นักดัดแปลงรถท่านนี้มีนามว่า kevin jensen อ่านเป็นภาษาไทยว่า เควิน เจนเซ่น เป็นชาวเมือง Irvine รัฐแคลิฟอร์เนียนะครับ โดยเค้าได้เริ่มโปรเจค “Lithium” ซึ่งเป็นโปรเจคที่จะแปลงรถยนต์น้ำมัน Mazda RX-7 คันนี้ให้กลายเป็นรถยนต์ไฟฟ้า 100 % เมื่อวันที่ 30 เดือนมิถุายน 2562 นะครับ
โดยเค้าได้ทำการซื้อโครงรถยนต์น้ำมันคันนี้มาทั้งคันและทำการรื้อเครื่องยนต์โรตารี่ 13B (ซึ่งเป็นรหัสยอดฮิตของชาวโรตารี่)ออกไป
จากนั้นก็ทำการซื้อมอเตอร์ไฟฟ้า Tesla จากเว็บ ebay.com มาเพื่อเอามาประกอบรถยนต์ Mazda RX-7 คันนี้ครับ
เดี๋ยวผมจะทำการเล่าเป็นฉากว่าซื้ออุปกรณ์ไปราคาเท่าไหร่และเจอปัญหาอะไรบ้างระหว่างที่ประกอบรถคันนี้ขึ้นมานะครับ โปรเจคนี้กินเวลา 1 ปีเต็มๆ ครับ
มอเตอร์ไฟฟ้า Tesla 400 แรงม้า
ราคามอเตอร์ไฟฟ้า Tesla Model S ส่วนใหญ่ใน ebay.com นั้นจะอยู่แถวๆ $3,500 – $4,000 หรือประมาณ 105,000 – 120,000 บาท ตามสภาพนะครับ โดยแรงม้าที่ให้มาจากโรงงาน(Tesla) นั้นจะอยู่แถวๆ 400 แรงม้าครับ ถ้าปลดล๊อคดีๆ ก็จะสามารถดึงแรงม้าออกมาได้มากถึง 500 กว่าแรงม้าครับ
ส่วนกล่องจูนระหว่างมอเตอร์กับแบตยี่ห้ออื่นนั้น ทาง tsla_rx7 (ชื่อ instagram ของเจ้าของรถยนต์ไฟฟ้า Mazda RX-7 e-FD คันนี้)ได้ใช้กล่องจูนจากสำนัก evbmw.com ครับ
คุณเควินได้รื้อด้านท้ายรถออกมาเกือบหมดจากนั้นก็ทำการยัดมอเตอร์ไฟฟ้า Tesla Model S ลงไปดังภาพด้านล่างนี้นะครับ เค้าบอกว่า การติดตั้งมอเตอร์นั้นไม่ได้ยากอะไรเลย สิ่งที่ยากคือการจูนกล่องให้เข้ากับอุปกรณ์ต่างๆ ในรถครับ(เหมือนเจ้าของรถ Teslonda พูดเลยแฮะ)
แบตจาก Chevrolet Volt 2 แพ๊ค
ส่วนแบตเตอรี่นั้นใช้ของ รถยนต์น้ำมัน PHEV(Plug-in Hybrid) จำนวน 2 แพ๊คครับให้กำลังไฟออกมาได้มากถึง 34 kWh และสามารถทำให้รถวิ่งได้ไกลขึ้นถึง 160 km ต่อการชาร์จ 1 ครั้งครับ
โดยคุณเควินได้บอกมาว่าเสียเงินไปกับการซื้อแบต 2 แพ๊คนี้จาก ebay.com ประมาณ $4,000 หรือ 120,000 บาท เรียกว่า ตกแพ๊คล่ะ $2,000 เท่านั้นเอง(60,000 บาท)
ตำแหน่งการวางแบตนั้นก็ต้องวางแทนตำแหน่งเครื่องยนต์เดิมของรถและอีกตำแหน่งคือภายในรถนะครับ(แทนเกียร์ที่รื้อออกไป) ข้อดีของรถยนต์ไฟฟ้าคือสามารถถอดแยกแบตและแบ่งน้ำหนักไปทั่วรถได้อย่างอิสระ แตกต่างจากรถยนต์น้ำมันที่มีเครื่องยนต์สันดาบเป็นก้อนเดียวเวลาวางเครื่องยนต์เพื่อรักษาตำแหน่ง CG จะใช้วิธีร่นผนังห้องเครื่อง(ทุบผนังห้องเครื่อง)แทน ซึ่งทำให้โครงรถเสียหายไปด้วยแหละครับ
ปัญหาที่เจอระหว่างสร้างรถคันนี้?
คุณเควินได้เจอปัญหาเกี่ยวกับการประกอบรถคันนี้ขึ้นมาใหม่ทั้งหมด 2 ครั้งโดยครั้งแรกนั้นเป็นเรื่องกล่อง inverter(แปลงไฟ) ทำงานผิดปกติ [The drive unit inverter failed] ซึ่งได้รับความช่วยเหลือจากทีม evbmw ในการ setup (ตั้งค่า)กล่องควบคุมในครั้งนั้น
ปัญหาที่สองที่เจอคือ ชุดควบคุมไฟ(กล่องรีเรย์ไหม้) แผลนี้เสียเงินไปประมาณ $3,000 หรีอ 90,000 บาท ณ เดือนธันวาคม 2562
หลังจากเค้าเปลี่ยนกล่องรีเรย์แล้วก็ตัดสินใจทำสีรถใหม่ด้วยเลย สีเก่าเป็นสีส้มนะครับ สีใหม่เป็นสีที่เห็นด้านล่าง(น้ำเงินเข้ม)
หมดเงินไปเท่าไหร่?
คุณเควินไม่ได้บอกจำนวนเงินทั้งหมดที่แท้จริงมาว่าหมดค่าแต่งรถไปเท่าไหร่บ้าง แต่ถ้าเป็นเรื่องระบบขับเคลื่อนไฟฟ้านั้นผมได้ข้อมูลมาอย่างนี้ครับ
- มอเตอร์ไฟฟ้า Tesla : $3,600 หรือ 108,000 บาท
- แบตเตอรี่ Chevy Volt จำนวน 2 แพ๊ค : $4,000 หรือ 120,000 บาท
- ชุดแผงวงจร $3,000 หรือ 90,000 บาท
รวมทั้งหมดคร่าวๆ โปรเจคนี้จะมีค่าใช้จ่ายในการแปลงรถอยู่ที่ $10,600 หรือประมาณ 320,000 บาทครับ แต่นี่ยังไม่รวมค่าทำสี, ค่าแรงที่ลงไป, และค่าเดินสายไฟต่างๆ ในรถนะครับ ถ้าแจกแจงกันมาอาจจะทะลุ 600,000 บาทแหละครับเพราะค่าแรงในอเมริกานั้นแพงกว่าอะไหล่แน่นอนครับ T__T
แล้วทำรถออกมาแรงไหม?
รถเด็กเนิร์ด ไอที กิ๊ก จะไปแรงได้ยังไงเนอะ 55+
สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็นครับ ลองชมกันเองนะครับว่าแรงพอจะเอาไปซื้อกับข้าวให้แม่ได้ไหม หรือเอาไว้ใช้ขับไปซ่อมคอมพ์ตามบ้านได้ไหมเนอะ อิๆ
ที่มา : reddit
BLINK DRIVE TAKE
ผมมองว่านี่เป็นเพียงโปรเจคเริ่มต้นนะครับ ถ้าแบตรุ่นใหม่ออกมาเมื่อไหร่เค้าได้โยนลูกเก่าทิ้งและเอาตัวใหม่มาใส่ทันทีแน่นอน ผลที่ได้คือ น้ำหนักแบตจะเบาลงอย่างเห็นได้ชัด แถมจะได้ range(ระยะทางที่วิ่งได้)มาเยอะขึ้นกว่าเดิมแน่นอนครับ
เอาจริงๆ ผมก็เห็นด้วยกับโปรเจคนี้นะครับที่เปลี่ยนรถยนต์น้ำมัน Mazda RX-7 เป็นรถยนต์ไฟฟ้าไปเลย เพราะเครื่องยนต์ rotary นั้นหายากมาในอเมริกาและค่าซ่อมบำรุงนั้นแพงมากๆ(ค่าแรงแพงกว่าค่าของ) ดังนั้น ถ้าเปลี่ยนเป็นรถยนต์ไฟฟ้าแล้วจบแบบนี้มันก็เป็นเรื่องที่ดีงามนะครับ
คุณเควินเล่าว่าตั้งแต่แต่งรถคันนี้มา 1 ปีเต็มๆ พังหนักๆ แค่ 2 อย่างเองและแก้ไขได้หมดแล้ว ผมมองว่า อนาคตชายฝรั่งท่านนี้อาจจะได้เป็นเซียนแต่งรถยนต์ไฟฟ้าและเปิดสำนักแต่งรถเก่าในอเมริกาก็เป็นได้ครับ