Site icon Blink Drive

รีวิว Tesla Model Y ของคุณโต๋(คนไทยต่างแดน) แบบปวดใจสุดๆ

ตอนแรกที่ได้ข้อมูลจากคุณโต๋(สมาชิกเพจ Blink Drive)มาก็ปวดหัวซักพักเหมือนกันว่าจะตั้งชื่อกระทู้ว่าอย่างไรดี เพราะเค้าให้ข้อมูลมาครบทุกด้านจริงๆครับ ตั้งแต่ซื้อรถมา, เคลมปัญหาที่เจอกับรถ, การ switch ระหว่าง Model 3 ที่มาอยู่แล้วก็ Model Y ที่พึ่งซื้อมาใหม่, หรือจะเป็นข้อมูลการเทรด(แลกเปลี่ยน)รถคันเก่าของเค้า(Nissan Leaf) ตอนได้ข้อมูลมานั้น ถือว่า challenge ผมมากๆครับ

แต่พออ่านไปอ่านมาแล้ว ก็จะเห็นว่าข้อมูลที่คุณโต๋ให้มาเยอะที่สุดคือเรื่องความเสียหายในรถ Tesla Model Y ที่เกิดจากการผลิตทั้งหมดน่ะครับ เรียกได้ว่าเป็น ประสบการณ์อย่างหนึ่งที่ควรค่าแก่การเอามาแชร์ความรู้ให้กับทุกคนเลยน่ะครับ

คุณโต๋เป็นใคร?

เรียกชื่อคุณโต๋ๆ บ่อยๆ เดี๋ยวทุกคนจะมองว่าผมมีสมาชิกเพจเป็นนักเปียโนอันดับหนึ่งของประเทศไทย(โต๋ ศักดิ์สิทธิ์)ซะงั้น ไม่ใช่น่ะครับ คุณโต๋ท่านนี้เป็นเจ้าของรถยนต์ไฟฟ้า Tesla Model 3 ซึ่งผมเคยเขียน รีวิวรถยนต์ไฟฟ้า Tesla Model 3 อายุ 18 เดือนกับเลขไมล์ 58,000 km, ซ่อมอะไรไปกันแล้วบ้าง? ไปให้แล้วเมื่อเดือนธันวาคม 2562 ที่ผ่านมา

โดยเค้าเป็นแฟนพันธ์แท้เทสล่าโดยตรง ที่เรียกได้ว่าน่าจะเป็นคนไทยกลุ่มแรกเลยที่ถอยรถยนต์ไฟฟ้า Tesla Model 3 มาขับครับ เพราะรถยนต์ไฟฟ้า Tesla Model 3 ของเค้านั้นเป็นรุ่น Low VIN หรือเป็นรุ่นที่ผลิตล๊อคแรก ๆ (โดยคุณโต๋ได้รถมาแถวๆ 8,xxx หรือคันที่ 8,000 กว่าๆ ยังไงละครับ) เรียกว่าได้รถมาขับก่อนคุณตาม Bjørn Nyland ซะอีกครับ

รูป : รถยนต์ไฟฟ้า Tesla Model3 LR RWD low VIN

พอ Tesla Model Y ออกปุ๊บ พี่แกก็ส่งสัญญามาให้ผมตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2563 แล้วครับว่าเค้าจะเอารถมาส่งให้ถึงที่บ้านเพราะช่วงนั้นเป็นช่วง COVID-19 น่ะครับ ส่วนใหญ่ลูกค้าจะเลือกรับรถแบบ contactless (ไม่มีการเจอหน้าพนักงาน Tesla) ทุกอย่างส่งมอบให้แบบไม่สัมผัสตัวกันหรือเจอหน้ากันเลยครับ รถมาส่งมอบให้ที่บ้านและกุญแจหรือเอกสารทุกอย่างจะวางเอาไว้ในรถให้ครับ

รูป : หน้าจอ confirm วันส่งมอบ Tesla Model Y

เจอปัญหาอะไรบ้าง?ใน Tesla Model Y

ปัญหาแรก คือ กล้องหน้ารถเสีย

ซึ่งคุณโต๋ตรวจพบก่อนวัน delivery ทางเทสล่าเลยบอกว่าต้องเลื่อนรับรถออกไปอีก 2-3วัน เพราะต้องรอเบิกอะไหล่จากศูนย์

ปรากฏว่า ผ่านไป3วันโทรมาบอกว่ายังไม่ได้อะไหล่เลย

คุณโต๋จึงได้ทำการจี้ไปแถมบอกว่า ถ้าะถ้าไม่ได้รถอีก2วันจะยกเลิกและขอเงินคืน ณ วันพฤหัสบดีเย็น

แต่ทางเทสล่าก็ให้ offer (ข้อเสนอ)มาว่า จะเปลี่ยนอีกคันให้ แต่จะเอารุ่นที่เป็นล้อ19 นิ้วมาให้แทน สุดท้ายจบที่ว่า วันศุกร์สายๆ ทางศูนย์โทรมาบอกว่ารถเรียบร้อยมารับได้เลย เลยนัดว่าจะpick up(ไปรับ) วันเสาร์

Touchless delivery ทำไม่ได้เพราะ?

คุณโต๋ยังเล่าต่ออีกว่า โดยปกติคือไปถึงแล้วlogin (ล๊อคอิน)ในTesla app ในมือถือ แล้วจะเปิดรถเอา document(เอกสาร) มา sign(เซ็น)

แต่ปรากฏว่าคุณโต๋เลือกที่จะเอารถยนต์ไฟฟ้าคันเก่าของเค้า ทาง Tesla ก็เลยบอกว่า ถ้าทำการ trade-in รถจะไม่สามารถใช้ระบบ touchless น่ะครับ ทุกอย่างต้อง manual (ทำนอกระบบ)หมดเลย ดังนั้นพนักงานเค้าต้องเข้ามาจัดการทั้งรถเก่าและรถใหม่หมดเลยครับ

โดยพนักงานจะเข้ามารับรถที่บ้านเราและทำการจดเลขไมล์รถและเชคสภาพก่อน หลังจากนั้นเค้าถึงจะ add vehicle ลงไปในTesla app ครับ

รถยนต์ไฟฟ้า Nissan Leaf ปี 2014 ขายได้เท่าไหร่?

คุณโต๋ก็ได้นำเอารถยนต์ไฟฟ้า Nissan Leaf ปี 2014 มาทำการ Trade-in (เอาคันเก่าไปขายเพื่อเป็นส่วนลดให้กับคันใหม่) ซึ่งตอนแรกตกลงกันที่ $5,000 หรือ 150,000 บาท แต่ปรากฏ offer (ข้อเสนอ)นั้นหมดอายุจึงได้ทำการ quote(ประเมิน)ราคาใหม่ได้มาที่ $4,000 หรือ 120,000 บาท เชดโด้ ถือว่าถูกมากๆครับ ถ้าผมอยู่ไทยแล้วมีคนเอารถยนต์ไฟฟ้า Nissan Leaf มาขายให้ผมราคานี้ (120,000 บาท) แถมเป็นปี 2014 อีกด้วย ผมเอาแน่นอน

เห้อ บางทีก็ปวดหัวกับระบบภาษีที่ไทยเหลือเกินน่ะครับ ภาษีเหล่านี้ทำให้รถยนต์ไฟฟ้าทุกรุ่นมีราคาเวอร์เกินความเป็นจริงแหละครับ

คุณโต๋ได้บอกผมว่า รถยนต์ไฟฟ้า Nissan Leaf ปี 2014 คันนี้ ตอนชาร์จเต็ม100% จะวิ่งได้ประมาณ 80 ไมล์ หรือ 128 km แบบไม่เปิดแอร์น่ะครับ ถ้าเปิดแอร์และซิ่งหน่อยๆ ก็จะเหลือ Range ให้วิ่งได้ประมาณ 50-60 ไมล์หรือ 80-100 km ต่อการชาร์จ 1 ครั้งครับ

Nissan Leaf คันนี้ปี 2014 , ขับมาแล้ว 103,000 km หรือ 64,912 ไมล์

เอาจริงๆ นะครับ ถ้ามีรถยนต์ไฟฟ้าคันล่ะ 120,000 บาทมาขายผมที่ไทยแล้ววิ่งได้ครั้งล่ะ 80-100 km แบบนี้ ผมว่าน่าสนใจซื้อมาขับมากๆ เลย ถือว่าซื้อมาเป็นครูเรา เสียตรงไหนก็จะลองซ่อมตรงนั้น ผมว่าซื้อมาแกะแยะชิ้นส่วนออกมาเป็นอะไหล่ยังคุ้มเลยครับ แต่ที่อเมริกานั้นค่าแรงแพงมากๆ ดังนั้นการขายรถยนต์ไฟฟ้าสภาพนี้ได้ราคานี้ก็ถือว่าคุ้มมากๆ ครับ

เจอ defect อะไรบ้างใน Model Y?

เอาล่ะครับกลับมาคุยกับเรื่องรถยนต์คันใหม่ของคุณโต๋กันอีกหน่อยเนอะ หลังจากเค้าได้ทำการ trade-in รถยนต์ไฟฟ้า Nissan Leaf ของเค้าเพื่อเอา Tesla Model Y ออกมาแล้วนั้น เค้าก็ได้ทำการรับรถจากศูนย์ tesla โดยตรง ก่อนจะเซ็นรับรถนั้นคุณโต๋ก็ได้เดินสำรวจรอบคันแล้วปรากฏว่าเหมือนที่ฝรั่งโพสในอินเตอร์เน็ตเลยครับว่า งานประกอบของ Tesla รุ่น Model Y นั้นห่วยจริงๆ เอาล่ะครับมาดูกันว่า defect ที่คุณโต๋เจอนั้นมีอะไรบ้าง

มีรอย Dent (สีหลุด) ตรงประตูฝั่งคนนั่ง
สังเกตุว่า skirt นั้นไม่เท่ากับซุ้มล้อน่ะครับ
เหล็กตรงซุ้มล้อเผยอออกมาอย่างเห็นได้ชัด
รอยประตูเขย่งแบบเห็นได้ชัด
มีเศษโฟมหรือสารเคมีอะไรซักอย่างล้นออกมาตรงบริเวณไฟท้ายฝั่งขวา
รุป : ไฟท้ายเผยอออกมาจากตัวรถ
ประตูท้าย(Trunk)ปิดไม่มิด(เหลื่อมกันแบบเห็นได้ชัด)

คุณโต๋แจ้งว่า บริการของ Tesla นั้นเร็วปานสายฟ้าโดยเค้าได้เอารถไปให้ Service Center แค่วันเดียวเท่านั้น (โดยระหว่างที่คุณโต๋ขับรถยนต์ไฟฟ้า Tesla Model Y เข้า Service Center นั้นได้เห็น Model Y คันอื่นๆ จอดรถเพื่อทำการซ่อม defect เหมือนกันครับ) ซึ่งโดยรวมแล้วคุณโต๋บอกว่าคันของเค้านั้นมีแผลน้อยสุดแล้วล่ะ ส่วนระหว่างที่รอซ่อมรถนั้นเค้าก็ให้ Credit Uber มาให้ใช้แทนชั่วคราว 1 วันน่ะครับ

พอรถทำออกมาเสร็จก็เรียกว่าดูดีขึ้น แต่ก็ไม่เนียบครับ

รูป : ซ้าย Model 3 , ขวา Model Y

ส่วนอีกเรื่องที่คุณโต๋แจ้งมาคือฝาท้ายของ Model Y ของเค้านั้นปิดแรงมากๆ เดี๋ยวว่างๆ ผมจะนำวิดีโอมาลงหน้าเพจน่ะครับ

BLINK DRIVE TAKE

โดยรวมแล้ว ผมมองว่า Tesla สอบตกเรื่องการประกอบ Model Y น่ะครับ แต่ยังไงนี่ก็เป็นรุ่น Low VIN ซึ่งอาจจะมีโอกาสผิดพลาดเยอะหน่อยเพราะระบบประกอบนั้นยังไม่เข้าที่เข้าทางแหละครับ แต่อย่างไรก็ตามผมคิดว่า เทสล่าควรจะใส่ใจเรื่อง QC ในการประกอบรถยนต์ไฟฟ้าให้มากยิ่งขึ้นครับ เพราะตอนนี้ GM และค่าย Volkswagen เริ่มขยับมาทำรถยนต์ไฟฟ้ากันแล้ว ถ้า Tesla ยังทำรถคุณภาพแบบนี้อยู่ล่ะก็ ลูกค้าอาจจะหันไปซื้อยี่ห้ออื่นก็เป็นได้ครับ

แต่ในมุมมองของผมอีกมุม ผมก็คิดว่า เทสล่าไม่ได้เป็นผู้นำการผลิตรถยนต์มาก่อนเลย เรียกว่าเป็นน้องใหม่ในวงการแบบแกะกล่องเลยครับ เป็นบริษัทผลิตรถยนต์ที่อายุ 10 ปีกว่าๆ เอง มาได้ไกลขนาดนี้ก็ถือว่าเก่งมากแล้วครับ เหมือนตอน Apple ตั้งตัวแรกๆ และผลิตมือถือออกมาครับ ผมจำได้ว่า iphone 4 นั้นมี defect อยู่บ้าง แต่พอเป็น iphone 5 นั้น defect มาเต็มเลยครับ ผมยังจำได้อยู่เลยว่าซื้อมือถือ iphone 5 มาแล้วต้องทำการเคลมเครื่องถึง 2 ครั้ง(เค้าให้มากสุดแค่นั้นครับ)โดยเครื่องแรกที่ผมได้มานั้นมีรอยแบบขูดแนบลงไปกับเครื่องเลยครับ เครื่องที่สองที่เคลมมาไม่มีรอย แต่ปรากฏว่ามีเสียงกรอก แกร๊ก เวลาขยับเครื่องไปมาครับ ตอนแรกคิดว่าเสียงเลนส์กล้องขยับ แต่ปรากฏว่ามันเหมือนเสียงน๊อตที่กลิ้งไป กลิ้งมาในเครื่องครับ ก็เลยเคลมอีกรอบ

พอได้เครื่องที่เคลมล่าสุดยังมีรอยตำหนิเลยครับ แต่ผมทำอะไรไม่ได้แล้วเพราะใช้สิทธิ์ไปหมดแล้ว

ผมคิดว่า Tesla ในตลาดรถยนต์ตอนนี้ก็เหมือน Apple ตอนเข้าตลาดมือถือใหม่ๆครับ คิดว่า Tesla Model 3 และ Model Y รุ่นผลิตจีนและเยอรมันจะแก้ไขปัญหาการผลิตเหล่านี้ให้จงได้ครับ ไม่งั้นชื่อเสียงที่ทำมาตั้งแต่รุ่นแรกจะเสื่อมเสียหมดแหละครับ

Stay tune, stay with BLINK DRIVE

Exit mobile version