ก่อนอื่นเลย เรามา recap (ย้อนความทรงจำ)กันหน่อยนะครับ ผมขออ้างอิงจากข้อมูลที่ผมเคยโพสเอาไว้ทุกเดือน โดยผมจะเขียนเป็น time line ดังนี้นะครับ
เดือนพฤษภาคม : Tesla สร้างถนนบนพื้นที่ Gigafactory 4
เดือนมิถุนายน : Tesla ได้ทำการเทซีเมนต์ปูพื้นที่ Gigafactory 4
เดือนกรกฎาคม : การก่อสร้างโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้า Gigafactory เยอรมัน(มีรูป 360 องศาด้านใน)
เอาล่ะครับ คราวนี้มาดูของเดือนสิงหาคมกันบ้างว่า Tesla พัฒนาไปแค่ไหนแล้วนะครับ
เดือนสิงหาคม : สร้างตึกหลายตึกพร้อมๆกัน
เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมานั้นผมและผู้อ่านทุกท่านจะเห็นได้ว่ามีโครงตึกเพียงแค่ตึกเดียวเท่านั้นนั่นก็คืออาคารพ่นสีตัวถังนะครับ แต่พอมาเดือนนี้ Tesla Gigafactory 4 นั้นเร่งความเร็วขึ้นมาอย่างมาก เล่นขึ้นอาคารพร้อมๆ กันหลายอาคารเลยน่ะครับ
อาคารประกอบ driving train(ระบบขับเคลื่อน)
อาคารพ่นสีตัวถัง
ขึ้นกำแพงอาคารพ่นสีตัวถัง
อาคารแห่งนี้จะเป็นอาคารที่สร้างเร็วที่สุดในภายในโรงงาน Gigafactory 4 น่ะครับ จะเห็นได้ว่าเค้าเริ่มสร้างพื้นชั้นที่ 3 แล้วและเริ่มก่อกำแพงกันแล้วครับ ภายในเดือนนี้ อาคารแห่งนี้เป็นอาคารเดียวในโรงงานที่มีการก่อกำแพงขึ้นไปครับ
ภาพ 360 องศาของอาคารต่างๆ
BLINK DRIVE TAKE
เยอรมันเป็นฐานที่มั่นการผลิตรถยนต์อันดับหนึ่งของโลกนะครับ Benz ก็อยู่ที่นั่น, BMW ก็อยู่ที่นั่น Volkswagen ก็อยู่ตรงนั้นครับ การที่ Tesla ไปเปิดโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของตนในประเทศที่มีบริษัทเจ้าพ่อรถยนต์อย่างประเทศเยอรมันนั้นก็ยิ่งกว่าเหยียบจมูกเสืออีกครับ คิดว่านี่คือการขี้ใส่หน้าเสือเลยครับ มีหรือเสือจะไม่ลุกขึ้นมาแว้งกัด แน่นอนแหละครับ ชื่อบริษัทผลิตรถยนต์ที่ผมกล่าวมาทั้งหมดนั้นเปลี่ยนนโยบายเป็นสนับสนุนและพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าทันทีเพื่อไม่ให้เทสล่าแย่งชิงส่วนแบ่งทางการตลาดไป
โรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในเอเชียก็ไปอยู่กับจีนและอินโดนีเซีย, ในยุโรปก็เยอรมัน ส่วนอเมริกาไม่ต้องพูดถึงครับ Ford กับ GM ตัดเงินทุนการวิจัยเครื่องยนต์น้ำมันไปหมดแล้ว และมุ่งหน้าพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าลูกเดียว อย่าลืมน่ะครับ GM มีเทคโนโลยีแบต Ultium เป็นไม้ตายในการฆ่ารถยนต์น้ำมัน ส่วน Ford มีมัสแตงค์ไฟฟ้าเอาไว้ตบรถยนต์ sport น้ำมันต่างๆครับ
ส่วนไทยเรายังเฮฮากับเทคโนโลยี Hybrid กันอยู่เลยครับ
มันถึงเวลาแล้วหรือยัง? ที่ไทยควรจะหันไปสร้างรถยนต์ไฟฟ้าครับ ไม่งั้นอีก 4 ปีข้างหน้าลูกหลานของพวกเราได้ตกงานกันหมดแน่นอนครับ เด็กไทยจบใหม่อีก 4 ปีข้างหน้าหลายคนจะไม่มีงานทำเหมือนประเทศอื่นๆ แน่นอนครับเพราะเศษรฐกิจของเราดันไปพ่วงกับอุตสาหกรรมรถยนต์มากจนเกินไป(อ้างอิงภาพด้านล่าง อุตสาหกรรมรถยนต์น้ำมันไทยเรานั้นขึ้นเป็นอันดับหนึ่งของประเทศครับ) ถ้าอุตสาหกรรมรถยนต์ของเราหันไปทางรถยนต์ไฟฟ้าผมจะไม่กังวลใจซักนิดเลยครับ
แต่นี่หน้าด้านหน้าทนผลิตรถยนต์น้ำมันแถมเอา Hybrid มาบอกประชาชนว่าเป็นรถยนต์ไฟฟ้า (เลี่ยงบาลีกันสุดๆ ) ทำให้ผมต้องลุกขึ้นมาทำเพจ Blink Drive นี่แหละครับ ผมกังวลว่าถ้าไม่มีใครซักคนลุกขึ้นมาเปิดเผยความจริงของโลกใบนี้ว่ามันกำลังหมุนไปในทิศทางไหนกันแน่ (ซึ่งมันหมุนไปทางรถยนต์ไฟฟ้าครับ) มันจะทำให้ลูกหลานของเราจะไม่มีแม้กระทั่งอากาศบริสุทธิ์ได้เอาไว้ใช้หายใจกันนะครับ ตกงานมันเรื่องแน่นอนอยู่แล้วครับ เพราะเอกชนไม่คิดจะเปลี่ยนกันเลย พวกเค้าพยายามดิ้นรนกันเต็มที่เพื่อให้เมืองหลวงของเราเต็มไปด้วยฝุ่นควันแบบด้านล่างนี้ครับ
ในขณะที่ต่างประเทศกำลังพุ่งเข้าหาเทคโนโลยีพลังงานสะอาดกันแบบนาทีต่อนาที แต่ไทยเรากลับหันไปพัฒนาเครื่องยนต์สันดาบหรือพยายามเร่งยอดขายรถยนต์น้ำมันอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน การปิดหูปิดตาประชาชนแบบนี้ ผมคิดว่ามันโหดร้ายเกินไปนะครับ