ณ ขนาดนี้ ผู้ผลิตรถยนต์ทั่วโลกต่างโหมโรงไปพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าของบริษัทของตนเองกันเกือบทั้งหมดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ, แบตเตอรี่รุ่นใหม่, มอเตอร์ไฟฟ้าประสิทธิภาพสูง, และการหาวัสดุมาผลิตรถยนต์ไฟฟ้าให้มีราคาต้นทุนที่ถูกลง มีเพียงบริษัทไม่กี่บริษัทบนโลกที่ไม่ยอมพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าออกมาขายในประเทศอื่นๆและสำนักข่าวต่างๆ ทั่วโลกยังมองว่าเค้าต่อต้านการมาของรถยนต์ไฟฟ้า(BEV)แบบจริงจังอีกด้วย
บริษัทนั้นก็คือโตโยต้านั่นเอง โดยท่านประธานอากิโอะ โทโยดะได้ออกมากล่าวว่า “ธุรกิจรถยนต์(น้ำมัน)ตอนนี้กำลังสั่งคลอน ถ้ารัฐบาลยังสนับสนุนการแบนรถยนต์น้ำมันภายในระยะเวลาที่กำหนดอย่างนี้ไปเรื่อยๆ คาดว่าบริษัทรถยนต์ทั่วโลกต้องเจ๊งอย่างแน่นอน”
อ้างอิงจากการประชุมใหญ่ของบริษัทโตโยต้า ณ วันพฤหัสบดีที่ 17 ผ่านมา ท่านประธานอากิโอะ โทโยดะได้ออกมากล่าวว่า ประเทศญี่ปุ่นยังไม่พร้อมสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า ยิ่งหน้าร้อนนั้น ญี่ปุ่นใช้ไฟหนักมากๆ ถ้าประชาชนเปลี่ยนไปใช้รถยนต์ไฟฟ้ากันทั้งประเทศ จะทำให้ไฟฟ้าทั้งประเทศดับลงอย่างแน่นอน
ส่วนค่าใช้จ่ายในการสร้างระบบสาธารณูปโภคให้รองรับการมาของรถยนต์ไฟฟ้า 100 % นั้นต้องใช้งานมากกว่า 14-37 ล้านล้านเยน แถมประเทศต่างๆ ทั่วโลกยังผลิตไฟฟ้าจากถ่านหินและแก๊สธรรมชาติกันอยู่เลย
“The more EVs we build, the worse carbon dioxide gets…When politicians are out there saying, ‘Let’s get rid of all cars using gasoline,’ do they understand this?”
แปล – ยิ่งเราหันไปสร้างรถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้นเท่าไหร่ เรายิ่งผลิตคาร์บอนไดอ๊อกไซด์สู่ชั้นบรรยากาศมากขึ้นเท่านั้น…เวลานักการเมืองบอกว่า “เลิกใช้รถยนต์น้ำมันกันเถอะ” พวกเค้าเข้าใจเรื่องนี้กันอย่างถ่องแท้จริงแล้วหรือ?
ท่านประธานอากิโอะ โทโยดะ
อ้างอิงข้อมูลจาก observer โตโยต้าพูดว่าไม่เห็นด้วยกับการเปลี่ยนถ่ายเป็นรถยนต์ไฟฟ้าก็จริง แต่ตัวบริษัทแอบตั้งแผนการณ์ลงทุนในธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้าเอาไว้มากถึง $13,000 ล้านเหรียญหรือประมาณ 403,000 ล้านบาทภายในระยะเวลา 10 ปีต่อจากนี้ แต่สิ่งที่โตโยต้ายึดมั่นถือมั่นไม่ปล่อยก็คือ Hybrid โดยโตโยต้ายังมีจุดยืนเหมือนเดิมว่าจะขายรถยนต์น้ำมัน Hybrid ให้มีสัดส่วนมากกว่ารถยนต์ไฟฟ้าในบริษัทของตนเอง
ที่มา : observer
BLINK DRIVE TAKE
ก่อนอื่นเลย ต้องขอยอมรับว่าในช่วงเวลา 40-50 ปีที่ผ่านมานั้น โตโยต้าออกเทคโนโลยีใหม่ๆ เกี่ยวกับยานยนต์(น้ำมัน)มาโดยตลอดและครองแชมป์รถยนต์ขายดีอันดับหนึ่งในหลายประเทศทั่วโลก ส่วน supplier ของโตโยต้านั้นก็แข็งแกร่งทั้งนั้น อะไหล่ที่ผลิตจากบริษัท supplier ของโตโยต้านั้นเป็นที่ยอมรับกันทั้งโลกครับ แถมรถยนต์โตโยต้านั้นเป็นรถยนต์ที่ทนทานที่สุดในบรรดารถยนต์น้ำมันแล้วครับ
แต่พอมาวันที่เกมส์กระดานเปลี่ยนไปเป็นรถยนต์ไฟฟ้า โตโยต้ากลับมองเพียงแค่ว่าการเปลี่ยนถ่ายครั้งนี้จะทำให้บริษัทสูญเสียมากกว่ากำไรเหมือนอดีต(ซึ่งมันก็เป็นเรื่องจริงครับ) และเค้ายังมองออกอีกว่าต่อให้ไปลุยขายตอนนี้ก็สู้เจ้าตลาดรถยนต์ไฟฟ้าอย่าง Tesla ไม่ได้
จริงๆ ตอนนี้ราคารถยนต์ไฟฟ้านั้นยังมีราคาแพงอยู่น่ะครับ ถ้าโตโยต้ามองวิกฤตเหล่านี้เป็นโอกาส ลงมาลุยเปิดตลาดรถยนต์ไฟฟ้าเพื่อดับคู่แข่งอย่าง Tesla, Mercedes Benz, Honda, Volkswagen, BMW, Diamler, BYD, Nio, Xpeng และบริษัทรถยนต์ไฟฟ้าอีก 20 กว่าบริษัทแล้วล่ะก็ โตโยต้าจะมีที่ยืนในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าอย่างแน่นอนครับ
การเข้าตลาดรถยนต์ไฟฟ้าช้าแบบนี้อาจจะส่งผลเสียให้กับบริษัทลูกๆ ในเครือของโตโยต้าอย่างมหาศาลครับ
ส่วนอีกเรื่องคือเรื่องไฟฟ้าไม่พอใช้ โตโยต้ากลับไม่เอาข้อมูลมาชี้แจงเพียงแต่บอกว่า รถยนต์ไฟฟ้ากินไฟจนทำให้ไฟฟ้าทั้งเมืองดับ แบบนี้เหมือนกำลังดูถูกผลงานวิจัยของฮาร์วาร์ด, Standford, MIT และ Ivy League ทั้งหมดอยุ่นะครับ เพราะอเมริกาคำนวณมาแล้วว่ามันพอใช้และการเปลี่ยนถ่ายจากรถยนต์น้ำมันเป็นรถยนต์ไฟฟ้าจะลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดอ๊อกไซด์อย่างมหาศาลอีกด้วย
ผมได้ทิ้งภาพเปรียบเทียบระหว่างก่อนและหลัง lock down นะครับ สังเกตุไหมครับว่าก๊าซคาร์บอนไดอ๊อกไซด์หายไปขนาดไหน
อ้างอิงข้อมูลจากยุโรป : ไวรัส COVID-19 เป็นตัวพิสูจน์ว่า มลพิษทางอากาศในยุโรปนั้นมาจากการใช้รถยนต์น้ำมัน
หลังจากได้อ่านโพสนี้ เสร็จคุณคิดว่ายังไงบ้างครับ? คิดว่าพี่โตกลัวรถยนต์ไฟฟ้าหรือป่าวครับ?