Mitsubishi และ Dacia ผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติโรมาเนีย ร่วมกันผลิตรถยนต์ไฟฟ้าราคาประหยัดเพื่อแข่งขันกับรถยนต์ไฟฟ้าจากจีน และอาจผลิตส่งขายทั่วโลก
การร่วมมือกันครั้งนี้ เป็นส่วนหนึ่งของแผนการที่จะวางตำแหน่งของแบรนด์ให้เป็นตลาดเฉพาะ (Niche) สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า
โดยรถยนต์ที่ประกาศในแผนนี้จะมีราคาขายในประเทศญี่ปุ่นต่ำกว่า 2 ล้านเยน หรือ 579,000 บาท
Nikkei Asia รายงานว่า รถยนต์ไฟฟ้าราคาประหยัดของ Mitsubishi จะออกสู่ตลาดในปี 2023 (พ.ศ.2566) โดยมีพื้นฐานของรถตู้ไฟฟ้าขนาดเล็กชื่อ miEV แต่จะใช้แบตเตอรี่แบบใหม่ ที่มีราคาถูกลง เพื่อกดราคาของรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นนี้ให้ถูกที่สุดในตลาดญี่ปุ่น
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะทำราคาให้ต่ำลงแล้วก็ยังมีราคาแพงกว่ารถยนต์ที่ใช้น้ำมันราคาประหยัดของ Mitsubishi อยู่ แต่ก็ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดีในการพัฒนาของผู้ผลิตรถยนต์
หมายเหตุ : รถยนต์น้ำมันที่ถูกที่สุดของ Mitsubishi มีราคาอยู่ที่ 480,907 บาท
สเปคเบื้องต้นของ miEV
- เป็นรถตู้ขนาดเล็ก
- ความยาวรถ 3395 มม.
- ความกว้างรถ 1475 มม.
- ระยะฐานล้อ 2390 มม.
- น้ำหนักตัวรถรวมแบตเตอรี่ 1090 กก. และ 1110 กก.
- ขับเคลื่อนล้อหลัง
- ขนาดความจุแบตเตอรี่ 10.5 kWh และ 16.0 kWh
- แบตเตอรี่แบบ Lithium-ION
- ระยะวิ่งตามมาตรฐาน JC08 อยู่ที่ 100km และ 150 km
- ถูกนำมาจัดแสดงครั้งแรกในงาน Tokyo Motor Show 2011
ที่มา : mitsubishi
Dacia ภายใต้ร่ม Renault
Renault หนึ่งในพันธมิตรของ Mitsubishi เพิ่งเปิดตัวรถยนต์ Dacia Spring จากค่าย Dacia ซึ่งเป็นผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติโรมาเนีย ในราคา 20,300 ดอลล่าร์ (650,818 บาท) โดยรถยนต์รุ่นนี้ถูกเรียกว่าเป็น รถยนต์ไฟฟ้าที่สามารถเป็นเจ้าของได้ง่ายที่สุดในยุโรป และจะเน้นราคาให้ต่ำ ทำให้สมรรถนะของรถจะต่ำลงตามราคาขาย
Dacia Spring มีระยะทางวิ่งต่อชาร์จอยู่ที่ 230 Km ขณะที่รถของ Mitsubishi จะมีระยะทางวิ่งแค่เพียง 150 Km ถึงระยะทางวิ่งจะดูน้อย แต่ระยะหลังนี้ รถยนต์ที่มีระยะวิ่งได้ราวๆนี้กลับขายดีมาก
รถยนต์ไฟฟ้ามีแนวโน้มถูกลงเรื่อยๆ
แม้ว่าราคาของรถไฟฟ้านี้จะยังไม่สามารถทำให้ต่ำลงได้เท่าๆกับรถที่ใช้เชื้อเพลิงน้ำมัน แต่ด้วยมาตรการจูงใจด้านภาษี และค่าใช้จ่ายในการใช้รถไฟฟ้าที่ต่ำมาก จะส่งผลให้ท้ายที่สุดแล้ว การใช้รถไฟฟ้าจะมีราคาถูกกว่าการใช้รถยนต์เชื้อเพลิงน้ำมัน
สัญญาณรถยนต์ไฟฟ้าราคาถูก มาจากต้นทุนของส่วนประกอบต่างๆเริ่มลดลง เช่นแบตเตอรี่และมีการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าราคาย่อมเยาว์อย่างแพร่หลายในประเทศจีน ในขณะที่ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในซีกโลกตะวันตก และ ญี่ปุ่น กลับมุ่งเน้นไปที่ EV ระดับพรีเมี่ยม ที่มีราคาสูง เช่น Tesla Model S , Jaguar i-Pace , Mercedes EQS แต่รถที่ได้รับความนิยมมากที่สุดกลับเป็น HongGuang Mini (บ้านเรามีตัวแทนนำเข้ามาขายในชื่อ Wuling Mini EV)
Dacia Spring อาจจะเข้ามาขายในอเมริกาที่ราคา 3.2 แสนบาท
แนวโน้มของรถยนต์ไฟฟ้าราคาประหยัดแบบนี้จะไปสู่ทวีปอเมริกาเหนือหรือไม่ ยังคงต้องจับตามองต่อไป
ส่วนนี้เป็นการคาดการณ์ด้านราคาของ Dacia Spring ในสหรัฐอเมริกาในกรณีที่มีการขาย โดยหักส่วนลดจากทางภาครัฐ
ราคาเต็มของตัวรถอยู่ที่ 20,300 ดอลล่าร์ (650,818 บาท)
หักเครดิตภาษีของรัฐบาลกลาง 7,500 ดอลล่าร์ (240,525 บาท)
ทำให้ตัวรถจะมีราคาเหลือเพียง 13,200 ดอลล่าร์ (423,324 บาท)
หากมีการเพิ่มส่วนลดเป็น 12,500 ดอลล่าร์ (400,875 บาท) จะทำให้ Dacia Spring มีราคาต่ำว่า 10,000 ดอลล่าร์ทันที (320,700 บาท)
ที่มา : Carscoop
BLINK DRIVE TAKE by veexeezee
เบื้องต้นนี้ การเกิดขึ้นของรถยนต์ไฟฟ้าราคาประหยัดอาจจะยากในอเมริกา เนื่องจากคนอเมริกันไม่นิยมรถขนาดเล็ก แต่ถ้าในประเทศไทยก็ไม่แน่สำหรับรถไฟฟ้าราคาประหยัดแบบนี้ เพราะปัจจัยสำคัญของรถไฟฟ้าสำหรับคนไทยคือ ดีไซน์ และ ราคา มาเป็นอันดับต้นๆ ซึ่งจะเกิดได้ ต้องมาจากภาครัฐเป็นผู้ผลักดัน ต่อมาเอกชนจะเป็นผู้รับช่วงพาไปต่อได้ ส่วนปัจจัยรองลงมาคือ สมรรถนะ (เช่น ระยะทางวิ่ง ความเร็ว อัตราเร่ง ) และขนาดของรถ