บริษัทผลิตรถยนต์สัญชาติอินเดียได้ทำการแซงหน้าไทยโดยการเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้า Tata Tigor EV ที่ราคาเริ่มต้น 5.31 แสนบาท(1.2 ล้านรูปี) ถือว่าเป็นการสร้าง impact (แรงกระเทือน)ให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์พวงมาลัยขวา(รวมถึงไทยด้วย) เนื่องจากประเทศอินเดียเป็นประเทศที่มีรถยนต์ใช้พวงมาลัยอยู่ตำแหน่งขวาเหมือนไทยนะครับ
ราคา
รถยนต์ไฟฟ้า Tata Tigor EV ราคาเริ่มต้นครึ่งล้านบาทหรือ 5.31 แสนบาท(1.2 ล้านรูปี)นั้นถือว่าได้ใจคนฐานะปานกลางในประเทศอินเดียไปเต็มๆ เลยครับ ส่วนนี่คือตารางราคา TATA Tigor EV ในอินเดียครับ
- Tata Tigor EV XE ราคา 1.19 ล้านรูปี(5.31 แสนบาท)
- Tata Tigor EV XM ราคา Rs 1.25 ล้านรูปี(5.5 แสนบาท)
- Tata Tigor EV XZ+ ราคา Rs 1.29 ล้านรูปี(5.7 แสนบาท
ความปลอดภัย 4 ดาว
รถยนต์ไฟฟ้า TATA Tigor EV นั้นมาพร้อมถุงลมนิรภัย 2 ใบซึ่งแบ่งคะแนนออกเป็น 2 ส่วนคือ
12 คะแนน(เต็ม 17 คะแนน)สำหรับคนนั่งเบาะหน้า
37.24 เต็ม (เต็ม 49 คะแนน)สำหรับเด็กที่นั่งเบาะหลัง
จาก Global NCAP Crash Safety
สเปครถ TATA Tigor EV
รุ่น XE ราคา 1.19 ล้านรูปี(5.31 แสนบาท)
- Dual Airbags – ถุงลมนิรภัยคู่หน้า
- LED Tail Lamps – ไฟท้าย LED
- Digital Instrument Cluster จอหน้าคนขับแบบดิจิตอล
- ABS with EBD & CSD
- Auto Climate Control – แอร์ Auto
- Tilt Adjust Steering Wheel – พวงมาลัยปรับตำแหน่งได้
- Front Power Windows – กระจกหน้าไฟฟ้า
รุ่น XM ราคา Rs 1.25 ล้านรูปี(5.5 แสนบาท)
- Dual Airbags – ถุงลมนิรภัยคู่หน้า
- LED Tail Lamps – ไฟท้าย LED
- Digital Instrument Cluster จอหน้าคนขับแบบดิจิตอล
- ABS with EBD & CSD
- Auto Climate Control – แอร์ Auto
- Tilt Adjust Steering Wheel – พวงมาลัยปรับตำแหน่งได้
- All Power Windows – กระจกไฟฟ้าหน้าและหลังรถ
- Full Wheel Cover – กระทะคลุมล้อ
- Interior Lamps with Dimmer – ไฟห้องโดยสารหรี่ได้(แบบรถยุโรป)
- Harman Infotainment System-Harman Sound System with 4 Speakers – เครื่องเสียงเป็น Harman มาพร้อมลำโพง 4 ตัว
- Speed Dependant Auto Locks – มี cruise control มาให้
- Day/Night IRVM – กระจกมองหลังปรับแสงได้
- Manual Central Lock – มี central lock ประตูรถมาให้
รุ่น XZ+ ราคา Rs 1.29 ล้านรูปี(5.7 แสนบาท
- Dual Airbags – ถุงลมนิรภัยคู่หน้า
- LED Tail Lamps – ไฟท้าย LED
- Projector Headlamps with LED DRLs – ไฟหน้า LED DRLs
- Digital Instrument Cluster – จอหน้าคนขับแบบดิจิตอล
- ABS with EBD & CSD
- Auto Climate Control – แอร์ Auto
- Tilt Adjust Steering Wheel – พวงมาลัยปรับตำแหน่งได้
- All Power Windows – กระจกไฟฟ้าหน้าและหลังรถ
- Hyperstyle Wheels – ล้อ Hyperstyle
- Interior Lamps with Dimmer – ไฟห้องโดยสารหรี่ได้(แบบรถยุโรป)
- Harman Infotainment System-Harman Sound System with 4 Speakers + 4 Tweeters – เครื่องเสียงเป็น Harman มาพร้อมลำโพง 8 ตัว
- Speed Dependant Auto Locks – มี cruise control มาให้
- Day/Night IRVM – กระจกมองหลังปรับแสงได้
- Manual Central Lock – มี central lock ประตูรถมาให้
- Knitted Roof Liner – บุบหลังคาแบบ Knitted
- Rear Parking Camera – กล้องถอยหลังเวลาจอด
- Rear Defogger – ที่ไล่ฝ้าด้านหลัง
- Push Button Start – มาพร้อมปุ่มเปิด start
- Folding Rear Centre Armrest – มีที่วางแขนด้านหลังมาให้
- Cooled Glovebox – ช่องใส่ของข้างคนขับ
- Electric Boot Release – (น่าจะหมายถึงปุ่มเพิ่มความแรงรถ)
- Auto Fold ORVM – กระจกพับได้
- Driver Seat Height Adjust – ปรับความสูงเบาะด้านหน้า(ฝั่งคนขับ)
Range : 306 km
รถยนต์ไฟฟ้า Tata Tigor EV นั้นมาพร้อมกับ Range (ระยะทางที่วิ่งได้ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง)ที่ 306 km โดยรถคันนี้ใช้แบตขนาด 26 kWh ส่วนกำลังขับนั้นมาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า PM (Permanent Magnet Synchronous) 300 โวล์ท
ประกัน 8 ปีหรือ 160,000 km
มาตราฐานรถยนต์ไฟฟ้าในปัจจุบันนั้นจะอยู๋แถวๆ นี้แหละครับ คือ ประกัน 8 ปีหรือ 160,000 km ครับ
BLINK DRIVE TAKE
อินเดียประโคมข่าวนี้ดังมากๆ เพราะว่านี่เป็นความสำเร็จอีกก้าวของอุตสาหกรรมยานยนต์ของอินเดียที่สามารถผลิตรถยนต์ไฟฟ้าได้เป็นของตนเองนะครับ นี่ไม่ใช่รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรกที่ผลิตในอินเดียก็จริง แต่ถือว่าอินเดียไปไกลกว่าไทยมากกกกกกกกกกกกกกกกกกแล้วครับ เพราะเค้าสามารถสร้างรถยนต์ไฟฟ้าราคา 5.31 แสนบาทและสามารถนั่งได้ 5 คน
รถคันนี้รูปทรงพอๆ กัน Honda Brio ที่ไทยแหละครับ แต่ราคานั้นทำให้คนอินเดียเข้าถึงได้ง่ายแบบนี้
ผมมองว่าปีหน้ายอดขายรถยนต์ไฟฟ้าในอินเดียคงมากกว่าไทยประมาณ 10-20 เท่าแล้วล่ะครับ จริงๆ ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าอินเดียปีนี้ก็มากกว่าไทยไปประมาณ 5 เท่าได้แล้วครับ
โดยยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าปี 2021 ในครึ่งปีที่ผ่านมานั้น อินเดียขายรถยนต์ไฟฟ้าออกไปแล้วมากกว่า 5,900 คันหรือมากกว่ายอดขายรถยนต์ไฟฟ้าไทย 2563 อยู่ประมาณ 5 เท่าครับ
ถ้าไทยยังหยิ่งผยองพร้อมกับมองว่าตัวเองเป็นฐานผลิตรถยนต์น้ำมันที่เก่งที่สุดในโลกแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ ผมมองว่าอนาคตอันใกล้นี้ ไทยได้เจอป่าล้อมเมืองของจริงแน่นอน ตอนนี้เราเจออินเดียผลิตรถยนต์พวงมาลัยขวา, ออสเตรเลียนำเข้าเทสล่าปีนี้ไป 7,500 คันแล้ว, นี่ยังไม่รวมฮ่องกง, ไต้หวัน, สิงคโปร์ที่หันไปซื้อรถยนต์ไฟฟ้ามาใช้แทนรถยนต์น้ำมันอีกนะครับ
คำถามคือ เราจะผลิตรถยนต์น้ำมันพวงมาลัยขวาไปขายใครครับ? ถ้าโลกมันเปลี่ยนแบบนี้แล้ว เราไม่มีทางเลือกนอกจากเดินตามกระแสโลกเถอะครับ
อย่าฝืนเลยลุง , ผมเป็นห่วงอนาคตอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย(ที่ใช้ข้ออ้างในห้ามนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้ามาในไทยเพราะกลัวกระทบแรงงานในประเทศ แถมยังเอาเหตุผล demand รถ ev ต่ำมาใช้ผัดผ่อนการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าอีกนะครับ)
ตอนนี้ถ้าลุงไม่ไปดันให้เค้าผลิตรถยนต์ไฟฟ้าโดยการออกกฏหมายจริงจังลงดาบกับพวกที่เตะถ่วงเทคโนโลยีในไทย(พยายามไม่ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าเสียที) ผมมองว่า ภายใน 2-3 ปีนี้ GDP เราคงต้องไปผูกเอาไว้กับการส่งออกแป้งมันหรือเกษตรกรรมอื่นๆ แล้วครับ
ผมว่าเราควรออกนโยบายผลักดันให้ผู้ผลิตหันไปผลิตรถยนต์ไฟฟ้าแข่งกับประเทศอื่นๆ ได้แล้วครับ ผมหมายถึงนโยบายผลักดัน ไม่ใช่ผลักดึงเหมือนที่ผ่านๆ มานะครับ