หลังจากที่ผมได้ทำการ live กับคุณไช้ไปเมื่อวานซึ่งกินเวลาไปมากกว่า 3 ชั่วโมงนะครับ ก็ได้ข้อสรุปว่า ผมจะไล่ทำโพสให้ทุกท่านได้อ่านกันครับ แต่ปัญหาคือว่า ข้อมูลใน presentation ประมาณ 2 ชั่วโมงกว่านั้นมันอัดแน่นและเต็มไปด้วยข้อมูลต่างๆ เยอะมากๆ ถ้าจะให้ผมแปลจริงๆ ล่ะก็คงต้องใช้เวลามากกว่า 1 อาทิตย์ที่จะทำการศึกษาและแปลข้อมูลต่างๆ ออกมาจนหมดและเชื่อว่าจะต้องเขียนโพสมากกว่า 10 โพสเพื่อเล่าเรื่องราวในวัน AI Day นะครับ
ดังนั้นผมคิดว่า โพสแรกที่จะเขียนนั้นคือโพสนี้ครับ เป็นโพสเกี่ยวกับจุดประสงค์ของงาน AI Day นั่นก็คือการหาคนมีฝีมือทางการเขียนโปรแกรม AI(Artificial Intelligent) ไปทำงานกับเทสล่าครับ นี่เป็นครั้งแรกของเทสล่าที่ออกมา live เพื่อหาคนไปทำงานด้วยนะครับเพราะงานเค้าเยอะจริงๆ (เงินก็เช่นกัน) เค้ามีเงินจ้างคนเป็นหมื่นเป็นแสนคน แต่ปรากฏว่าตลาดงานในปัจจุบันนั้นไม่มีคนที่มีความรู้เรื่องพวก deep learning หรือ AI กันเลยนะครับ ทำให้ Tesla ต้องออกมาประกาศจ้างงานตรงๆ แบบนี้ เพราะว่าเค้าหาคนมาทำงานไม่พอเสียทีนะครับ อารมณ์ประมาณว่าสาขานี้ hot มากๆ แต่กลับกลายเป็นว่าคนเรียนน้อยซะงั้น เนื่องจากเป็นสาขาที่ใหม่มากๆ ข้อมูลต่างๆ ก็น้อยเช่นกัน
ทำให้เทสล่าต้องออกมาเปิดเผยข้อมูลที่บริษัททำอยู่และเรียกได้ว่าสอนเลยก็ว่าได้ เค้ากำลังบอก intro งานของเทสล่าว่ากำลังเขียน code ไปทางไหนและทำอะไรอยู่ เพื่อให้อาจารย์ตามมหาลัยสร้างหลักสูตรให้เข้ากับตลาดงานของเทสล่าและสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตหน่อยนะครับ
เอาล่ะครับ ถ้าพร้อมแล้วก็ไปดูประเภทงานที่เทสล่าประกาศในงาน AI Day กันเลยดีกว่าครับ
Hardware(ฮาร์ดแวร์)
แผนกนี้ต้องการคนมาช่วยสร้างซิลิกอนชิป (silicon chips) ที่เอามารันซอฟแวร์ FSD (Full Self-Driving) ซึ่งเค้าต้องการคนที่รู้เรื่องการสร้างสถาปัตยกรรมของชิปเหล่านี้แบบเริ่มทุกอย่างจากศูนย์กันเลย รวมไปถึงการสร้างสถาปัตยกรรมของชิปให้สามารถใช้ไฟอย่างคุ้มค่าจนวัตต์สุดท้ายกันเลยทีเดียว หน้าที่การทำงานของคนในตำแหน่งนี้คือ Perform floor-planning(สร้างฐานใส่ชิป), timing(เวลา)และ power analyses (การออกแบบการใช้งานในส่วนต่างๆ ของชิป
ไม่เพียงเท่านั้น พวกเค้าต้องสามารถทำการทดสอบทุกรูปแบบ(randomized tests), เขียนโค้ดให้ chip ใช้งานกับ software, และ scoreboards (ให้คะแนน) การตรวจสอบฟังชั่นและประสิทธิภาพต่างๆของชิป รวมไปถึงการ implement compliers และ drivers ให้สามารถสื่อสารกับระหว่างโปรแกรมและชิฟได้ ทั้งนี้ทั้งนั้น บริษัทเทสล่าต้องการคนที่มีความสามารถในการสร้างชิฟให้มีประสิทธิภาพสูงและประหยัดพลังงาน ท้ายที่สุดนี้ พวกเค้าจะต้องสามารถตรวจสอบหาความผิดพลาดทุกอย่างในชิฟก่อนส่งไปผลิตแบบ mass production
Neural Networks(โครงข่ายประสาทเทียม)
Tesla ทำการสร้างวิจัยที่ล้ำสมัยที่สุดในโลกซึ่งนั่นก็คือ การ train(ฝึก) deep neural network( โครงข่ายประสาทแบบลึก) ในโจทย์ต่างๆ จากการสถานการณ์จริงบนท้องถนน ซึ่ง Tesla จะมีไฟล์ภาพและวิดีโอเป็นล้านๆ ไฟล์จากกล้อง 8 ตัวรอบคันของรถ Tesla มาให้ AI(ปัญญาประดิษฐ์)ได้ฝึกเรียนรู้จากกสถานการณ์ต่างๆ เช่น perform semantic segmentation(จำแนกว่า Pixel หลายล้าน Pixel แต่ละจุด คืออะไร), object detection(การตรวจพบและระบุวัตถุต่างๆ ที่เจอ) และ monocular depth estimation(การเปลี่ยนภาพ 2 มิติเป็นภาพ 3 มิติเพื่อค้นหาความลึก(ใกล้-ไกล)ของวัตถุเหล่านั้น)
Tesla มี birds-eye-view networks จากรถยนต์ไฟฟ้า Tesla ในการเอาภาพและวิดีโอต่างๆ เช่น แผนผังถนน, โครงสร้างพื้นฐานแบบคงที่(static infrastructure : กรวยถนน, บ้านคน, ที่จอดรถ, เสาไฟ), และรวมไปถึงการแปลงภาพ 3D (3 มิติ)ต่างๆ บนท้องถนนโดยใช้กล้องรอบคันในการสร้างภาพ 3 มิติเหล่านั้น(เดี๋ยวผมจะอธิบายในโพสต่อๆ ไป)
ตัว Server ของ Tesla นั้นเรียนรู้ทุกอย่างจากศูนย์ซึ่งการเรียนรู้เหล่านั้นจะมาจากกล้องรอบคันของรถยนต์ไฟฟ้า Tesla มากกว่า 1 ล้านคันบนท้องถนนแบบ real time ซึ่งระบบ Autopilot neural network นี้จะใช้ 48 networks ซึ่งมีการ์ดจอระดับ high-end มากกว่า 70,000 ใบในการ train (ฝึก) ซึ่งทุกๆ scenario(สถานการณ์)นั้นระบบจะสร้างความเป็นไปได้(predictions)ในการขับรถมากกว่า 1,000 distinct tensors(1,000 ความเป็นไปได้ที่จะไปต่อได้)ในทุุกๆ การตัดสินใจ เช่นการเข้าโค้ง, การกลับรถ, หรือการถอยรถออกจากที่จอดรถ
ถ้าใครมีความรู้เรื่อง machine learning, deep learning หรือ พวก training AI ก็สมัครกันเข้าไปนะครับ
Autonomy Algorithms(อัลกอริทึมอิสระ(คิดเองได้) )
เทสล่าต้องการคนมาพัฒนาแก่นแท้ของอัลกอริทึมที่ใช้ในการขับรถโดยสร้างตัวแทนที่ซื่อสัตย์กับมนุษย์ที่สุดในโลกเพื่อให้มัน(AI)วางแผนทุกครั้งที่ต้องทำการตัดสินใจระหว่างอยู่บนถนน
วิธีการ train (ฝึก) Neural networks (โครงข่ายประสาทเทียม) ต่างๆ เช่น ตัวแทน(คนขับรถ), การสร้าง algorithm ข้อมูลที่แม่นยำและ large-scale(ขนาดใหญ่) จากสิ่งที่เห็นบนท้องถนนโดยการรวบรวมข้อมูลเหล่านั้นจาก sensors(ตัวตรวจจับ)รอบตัวผ่าน space and time(พื้นที่และเวลา)บริเวณนั้น
ผู้สมัครจำเป็นต้องสร้างเทคนิคล้ำสมัยเหล่านี้ในการสร้างแผนการณ์การตัดสินใจที่แม่นยำและถูกต้อง 100% จากสถานการณ์คับคันที่มาจากการขับจริงให้ได้ ซึ่ง Tesla จะทำการประเมินความสามารถของ algorithms คุณโดยการนำมันไปใส่ลงในรถ Tesla และให้รถลองทดสอบดู(อันนี้ต้องแก้ไขสถานการณ์ต่างๆ ได้จริงๆ ซึ่งเดี๋ยวผมจะทำโพสอธิบายเรื่องนี้ให้อ่านนะครับ)
แผนกนี้เหมือนกับว่าจะเป็นการ train และ test เป็นหลักคือ คนที่เอา algorithm ในการมารันเพื่อทดสอบว่ารถจะสามารถหลบหลีกสิ่งกีดขวางหรือทำการเบรคเวลาเจอคนหรือรถวิ่งตัดหน้าได้ไหมนะครับ
Code Foundations(เขียนโค๊ด)
ในประเภทงานนี้ ผู้เขียนโค๊ดจำเป็นต้องเน้นเรื่อง throughput, latency, correctness และ determinism โดย Tesla จะใช้ทีมงานสร้าง Autopilot software จากศูนย์(ตั้งแต่ stack ชั้นล่างสุด, รวมไปถึงการเขียนโค๊ดให้อุปกรณ์สื่อสารไปมาหากัน)
และผู้เขียนโค๊ดจะต้องทำการ implement bootloader โดยมีเงื่อนไขว่าจะต้องทำผ่าน OTA (Over-the-air) update ให้ได้เทา่นั้น ซึ่งการพัฒนาโค๊ดทั้งหมดจะต้องทำบน Linux kernels เท่านั้น
เงื่อนไขในการเขียนโค๊ดง่ายๆ คือ เขียนให้ทำงานได้เร็ว, ใช้ memory-efficient low level code เพื่อจับสัญญาณ(high-frequency) และปริมาณการรับ-ส่งข้อมูลระหว่าง sensors(ตัวตรวจจับรอบรถ)จากนั้นการแชร์ข้อมูลกับ processes ตัวอื่น ทั้งนี้ทั้งนั้นการทำงานที่ว่ามาดังกล่าวนี้จะต้องไม่กิน CPU หรือพูดอีกความหมายนึงคือเขียนโค๊ดให้อุปกรณ์ต่างๆ ทำงานคุยกันแล้วไม่ทำให้ CPU หน่วงนั่นเอง
Evaluation Infrastructure(ประเมินระบบทั้งหมด)
ในประเภทงานนี้ ผู้สมัครจะต้องสร้าง open- หรือ closed-loop, hardware-in-the-loop evaluation tools และ infrastructure at scale, เพื่อเร่งการสร้าง innovation(นวัตกรรม)ใหม่ๆ และสามารถติดตามประสิทธิภาพของชิ้นงานที่พัฒนาไปแล้วพร้อมกับป้องกันการ regression(ภาวะถดถอย)
การนำคลิปวิดีโอจากกลุ่มรถยนต์ไฟฟ้า(ไม่เปิดเผยตัวตนของเจ้าของ)ออกมารวมกันและสร้าง test case ขึ้นมาศึกษา พร้อมกับเขียนโค๊ดสร้างโลกเสมือนจากภาพวิดีโอ(เดี๋ยวผมจะเขียนกระทู้เรื่องการสร้างโลกเสมือนให้อ่าน 1 กระทู้เต็มๆ ครับ) โดยตัวโลกเสมือน(ภาพความละเอียดแบบ HD)นี้จะเป็น test case ให้กับระบบ FSD ได้มา train และ test หา bug ไปก่อนจะใช้งานจริงครับ
หมายเหตุ : อีลอนพูดเปรยๆ ว่าจะลองส่งเด็ก, คน, หรือ UFO วิ่งผ่านถนนในโลกเสมือนนี้ดู แล้วให้ FSD ของรถพิจารณาตัดสินใจว่าจะทำยังไงเวลาเจอเหตุการณ์ไม่คาดฝันแบบนี้ครับ
Tesla Bot(เขียนโปรแกรมให้หุ่นยนต์)
สร้างหุ่นยนต์ที่สามารถทำตามคำสั่งง่ายๆ ต่างๆ เช่น งานที่เสี่ยงภัย(เก็บระเบิด, ทำงานบนดาวอังคาร), งานที่น่าเบื่อ(ซื้อของเข้าบ้าน), งานที่ซ้ำๆ ซากๆ(ตัดหญ้าหน้าบ้าน, ผัดกับข้าว, จูงหมาเดิน) โดยทางทีมงานชุดนี้ต้องการคนจากสาขาต่างๆ ดังนี้
- mechanical (ช่างกล)
- electrical (ช่างไฟ)
- controls (ดูแลระบบควบคุมแผงวงจร)
- software engineers (ดูแลบริหารจัดการ software)
ปล. นี่เป็นสาขาที่ Admin อยากทำงานที่สุดเลยครับ เพราะตอนเด็กๆ ผมฝันว่าจะเป็นวิศวกรสร้างหุ่นยนต์ Rockman
กดส่งใบสมัครได้ที่ : tesla.com/ai
BLINK DRIVE TAKE
ยุคสมัยมันเปลี่ยนไปแล้วครับ แต่ก่อนก็เป็นยุคเกษตรกรรม ถัดมาก็เป็นยุคอุตสาหกรรม แต่ตอนนี้เป็นยุคของ AI ไปแล้วครับ ในขณะที่คนในฝั่งอุตสาหกรรมรถยนต์(น้ำมัน)กำลังตกงาน แต่ปรากฏว่าบริษัทฝั่งรถยนต์ไฟฟ้าออกมาหาคนไปทำงานแบบง้อแล้วง้ออีก ตอนนี้ถึงขั้นมาออก live และที่สำคัญ CEO ของบริษัทลงมาประกาศรับสมัครงานด้วยตัวเองเลยครับ
คิดดูว่า demand ฝั่ง data science หรือพวก AI นั้นเยอะขึ้นมากเพียงใด
เดี๋ยวครับ เดี๋ยว
นี่ยังไม่ใช่โพสจบของ AI Day ครับ
นี่มันเพิ่งเริ่มต้นต่างหากครับ
เดี๋ยวผมจะทยอยแปลและถอดรหัสข้อมูลใน AI Day และนำมาเขียนเป็นโพสเพื่อให้พี่น้องชาวไทยได้วางแผนเตรียมรับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของโลกและเป็นผู้อยู่เหนือเทรน AI ที่กำลังมาในครั้งนี้นะครับ
ความในใจผู้เขียน
จุดประสงค์การสร้างเพจ Blink Drive นั้นยังยืนยันเหมือนเดิมครับ
ผมอยากสร้างเพจแปลข้อมูลข่าวสารจากทั่วทุกมุมโลกเป็นภาษาไทยเพื่อให้เด็กรุ่นใหม่ๆ ที่กำลังวิ่งตามความฝันของตนเองได้ร่ำเรียนศึกษาค้นคว้าถูกทางหรือจะเรียกพวกเราว่าเป็น ทัพหน้าที่ไปถางหญ้าให้พวกเด็กๆ น้องๆ ได้มาศึกษาก็ได้ครับ
ผมมันแก่แล้ว อายุก็ขึ้นเลขสามไปแล้วครับ เราไปต่อมากกว่านี้ไม่ได้จริงๆครับ (ผมไปแข่งสมัครงานกับพวกเด็กฝรั่งไม่ทันแล้วครับ) ดังนั้น ผมจึงอยากจะฝากความหวังให้กับเยาวชนไทยที่กำลังเรียนหนังสือและวางแผนจะไปเรียนต่อต่างประเทศ ผมอยากสร้างสะพานระหว่างเด็กเหล่านี้และความต้องการงานที่กำลังจะมาภายใน 2-5 ปีหลังจากนี้ครับ
ความรู้ที่เราได้รับมา ถ้ามันเป็นประโยชน์กับสังคมไทยจริงๆ ผมไม่กั๊กหรือเก็บเอาไว้กับตัวคนเดียวแน่นอนครับ
ความสุขของผมคือ การได้เห็นคนไทยไปยืนบนเวทีโลก
(ไม่จำเป็นต้องเป็นเรื่องเทคโนโลยีหรอกครับเพียงแต่ผมถนัดแปลข่าวด้านนี้เท่านั้นเอง)
ถ้าโพสนี้ของผมไปจุดประกายน้องๆ ที่กำลังเรียนหนังสืออยู่ให้มีความฝันและกล้าเดินตามความฝันเพียง 1 คน ผมก็ถือว่า มัน pay off แรงกายและเวลาที่ผมทุ่มทำเพจมาหมดแล้วครับ(แชร์ไปให้ลูกหลานของท่านดูเถอะครับ)
ขอบคุณที่ติดตามเพจผมมาได้ไกลขนาดนี้ครับ
(นี่ไม่ใช่ประโยคบอกลาครัช กระผมยังไม่ไปไหนเฟ้ย จะอยู่ทำเพจอย่างนี้จนกว่าจะเห็นเด็กไทยยืนบนเวทีโลก)