บริษัท PepsiCo ได้ทำการสั่งจองรถพ่วงบรรทุกไฟฟ้า Tesla Semi Truck ไปเมื่อปลายปี 2563 และมาวันนี้ CEO ของบริษัท PepsiCo ได้ออกมาพูดยืนยันว่า order ที่พวกเค้าได้สั่งไปนั้นจะเริ่มส่งมอบปลายปีนี้ นี่ก็แปลว่า Tesla เตรียมส่งมอบรถพ่วงบรรทุกไฟฟ้า Tesla Semi Truck ให้กับบริษัทเอกชนต่างๆ ภายในปลายปีนี้นะครับ
“To date, the equipment and infrastructure in place at the site includes nearly 60 tractors, box trucks, yard trucks or forklifts powered by electric, lithium-ion technologies or natural gas with renewable attributes, with the remaining 15 electric tractors expected to deploy later this year. Infrastructure to support the project incorporates an adjacent natural gas station with renewable attributes, as well as solar carports, battery storage, truck charging systems and employee electric vehicle charging stations.”
ณ ปัจจุบัน เครื่องมือและสิ่งของต่างๆ ในบริษัทเรา เช่น รถแทรคเตอร์ 60 คัน, รถฟอร์คลิฟท์, รถยกของ, รถ yard truck(รถสำหรับบรรทุกของระยะใกล้), และรถต่างๆ ในเครือบริษัท PepsiCo นั้นได้เปลี่ยนเป็น EV หรือรถติดแก๊สธรรมชาติกันเกือบหมดแล้ว ถ้าพวกเราได้ Tesla Semi Truck อีก 15 คันนี้มาร่วมกองทัพปลายปีนี้แล้ว องค์กรของเราจะเป็นองค์กรที่ช่วยเหลือสิ่งแวดล้อมและสังคมขึ้นมาก ณ ปัจจุบันนั้นบริษัทเราพยายามมุ่งสู่พลังงานทางเลือกมากขึ้นในทุกๆ ปีโดยเราได้ทำการติดตั้ง solar cell ในลานจอดรถ, ที่กักเก็บพลังงานไฟฟ้าด้วยแบตเตอรี่, สถานีชาร์จรถกระบะไฟฟ้า, และสร้างสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าให้กับพนักงานในเครือของเราทั้งหมด พร้อมกับรณรงค์ให้คนเปลี่ยนไปใช้รถจากแก๊สธรรมชาติมากยิ่งขึ้น
CEO PepsiCo
ที่มา : electrek
เครือ PepsiCo ในอเมริกานั้นใหญ่มากๆครับ ณ ปัจจุบันนั้น PepsiCo ไม่ได้ขายแค่น้ำเป๊บซี่ครับ แต่ขายน้ำอัดลม, ขนมอบกรอบ(เลย์, ชีโตส, โดรีโทส), และของอื่นๆ อีกมากมาย อย่างปีที่แล้วบริษัท PepsiCo นั้นมีรายได้เข้ามาประมาณ $1.6 หมื่นล้านเหรียญหรือ 4.8 แสนล้านบาท – ที่มา : medium
ถ้าเทียบกันง่ายๆ นะครับ รายได้ของ CPF ทั้งปี 2562 นั้นอยู่ที่ 5.41 แสนล้านบาทหรือเรียกได้ว่ายอดขาย PepsiCo ปีนึงนั้นเกือบเท่าบริษัท CPF ของทุกประเทศรวมกันนะครับ(CPF มีเครือในประเทศต่างๆ ประมาณ 10-20 ประเทศทั่วโลกครับ)
ที่มา : ซีพีเอฟรายงานยอดขายปี 61 จำนวน 541,937 ล้านบาท
ดังนั้นการที่ยักษ์ใหญ่ของอเมริกาหันมาใช้รถพ่วงบรรทุกไฟฟ้ากันแบบนี้ก็เรียกได้ว่า “เอาจริง” นะครับ
คราวนี้ผมจะเอาค่าใช้จ่ายเปรียบเทียบระหว่างการใช้รถพ่วงบรรทุกดีเซลมาเปรียบเทียบกับรถพ่วงบรรทุกไฟฟ้า Tesla Semi Truck มาให้ดูกันนะครับ
ค่าใช้จ่ายในการขนส่งที่ 5 บาทต่อ km ($0.2 ต่อ mile)
คราวนี้ผมขอเอารถพ่วง Tesla Semi Truck มาทำ cost factor เพื่อให้ต้นทุนค่าใช้จ่ายในการบรรทุกของหน่อยนะครับ
เริ่มต้นที่รถพ่วง Tesla Semi Truck สามารถบรรทุกของได้หนักถึง 80,000 ปอนด์หรือ 36,363 กิโลกรัม (36 ตัน)นี่เอง โดยตอนที่รถ Tesla Semi Truck นั้นได้บรรทุกของเต็มพิกัดแล้ว จะกินไฟน้อยกว่า 2 kWh ต่อ ไมล์ แต่ผมจะทำให้เลขมันกลมๆ เลยตั้งเอาไว้ที่ 2 kWh ต่อ ไมล์ล่ะกัน หรือเรียกว่าวิ่งไป 1.6 km จะกินไฟ 2 หน่วย
คราวนี้ไฟ 1 หน่วยที่ไทยราคา 4 บาทเนอะ ถ้าต้องการรู้ว่า 1 km กินไฟเท่าไหร่ต้องเขียนแบบนี้
1.6 km = 2 kWh
1 km = 2/1.6 = 1.25 kWh
วิ่ง 1 km กินไฟ 1.25 หน่วย
หรือเทียบเท่า 1.25 หน่วย x 4 บาท = 5 บาท/km
คิดเล่นๆ นะครับ รถคันนี้วิ่งได้ 480 km เรียกได้ว่า ชาร์จไฟเข้าไปประมาณ 1.25 x 480 = 600 kWh ซึ่งจะเทียบเท่ากับค่าไฟประมาณ 600 x 4 = 2,400 บาท (เห้ย ถูกกว่า ค่าขนส่งของรถกระบะซะอีก) วิ่งรถ 480 km พร้อมของหนัก 36 ตัน เสียค่าเชื้อเพลิง(ค่าไฟ)ไป 2,400 บาท แบบนี้ DHL หรือ Walmart ก็ต้องคิดคำนวณดีๆ แหละครับ ว่า เส้นทางไหนวิ่งไม่เกิน 480 km ต่อครั้งก็เอารถคันนี้ไปวิ่งแทน
รถพ่วงบรรทุกดีเซลอเมริกาเค้าใช้จ่ายเชื้อเพลิงที่อัตราเท่าไหนกันเนอะ
รถพ่วงบรรทุกที่ท่านเห็นอยู่ด้านบนนี้คือรถพ่วงบรรทุกขนาดเดียวกันกับรถพ่วงบรรทุก Tesla Semi Truck แต่นี่คือ รถพ่วงบรรทุกดีเซลที่มีเครื่องยนต์ยักษ์ขนาด 14.8 ลิตร มี 6 สูบ, 560 แรงม้า, แรงบิดที่ 1,850 lb-ft ซึ่งกินน้ำมันดีเซลอยู่ที่ 5.6 ไมล์ต่อแกลลอน
ที่มา : popular mechanic
เอาล่ะเราได้โจทย์มาแล้วว่า รถพ่วงบรรทุกในอเมริกาส่วนใหญ่กินน้ำมันอยู่ที่ 5.6 ไมล์ต่อแกลลอน(US) ดังนั้นผมจะทำการ convert(แปลงค่า) เดี๋ยวบัดนี้แหละ
ค่าน้ำมันรถพ่วงบรรทุก : 10 บาทต่อ km
ตอนนี้พวกเรารู้แล้วว่า รถพ่วงบรรทุกดีเซลนั้นกินน้ำมันที่ 2.3 km ต่อลิตร งั้นเอาราคาน้ำมันดีเซลในอเมริกามาเชคกันหน่อยไหม
เรียกได้ว่า 1 gallon US ราคา 3.043 เหรียญ(93.63 บาท) หรือ 1 ลิตรเท่ากับ 24.73 บาท
น้ำมันดีเซลในอเมริกาลิตรล่ะ 24.73 บาทครับ
2.3 km ใช้น้ำมัน 1 ลิตร
1 km ใช้น้ำมัน 0.43 ลิตร หรือเท่ากับ 24.73 x 0.43 = 10 บาทต่อ km
แค่ค่าเชื้อเพลิงของรถพ่วงดีเซลก็แพงกว่ารถพ่วง Tesla Semi Truck ไปเท่าตัวแล้วครับ
นี่ยังไม่รวมค่าซ่อม, ค่าเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง 14 ลิตรทุกๆ 5,000 ไมล์อีกนะครับ ไม่อยากจะคิดเลยว่า ระยะยาวแล้ว องค์กรต่างๆ คงต้องทำการลดค่าใช้จ่ายโดยการหนีไปใช้บริการรถพ่วง Tesla Semi Truck แหละครับ ส่วนเส้นทางที่วิ่งไกลๆ มากกว่า 500 km ขึ้นไปก็ยังต้องใช้รถพ่วงดีเซลกันอยู่ครับ
ลองคิดเล่นๆ ดูนะครับ รถพ่วงบรรทุกเหล่านี้ปีนึงวิ่งกันเป็นหมื่นๆ km เอาง่ายๆ ตีเลขกลมๆ จาก HDS Truck Driving Institute คือ 72,000 km หรือ 45,000 ไมล๋ต่อปี
ดังนั้นถ้าขับระยะทาง 72,000 km ต่อปี องค์กร PepsiCo จะสามารถประหยัดเงินไปได้ 3.6 ล้านบาทต่อคันต่อปีครับ นี่ผมยังไม่รวมค่าไส้กรองน้ำมันเครื่องและน้ำมันเครื่องของรถพ่วงบรรทุกดีเซลเหล่านี้ลงไปนะครับ ถ้ารวมเข้าไปก็เพิ่มเข้าไปอีก(อย่างต่ำ) 2 แสนบาทครับ
ที่มา : รถพ่วงบรรทุกวิ่งปีล่ะ 72,000 km
BLINK DRIVE TAKE
องค์กรระดับโลกขยับเรื่องรถยนต์ไฟฟ้าแบบนี้ คุณยังคิดว่ารถยนต์ไฟฟ้าเป็นเรื่องหลอกเด็กหรือเรื่องล้อเล่นสำหรับไทยอยู่ไหมครับ?
ผมว่าการที่รัฐบาลไทยขยับ “ช้า” แบบนี้ อินเดีย, มาเลเซีย, อินโดนีเซีย, เวียดนาม, เกาหลีใต้, จีน, และประเทศอื่นๆ อีกมากมายจะคาบไปรับประทานนะครับ
อ่อ เตือนความจำกันอีกนิดนึงครับ แอฟริกาก็เริ่มผลิตรถยนต์ไฟฟ้ากันแล้ว เอธิโอเปียนี่ไงครับ
ที่มา : เอธิโอเปียแซงไทยไปแล้ว จับมือกับฮุนไดเปิดโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้า Ioniq
การที่รัฐบาลไทยชิวแบบนี้ สงสารคนในประเทศจริงๆ แหละครับ