Blink Drive ได้เคยนำเสนอแบตเตอรี่ Ultium ไปแล้วในโพส GM เปิดตัวแบตรุ่นใหม่สามารถวิ่งไกลได้ถึง 640 km พร้อมประกาศเพิ่มกำลังผลิตรถEVให้ถึง 1 ล้านคันต่อปี ซึ่งในกระทู้นั้นจะเต็มไปด้วยคุณลักษณะของแบต GM ที่เหนือกว่าคู่แข่งอื่นๆ ในท้องตลาดนะครับ
แถมผมยังเคยเขียนเรื่องราวเกี่ยวกับ GM เปิดราคารถยนต์ไฟฟ้า Cadillac Lyriq ต่ำกว่า 1.8 ล้านบาท($60,000)ซะงั้น ไปแล้วในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมานี้นะครับ มาวันนี้เราจะมาจะลึกเรื่องราวเกี่ยวกับระบบขับเคลื่อนที่เป็นหัวใจสำคัญไม่แพ้แบตเตอรี่ของรถยนต์ไฟฟ้าน่ะครับ จริงๆ แล้วรถยนต์ไฟฟ้านั้นมีชิ้นส่วนน้อยมากๆ
รถยนต์ไฟฟ้าทั่วไปนั้นมีชิ้นส่วนที่ใช้งานในการขับเคลื่อนเพียง 18 ชิ้นหลักๆ ต่างจากรถยนต์น้ำมันนั้นกว่าจะขับเคลื่อนหรือส่งกำลังจากเครื่องยนต์ไปที่ล้อได้นั้นต้องมีชิ้นส่วนในการขับเคลื่อนที่ขยับไปมาไม่ต่ำกว่า 1,000 ชิ้นครับ ดังนั้นระยะยาวยังไงรถยนต์ไฟฟ้าก็เป็นต่อในเรื่องราคาต้นทุนการผลิตและการซ่อมบำรุงครับ
Ultium Drive
GM เปิดตัวระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าหรือเรียกกันภาษาชาวบ้านว่า มอเตอร์ไฟฟ้ารุ่นใหม่แกะกล่องในนามแฝงว่า Ultium Drive
เจ้า Ultium Drive นั้นแบบออกเป็น 5 interchangeable drive units (ระบบขับเคลื่อนที่สามารถถอดเปลี่ยนได้)และมอเตอร์ไฟฟ้าจำนวน 3 แบบด้วยกัน
โดยมอเตอร์ในแต่ล่ะแบบก็จะให้แรงม้าและแรงบิดที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับการใช้งานรถบยนต์ในแต่ล่ะประเภทอีกด้วย
สังเกตุดีๆว่ามอเตอร์หลักที่ใช้งานขับเคลื่อนล้อหน้าหรือล้อหลังนั้นจะมีรูปทรงคล้ายๆกันเพราะออกแบบมาให้ง่ายต่อการซ่อมบำรุงแต่ยังมีบางส่วนที่แตกต่างกันออกไป
ภาพระบบขับเคลื่อน (interchangeable drive units) ทั้ง 5 แบบของ GM
มาตราฐานใหม่ อัตราเร่ง 0-100 km/h ภายใน 3 วินาที
GM ได้ประกาศมาตราฐานการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าออกมาดังนี้น่ะครับ ระบบ Ultium (รวมไปถึงแบตเตอร์และมอเตอร์ไฟฟ้า)ทั้งหมดจะต้องถูกสร้างออกมาให้รองรับการขับขี่ทางไกลได้มากถึง 400 ไมล์หรือ 640 km ต่อการชาร์จไฟ 1 ครั้ง
อัตราเร่งนั้น GM ตั้งเป้าว่า รถยนต์ไฟฟ้าที่ใช้เทคโนโลยี Ultium (จริงๆ หลังจากนี้ไปก็ใช้กันทุกรุ่นครับ)จะต้องมีอัตราเร่งต่ำกว่า 3 วินาที หรือเรียกได้ว่ารถยนต์ไฟฟ้า GM สเปคเริ่มต้นอัตราเร่ง 0-100 km/h ก็ต้องอยู่ที่ 3 วินาทีเป็นอย่างต่ำครับ
ส่วนแบตนั้นจะมีให้เลือกระหว่าง 50 – 200 kWh กันไปเลยครับ
BLINK DRIVE TAKE
GM เค้าไม่ได้เจ๊งเหมือนที่ประเทศไทยพยายามเขียนข่าวยัดเยียดให้เค้าว่า เศษรฐกิจไม่ดี เค้าถึงล้มละลายในไทย
จริงๆ เค้าไม่ได้เจ๊งครับ เค้าไม่ได้หนีหายไปไหน แต่เผอิญนโยบายของประเทศไทยมันดูตลกๆกับรถยนต์ไฟฟ้า
“สนับสนุนเหมือนไม่สนับสนุน”
โดยตอนแรกก็อ้างว่าตั้งภาษีกีดกันรถยนต์ไฟฟ้า เพื่อให้เค้ามาผลิตในประเทศ แต่พอเค้าจะมาผลิตในประเทศก็ไปตั้งภาษีกีดกันอะไหล่รถยนต์ไฟฟ้าอีก เอาเป็นว่าเค้าหนีไปจีนง่ายกว่าครับ offer (ข้อเสนอ)เพียบ เรียกได้ว่า แทบจะปูพรมให้เข้าไปลงทุนเลย ส่วนไทยนั้นพอรู้ว่าเป็นรถยนต์ไฟฟ้าก็ตั้งกำแพงภาษีเอาฮาใส่ไปหมด ประเทศอื่นๆ บนโลกเค้าไม่ทำแบบไทยครับ พอพวกเค้ารู้ว่าบริษัท GM จะสร้างรถยนต์ไฟฟ้าเท่านั้นแหละ ลดกำแพงภาษีให้ทุกตัวไม่พอ แถมให้โควต้าการผลิต, หรือให้กู้เงินดอกเบี้ย 0 % ระยะเวลา 5 หรือ 10 ปีซะอีก
ไม่แปลกใจครับว่าทำไมคนไทยด้วยกันเองถึงคิดว่า ประเทศไทยไม่เหมาะสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า จริงๆ ประเทศไทยไม่เหมาะสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าเพราะภาษี 200 % ที่หน้าเลือดขูดจากประชาชน พร้อมกับการกีดกันสารพัดรูปแบบทำให้ GM ต้องหนีไปพึ่งพี่จีนครับ
ผมมองว่า ไทยจะเป็น last standing ของรถยนต์น้ำมันบนโลกนี้ครับ แล้วคุณล่ะคิดเห็นกันอย่างไร? มาๆ มาคุยกันที่ Blink Drive น่ะครับ