊กเลยครับ)

แต่มีสิ่งหนึ่งที่อีลอนไม่ยอมให้นะครับ ทุกคนพอจะเดากันออกไหมครับว่า มันคืออะไรกันน้า??

ใช่แล้วครับ มันคือ Tesla FSD นั่นเองครับ

อ้าวแล้วระบบ FSD มันต่างจาก Autopilot ยังไง? แล้วมันทำงานยังไงกันน่ะ? Blink Drive มีคำตอบให้ตรงนี้ครับ

FSD คืออะไร?

FSD ย่อมาจาก Full Self-driving หรือแปลว่า ระบบขับขี่อัตโนมัติ ส่วน auto-pilot ในนิยามของ Tesla คือการขับเคลื่อนกึ่งอัตโนมัติ

หลักการของระบบ auto-pilot คือ ตัวระบบจะประคองรถเราอยู่ในเลนและพยายามทิ้งห่างจากรถคันหน้า ซึ่งระบบนี้ยังคงต้องพึ่งพาคนขับในการป้อนคำสั่งอยู่ตลอดเพื่อให้รถไปถึงจุดหมาย เช่น เลี้ยวรถ, เปลี่ยนเลน, ออกจากบ้านหรือสถานที่ต่างๆ, และการควบคุมอื่นๆซึ่งต้องพึ่งพาคนขับเป็นหลัก และระบบ auto-pilot เป็นเพียงผู้ช่วยประคองรถแต่เพียงเท่านั้น

ส่วนหลักการของระบบ FSD(Full Self-Driving) นั้นคือการปล่อยให้รถขับเองตั้งแต่ต้นทางยันปลายทางโดยคนขับเป็นเพียงแต่ผู้โดยสารเท่านั้น แต่อย่างไรก็ตาม FSD ณ ปัจจุบันยังเป็น Beta Version หรือ Version ทดลองใช้งาน ดังนั้น คนขับยังต้องคอยประคองพวงมาลัยแต่ไม่ต้องตัดสินใจทุกๆ เหตุการณ์บนรถนะครับ

FSDbeta 11 ต่างจากรุ่นก่อนหน้าอย่างไรบ้าง?

วิดีโอที่ทุกท่านได้เห็นไปข้างบนนั้นเป็น Tesla FSDbeta V. 10.8 นะครับ ซึ่งอีลอนบอกว่า Beta 10.9 กำลังจะออกมาอาทิตย์หน้านี้ ส่วน Beta 11 นั้นจะออกมาภายในเดือนหน้า ซึ่งอีลอนบอกว่า มันเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ Tesla จำเป็นต้องขึ้นราคา Tesla FSD เพราะว่า Version 11 อันใหม่นี้จะเปิดให้ใช้งานกันกว้างขวางมากยิ่งขึ้นและระบบนี้จะสามารถอ่านวัตถุต่างๆ ที่อยู่ข้างนอกถนนได้แล้วเช่น ตึกและถนน highway เป็นชั้นๆ ซึ่งถือว่าล้ำหน้ากว่ารุ่นปัจจุบันไปไกลมากๆ ครับ

ถ้าคะแนน safety score ไม่ถึงไม่ได้ขับ FSD??

ใช่แล้วครับ ทุกท่านอ่านไม่ผิดหรอกครับ ผมได้รับการยืนยันมาจากพี่โต๋(เจ้าของ Tesla model 3 ในอเมริกาและ Tesla Model Y ), พี่นีน่า(เจ้าของ Tesla Model 3) และพี่ไช้(เจ้าของ Tesla Model 3 ในอเมริกา) ว่า ต่อให้เรามีเงินซื้อ FSD มาใช้แล้ว แต่เราจำเป็นต้องสอบผ่านหรือได้คะแนนเต็ม 100 คะแนนในช่วงแรกที่เค้าเปิดให้ใช้งานนะครับ หลังจากนั้นเฟสถัดไปก็เป็นคนขับที่ได้คะแนน 99 และ 98 ตามลำดับลงมานะครับ (อารมณ์เหมือนสอบ TOEFL ยังไงยังงั้นเลย)

คะแนนเหล่านี้จะมาจากปัจจัยต่างๆ ดังนี้

  1. Forward Collision Warning – ขับจี้คันหน้า(มากเกินไป)ก็จะโดนหักคะแนน
    1. ยกตัวอย่าง : แค่คุณขับรถจี้ตูดคันหน้าห่างแบบ 4-5 เมตรก็โดนหักคะแนนตรงนี้แล้ว ดังนั้น คนขับได้คะแนนตรงนี้ 100 % หรือไม่มีข้อผิดพลาดเลยคือต้องเป็นคนขับเรียบร้อยระดับนึงเลยครับ
  2. Hard Braking – เบรคหน้าทิ้มปุ๊บโดนหักคะแนนทันที
    1. ยกตัวอย่างจากประสบการณ์ของผมที่เคยโดนหักคะแนนเนื่องมาจากรถมาปาดหน้าเราแล้วเราทำการเบรค พอกดตัว P เพื่อจอดปุ๊บ(เวลาเรากดตัว P ระบบของรถจะทำการส่งคะแนนขึ้น Tesla Cloud Server ทันที)คะแนนผมลดทันทีครับ
  3. Aggressive Turning – เลี้ยวด้วยความเร็วสูงหรือมากกว่า 1 G(แรงเหวี่ยง)ก็โดนแล้วครับ
    1. ยกตัวอย่าง แฟนผมโดนหักคะแนนจากตรงนี้บ่อยมากๆ เพราะเวลาเราจะขับมาแล้วทำการหักเลี้ยวซ้ายเพื่อให้ทันไฟเขียว(ความเร็วในการเลี้ยวแถว 30 mph หรือ 48 km/h ก็โดนแล้วครับ ช่วงหลังมานี้พวกเราแทบจะตีโค้งแบบสิบล้อกันเลยทีเดียวเพื่อป้องกันการหักคะแนนจากหมวดนี้ ฮ่าๆ
  4. Unsafe Following – จอดชิดคันหน้าหรือขับเข้าใกล้คันหน้ามากเกินไป
    1. อันนี้งงมากๆ คือแบบว่า ถ้าคุณขับไปชิดคันหน้าเกินไปเวลาติดไฟแดงก็โดนหมวดนี้แล้ว ช่วงหลังมาผมแทบจะทิ้งที่ว่างให้รถมาจอดได้อีกคันเลย
  5. Forced Autopilot Disengagements – ไม่จับหรือสัมผัสพวงมาลัยระหว่างใช้งาน Autopilot
    1. จริงๆ แล้ว ระบบจะแจ้งเตือนทั้งหมด 3 ระดับก่อนคือ อย่างแรกจะเป็นแทบสีฟ้ากระพริบๆ จากนั้นถ้าเรายังฝืนไม่จับพวงมาลัยอีก ระบบจะส่ง message มาบอกว่า “จับพวงมาลัยเดี๋ยวนี้” ถ้าเรายังดื้อไปต่ออีก คราวนี้ตัวรถจะร้องเสียงดังมากๆ และหน้าจอจะกระพริบเป็นสีแดง ซึ่งถ้ามาถึง level สุดท้ายก็จะโดนหักคะแนนครับ

หลังจากที่ทุกท่านเห็นเงื่อนไขต่างๆ นี้แล้ว ก็พอจะมองออกแล้วใช่ไหมครับว่า FSD Betaดังนั้น ไม่มีทางที่จะปล่อยให้คนขับนิสัยเสียมาขับรถยนต์ไฟฟ้าได้อย่างแน่นอนครับ

FSD รายเดือนขึ้นราคา?

ใช่ครับ อีลอนยืนยันว่าถ้า FSD upgrade เป็น version ใหม่แล้วจะทำการขึ้นราคา FSDbeta รายเดือนซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ 6,600 บาท($200) ต่อเดือน เพิ่มขึ้นไปอีกแต่อีลอนยังไม่เปิดเผยว่าจะเพิ่มขึ้นเท่าไหร่นะครับ

BLINK DRIVE TAKE

มาถึงตรงนี้จะเห็นได้ว่า สิ่งที่เป็นหัวใจหลักของรถยนต์ไฟฟ้า Tesla ทุกคันไม่ใช่เรื่องมอเตอร์ไฟฟ้าหรือแบตเตอรี่ที่ออกแบบมาให้ซ่อมบำรุงนะครับ แต่เป็นการที่เค้าจะออกแบบ software มากินเงินลูกค้าภายหลังจากที่เราซื้อรถมาใช้นะครับ อนาคต ผมเชื่อว่า ทุกค่ายจะหันไปใช้ Business Model แบบนี้ในการเพิ่มมูลค่าสินค้า(รถยนต์)กันแหละครับ

ถ้าใครอยากศึกษาเรื่อง FSD แบบถึงพริกถึงขิงแล้วล่ะก็ ผมมีหลักสูตรจากคุณไช้และผมมาแจกตรงนี้ครับ เอาไปฟรีๆ เลยครับ (ให้ฟรีแบบไม่กั๊ก ไม่ต้องเสียเงินกันเลยครับ)

อ่อ ผมลืมบอกไปอีกอย่างนะครับ FSDBeta นั้นจะมาพร้อมโหมด autopark กับ Tesla Summon Mode ครับ ผมเอาวิดีโอ Summon Mode หรือโหมดที่จะเปลี่ยนรถยนต์ไฟฟ้าของคุณเป็นหุ่นยนต์เคลื่อนที่ไปมาเวลาคุณเหงาได้เลยนะครับ

Stay tune, stay with BLINK DRIVE

Exit mobile version