หนึ่งปีผ่านมาหลังจากประกาศจะขยายโครงสร้างพื้นฐานการอัดประจุไฟสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า หรือ จุดชาร์จไฟ ให้ครอบคลุมและมากที่สุด
เดิมเป้าหมายของการติดตั้งจุดชาร์จไฟนั้น ตั้งเป้าไว้ 28,000 จุดชาร์จภายในกุมภาพันธ์ 2020(พ.ศ. 2563) ซึ่งเป็นยอดรวมทั้งจุดชาร์จสาธารณะ และจุดชาร์จตามพื้นที่ส่วนบุคคล แต่ตอนนี้ทางรัฐบาลขยายขนาดของโครงการเพิ่ม โดยต้องการติดตั้งจุดชาร์จไฟให้ได้ 60,000 จุด ภายในปี 2030 (พ.ศ.2573)
รองนายกรัฐมนตรีประเทศสิงคโปร์ Heng Swee Keat ประกาศว่า ประเทศสิงคโปร์จะทุ่มงบประมาณ 30 ล้านดอลลาร์(680 ล้านบาท)ในช่วงระยะเวลา 5 ปีข้างหน้านี้สำหรับโครงการ e-mobility
งบประมาณจำนวนนี้จะใช้ในการ สร้างแรงจูงใจและกระตุ้นการซื้อรถยนต์ไฟฟ้า โดยรัฐบาลจะลดช่องว่างราคาระหว่างรถยนต์เครื่องยนต์สันดาบใช้น้ำมัน (ICE) และ รถยนต์ไฟฟ้า (EV) ทำให้ราคาไม่ต่างกันมาก
นอกจากเรื่องราคาแล้ว รัฐบาลจะยกเว้น “ค่าลงทะเบียนรถยนต์เพิ่มเติม” (Additional Registration Fee) สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า ตั้งแต่เดือน มกราคม 2022 ถึง ธันวาคม 2023
การจะซื้อรถยนต์สักคันในสิงคโปร์นั้น นอกเหนือจากการยื่นขอสิทธิ์ครอบครองรถยนต์ (Certificate of Entitlement : COE) และการจ่ายภาษีสรรพสามิตแล้ว การซื้อรถในสิงคโปร์จะมีค่าใช้จ่ายอื่นๆอีก ดังนี้
- Additional Registration Fee (ARF) เป็นภาษีเมื่อมีการลงทะเบียนรถยนต์ คำนวณ โดยอิงตามเปอร์เซ็นต์ของมูลค่าตลาดที่เปิด (OMV) ของรถยนต์ยี่ห้อนั้นๆ
- Open Market Value (OMV) เป็นค่าใช้จ่ายของยานพาหนะที่นำเข้ามาในสิงคโปร์ ได้รับการ ประเมินโดยศุลกากรของสิงคโปร์โดยคำนึงถึงราคาซื้อ ค่าขนส่ง ค่าประกัน ค่าจัดส่งและการจัดส่งอื่น ๆ ซึ่งค่าใช้จ่ายต่างๆเหล่านี้เป็นตัวแปรที่ทำให้ราคารถยนต์ของสิงคโปร์แพงเป็นอันดับต้นๆของโลกทีเดียว
และทางรัฐยังเพิ่มจำนวนเงินที่ใช้สำหรับอุดหนุนในการเปลี่ยนมาใช้รถยนต์ไฟฟ้าที่ประกาศใช้เมื่อมกราคมปี 2020 ซึ่งอัตราการอุดหนุนใหม่นี้จะช่วยให้ผู้ซื้อรถยนต์ไฟฟ้า ได้รับเงินคืน 45% หรือสูงสุด 20,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ (453,252 บาท)
สิงคโปร์ยังทำการปรับปรุงกฎระเบียบเกี่ยวกับการปล่อยมลพิษของยานพาหนะ (VES) ซึ่งจะให้ส่วนลดมากถึง 25,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ (566,964 บาท)
ดังนั้นผู้ที่ซื้อรถยนต์ไฟฟ้าแบบใช้แบตเตอรี่ล้วน (BEV) เช่น Tesla Model 3 จะประหยัดเงินไปถึง 45,000 ดอลลาร์สิงคโปร์(1 ล้านบาท)
Tesla Model 3 ได้เริ่มมีจำหน่ายในสิงคโปร์ตั้งแต่ปีที่แล้ว นอกจาก Tesla แล้ว ยังมี Hyundai ที่กำลังตั้งโรงงานเตรียมเดินสายการผลิตเพื่อผลิตรถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็กในรุ่น IONIQ3 ในปี 2022
รองนายกรัฐมนตรี Heng Swee Keat ยังบอกว่าจะมีการปรับปรุงการเก็บภาษีบำรุงถนน (Road Tax Treatment) สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าเพื่อขยายตลาดรถยนต์ไฟฟ้าให้เทียบเท่ากับรถยนต์เครื่องสันดาป ซึ่งรายละเอียดในส่วนนี้ยังไม่มีการประกาศให้ทราบว่าจะปรับปรุงอย่างไร
สิงคโปร์ประกาศแบนรถยนต์น้ำมันภายใน 20 ปีจากนี้
รัฐบาลสิงคโปร์ หวังที่จะลดจำนวนยานพาหนะที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปลง และจะให้ในประเทศมีแต่ยานพาหนะที่ใช้พลังงานสะอาดทั้งหมดในปี 2040
สิงคโปร์เริ่มทำตามแผนโดยเมื่อปีที่แล้ว ได้ซื้อรถประจำทางที่ปล่อยมลพิษต่ำเท่านั้นมาใช้ นอกจากนี้ สิงคโปร์ยังจะเป็น Hub แห่งแรกของ Volocopter (ผู้ให้บริการแท็กซี่เฮลิคอปเตอร์ไฟฟ้า) ตามกำหนดการที่วางแผนไว้ จะเริ่มให้บริการภายใน 3 ปีข้างหน้านี้
BLINK DRIVE TAKE
By Veexeezee
การที่สิงคโปร์ตั้งเป้าหมายไปสู่ประเทศที่ใช้ยานพาหนะพลังงานสะอาด 100% เขาเริ่มและลงมืออย่างจริงจังทันทีเพื่อมุ่งสู่เป้าหมายตัวผมได้อ่านไฟล์ PDF เกี่ยวกับโครงการ e-mobility ของสิงคโปร์แล้ว บอกได้ว่าเขาจริงจังมาก วางแผนไปจนถึงการปรับเปลี่ยนให้หันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้า โดยดูตั้งแต่พฤติกรรมการใช้งานของคน และยังมองไปถึงระบบขนส่งตั้งแต่ รถบัส รถแท็กซี่ รวมไปถึงเรือขนส่งสินค้าด้วย