Mini จะทยอยเพิ่มรุ่นรถที่เป็นรถยนต์ไฟฟ้า และเป็น crossover แต่ บางรุ่นจะยังคงเครื่องยนต์ที่ใช้เชื้อเพลิงน้ำมันไว้ ผมขอสรุปหัวข้อสำคัญของข่าวนี้เอาไว้ตรงนี้นะครับ
• Mini วางแผนจะเปิดตัวรถยนต์ที่ใช้เชื้อเพลิงน้ำมันรุ่นสุดท้ายในปี 2568 และเปลี่ยนตัวเองเป็นแบรนด์ EV ภายในปี 2573 จากรายงานของสื่อเยอรมัน Der Spiegel
• Mini วางแผนจะออกรถ crossover หลายรุ่น และยังมีรถ MPV ใช้ชื่อรุ่นคลาสสิคที่รู้จักกันดีว่า Mini Travellers
• Mini ถูกบีบให้เพิ่มรุ่นรถในสไตล์ crossover มากขึ้นเนื่องจากการที่ตลาดโลกกำลังนิยมรถสไตล์นี้ ต่างจากยุคก่อนหน้าที่คนนิยมรถ Hatchback ซึ่งเป็นสไตล์หลักของแบรนด์ Mini
Mini แบนการขายรถยนต์น้ำมันถาวรภายใน ปี 2573
สื่อเยอรมัน Der Spiegel ได้รายงานว่า Mini วางแผนจะเปิดตัวรถยนต์ใช้เชื้อเพลิงน้ำมันรุ่นสุดท้ายในปี 2568 และกลายเป็นผู้ผลิตเฉพาะรถยนต์ไฟฟ้าล้วนทั้งหมดในปี 2573
การวางแผนระยะยาวของแบรนด์ใน BMW Group นี้ เป็นการวางแผนที่สอดคล้องกับแผนของประเทศเยอรมันนีที่จะยกเลิกการใช้รถยนต์เครื่องยนต์สันดาบในปี 2573
ทั่งนี้ ไม่ได้เฉพาะแค่ในเยอรมันนี แต่หลายประเทศทั่วโลกก็เริ่มกำหนดเวลาที่จะยกเลิกการขาย และการจดทะเบียนรถยนต์เครื่องยนต์สันดาบกันแล้ว ทำให้ผู้ผลิตรถยนต์หลายรายต้องเปลี่ยนมาสู่ EV
อนาคตของ Mini
Mini มีจุดเด่นที่ทำให้เหมาะที่จะปรับเปลี่ยนแบรนด์ไปเป็น EV ได้ง่ายกว่าแบรนด์อื่นๆ คือ
- มีรถยนต์ EV ในตลาดแล้ว 1 รุ่น
- รุ่นรถที่มีอยู่มีรุ่นไม่มาก แต่ละรุ่นมีลักษณะและขนาดใกล้เคียงกัน ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นรถยนต์ขนาดเล็ก ทำให้ง่ายในการพัฒนาแพลทฟอร์ม EV เพื่อใช้กับรุ่นต่างๆที่มีอยู่
Mini ได้วางกำหนดการปรับตัวครั้งนี้ไว้ตั้งแต่ปลายปี 2563 โดยเริ่มจากวางแผนที่จะพัฒนารถ crossover ไฟฟ้าร่วมกับ Great Wall Motor (GWM) ในปี 2566
ตัวแทนของ Mini ได้กล่าวเกี่ยวกับแผนการพัฒนา EV ไว้ว่า “การร่วมงานกันครั้งนี้จะช่วยให้ Mini เข้าสู่การขับขี่ไร้มลพิษซึ่งเป็นแนวโน้มที่สูงขึ้นเรื่อยๆทั้งของตลาดจีน และตลาดโลก”
“การร่วมมือกับพันธมิตรอย่างจีนจะช่วยให้ Mini ดำเนินไปตามแผนและหลักการที่วางไว้เรื่องการผลิตตามความต้องการของตลาดซึ่งกำลังการผลิตในประเทศที่มี จะสามารถรองรับการเติบโตในตลาดรถยนต์จีน และยังคงรักษาระดับการผลิตเพื่อตลาดโลกได้ด้วย”
Mini ยังได้กำหนดจะออกรุ่นย่อยของ Cooper ไฟฟ้า ในขนาดที่เล็กลง เพื่อมาแทนที่ Cooper SE รุ่นปัจจุบันซึ่งเปิดตัวตั้งแต่ปี 2556 และปัจจุบันเป็น EV เพียงรุ่นเดียวของแบรนด์ นอกจากนี้ Mini ยังมีแผนจะทำรถ MPV ที่คาดว่าจะใช้ชื่อของรถที่เคยโด่งดังในอดีต คือ Mini Traveller ซึ่งรุ่นนี้จะเป็นรถ EV เท่านั้น
หมายเหตุ : Travellers เป็นรถที่เปิดตัวในปี 2510 มีชื่อเต็มๆว่า Morris Mini Traveller ซึ่งคู่แฝดของมันก็คือ Austin Seven Countryman ทั้งสองรุ่นนี้เป็นรถแบบ Estate ขนาดเล็กที่ได้รับความนิยมอย่างมาก หลังจากหมดยุคของ Traveller และ Countryman แล้ว รุ่นที่มาแทนก็คือ Mini Clubman Estate นั่นเอง
ปิดฉากการผลิตเครื่องยนต์สันดาปภายใน 2568
จากรายงานที่บอกว่าการเปิดตัวรถยนต์ที่ใช้เชื้อเพลิงรุ่นสุดท้ายของ Mini จะอยู่ในปี 2568 จะทำให้รถเครื่องยนต์สันดาบรุ่นสุดท้ายนี้มีอายุการทำตลาดที่สั้นมาก เพราะแผนที่จะเปลี่ยนไปผลิตเฉพาะ EV อยู่ที่ปี 2573 คาดการณ์ว่ารุ่นที่น่าจะเปิดตัวมานี้คือ Countryman เนื่องจากโฉมปัจจุบันของรุ่นนี้ก็มีอายุถึง 9 ปีแล้ว เป็นไปได้ว่าจะมาทั้งรูปแบบของเครื่องยนต์สันดาบ และ ปลั๊กอินไฮบริด
แผนการณ์ของ Mini
Mini ต้องเผชิญกับแรงกดดันอย่างมาก จากความนิยมรถ Hatchback ในตลาดยุโรปตะวันตก ซึ่งนิยมรถประเภทนี้มาหลายทศวรรษ รวมถึงตลาดสำคัญหลายๆแห่ง ก็มีความนิยมลดลง ทำให้ต้องเร่งพัฒนารถแบบ crossover ให้มากขึ้น
ขณะเดียวกัน ทางทวีปอเมริกาเหนือก็มีความต้องการรถที่มีขนาดใหญ่ขึ้นเนื่องจากราคาน้ำมันที่ถูกลง Mini ยังต้องเจอปัญหาเรื่องรุ่นรถที่มีอยู่มากเกินไป และหลายรุ่นก็ขายได้ช้า
แต่ข้อได้เปรียบของ Mini ก็มีอยู่หากจะปรับไปสู่ EVเต็มตัว คือสามารถใช้แพลตฟอร์มเดียวได้เช่นแพลตฟอร์ม UKL ของ BMW Group ที่ปัจจุบันไม่ได้ใช้แค่ใน Mini แต่ยังใช้กับ BMW ซีรีย์2 ทั้ง ซีดาน, คูเป้, และ crossover อย่าง X2 ด้วย ซึ่งดูแล้ว Mini น่าจะใช้แพลตฟอร์มเดียวได้กับรถยนต์ทั้งหมดที่มี
ที่มา : autoweek
BLINK DRIVE TAKE
by veexeezee
จากบทความนี้ จะเห็นว่าแนวโน้มของรถยนต์ในโลกนี้เปลี่ยนไปสู่ EV แน่นอนแล้ว และน่าจะเป็นอัตราเร่งการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วด้วย สังเกตได้จากอายุรถเครื่องสันดาบรุ่นสุดท้ายของ Mini ที่จะเปิดตัว แล้วทำตลาดอีกแค่ไม่กี่ปี Mini ก็จะกลายเป็นแบรนด์ EV เต็มตัว ยิ่ง Mini เป็นแบรนด์ที่ไม่ใหญ่มาก ยิ่งต้องรีบเปลี่ยน เพราะสามารถขยับตัวได้ง่ายกว่าและเร็วกว่า ทั้งนี้ การที่ BMW เลือกปรับเปลี่ยน Mini ก่อนแบรนด์หลักอย่าง BMW ก็น่าจะเพราะขนาดของแบรนด์ และลักษณะเฉพาะของรถที่มีอยู่ในแบรนด์เป็นหลัก
คำถามที่ทางผู้แปลมีอยู่เสมอต่อ ประเทศไทยกับความพยายามต้านทานกระแส EV และยื้อเครื่องยนต์สันดาบด้วยการผลักดันการใช้ Hybrid , PHEV โดยการให้คำจำกัดความรถยนต์พวกนี้ว่าเป็น EV (เป็นประเทศเดียวในอาเซียนที่บอกว่าเครื่องยนต์พวกนี้เป็น EV) และให้สิทธิทุกอย่างแบบรถ EV เป็นสิ่งที่ควรทำไหม หรือควรเร่งให้ทุกคนปรับตัว เพราะทุกอย่างในสมัยนี้มันเปลี่ยนไปเร็วมาก หากขยับช้าเพียงนิดเดียวก็กลายเป็นที่สุดท้ายไปแล้ว
ดังเช่นที่ Mini มองเห็นและพยายามปรับให้เร็วกว่าหรือ อย่างน้อยก็ไปพร้อมๆคนอื่นเพื่อไม่ให้ตกอยู่ในตำแหน่งสุดท้ายของโลกยานยนต์