Blink Blink
News

EVAT ผนึกกำลัง 11 องค์กรปั้นโมเดลระบบเชื่อมต่อการใช้งานสถานีอัดประจุไฟรถยนต์ไฟฟ้าร่วมกัน พร้อมเปิดให้บริการระบบปีนี้

ภาพพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ 11 องค์กรพันธมิตร
 (จากซ้ายไปขวา นายพูนพัฒน์ โลหารชุน กรรมการผู้จัดการ, บริษัท อีโวลท์ เทคโนโลยี จำกัด, นายฉันทกร เดวิชญ์ จำศิลป์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท กริดวิซ (ประเทศไทย) จำกัด, นายชยพล หลีระพันธ์  ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท จีเเอลที กรีน (ประเทศไทย) จำกัด, นายมนัส อรุณวัฒนาพร ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและพัฒนา การไฟฟ้านครหลวง (MEA), นายสมศักดิ์ ปรางทอง หัวหน้ากองแผนงานและวิเคราะห์การใช้ไฟฟ้า การไฟฟ้าฝ่ายผลิตเเห่งประเทศไทย(EGAT), นายสรรเพชญ ตั้งเสาวภาคย์ กรรมการ เเละประธานกลุ่ม WG3 สมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย, นายจาตุรนต์ โกมลมิศร์ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการด้านการตลาด และการขาย บริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน), ดร. ยศพงษ์ ลออนวล นายกสมาคมฯ, นายกฤษฎา อุตตโมทย์ อุปนายกสมาคมฯ , นายเลิศชาย เเก้ววิเชียร ผู้ช่วยผู้ว่าการธุรกิจ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA), นายอัญชลิต บูรณะนิตย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท โชเซ่น เอ็นเนอร์จี้ จำกัด, นายธนพัชร์ สุขสุธรรมวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสาย งานการตลาด บริษัท พลังงานมหานคร จำกัด, นายสุวัจชัย พรสุวรรณสิริ กรรมการฝ่ายการตลาด และฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท เดอะ ฟิฟท์ อีลีเม้นท์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด)

โครงการ Charging Consortium

เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2563 ที่งานบางกอกอินเตอร์เนชั่นเเนล มอเตอร์โชว์ 2020 ณ ห้องประชุมจูปิเตอร์ 8 อาคาร ชาเลนเจอร์ อิมเเพ็ค เมืองทองธานี สมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย นำโดย ดร. ยศพงษ์ ลออนวล นายกสมาคมฯ จัดพิธีลงนามบันทึก ข้อตกลงความร่วมมือกับ 11 องค์กร ในการร่วมพัฒนาโมเดลการใช้งานสถานีอัดประจุไฟฟ้าข้ามเครือข่าย หรือ Charging Consortium

โดยทางสมาคมได้ร่วมมือกับ องค์กรต่างๆ ได้เเก่

  1. การไฟฟ้าฝ่ายผลิตเเห่งประเทศไทย (กฟผ.)
  2. การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.)
  3. การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.)
  4. บริษัท ปตท. จำกัด(มหาชน) 
  5. บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน)
  6. บริษัท อีโวลท์ เทคโนโลยี จำกัด
  7. บริษัท กริดวิซ (ประเทศไทย) จำกัด
  8. บริษัท พลังงานมหานคร จำกัด
  9. บริษัท จีแอลที กรีน (ประเทศไทย) จำกัด 
  10. บริษัท โชเซ่น เอ็นเนอร์จี้ จำกัด
  11. บริษัท เดอะ ฟิฟท์ อีลีเม้นท์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด

ซึ่งการร่วมมือในครั้งนี้ มีจุดมุ่งหมายสำคัญในการส่งเสริมการใช้รถยนต์ไฟฟ้าทั้งในประเทศไทยและกลุ่มประเทศอาเซียนที่ในปัจจุบันมีเเนวโน้มการขับขี่รถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ดังจะเห็นได้จากสถิติของกรมการขนส่งทางบก (ข้อมูล ณ วันที่ 30 มิ.ย. พ.ศ. 2563) ระบุจำนวนจดทะเบียน

  1. รถยานยนต์ไฟฟ้าสะสม BEV จำนวน 4,301 คัน
  2. HEV/PHEV จำนวน 167,767 คัน
  3. ส่วนสถานีอัดประจุไฟฟ้า มีจำนวน หัวจ่ายไฟฟ้ารวมกว่า 1,854  หัวจ่าย

ค่าไฟเริ่มต้น 2.6369 บาทต่อหน่วย

“ทางสมาคมฯ อยากเห็นผู้ขับขี่รถยนต์ไฟฟ้า ที่ไม่ว่าจะเป็น ยานยนต์ไฟฟ้าปลั๊กอิน -ไฮบริด (PHEV) และยานยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ (BEV)  ยี่ห้อต่างๆ หรือผู้ที่วางแผนอยากปรับเปลี่ยนมาใช้ รถยนต์ไฟฟ้าไร้มลพิษ เกิดความมั่นใจในการเข้าถึงสถานีชาร์จไฟฟ้าที่กระจายตัวอยู่ในที่สาธารณะได้มากขึ้น ภายใต้วัตถุประสงค์ 3 ข้อในการร่วมมือกันพัฒนาระบบการเชื่อมต่อการใช้สถานีอัดประจุไฟฟ้าข้ามเครือข่ายกับทางภาครัฐเเละภาคเอกชน หรือที่เรียกชื่อโครงการนี้ว่า Charging Consortium ได้เเก่

1. เพื่อให้ผู้ใช้ยานยนต์ไฟฟ้าสามารถใช้บริการอัดประจุไฟฟ้าได้ในทุกเครือข่ายฯ รวมไปถึงการมีระบบการให้บริการที่เป็นมาตรฐาน

2. เพื่อร่วมกันแสวงหาแนวทางในความร่วมมือให้ผู้ใช้ยานยนต์ไฟฟ้าสามารถใช้เครื่องมือ เช่น บัตร หรือ QR code โปรแกรม หรืออุปกรณ์อื่น ๆ เพื่อให้สามารถอัดประจุไฟฟ้าได้ข้ามเครือข่ายฯ โดยไม่จำกัดเฉพาะของเครือข่ายฯ ใดเครือข่ายฯหนึ่งเท่านั้น

3. เพื่อร่วมกันพัฒนาการเชื่อมโยงระบบ การชำระเงินค่าบริการจาก ผู้ใช้ยานยนต์ไฟฟ้าที่ใช้บริการต่างเครือข่ายฯ ที่สามารถบริหารจัดการทั้งรายรับและรายจ่ายให้กับเครือข่ายพันธมิตรทางธุรกิจได้ อย่างเป็นธรรม ผ่านบริการแอปพลิเคชันของสมาชิกในกลุ่ม Charging Consortium

ซึ่งในเรื่องนี้ ทางสมาคมฯขอขอบคุณ คณะกรรมการ กำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) และคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ที่มีมติเห็นชอบแนวทางการ กำหนดอัตราค่าไฟฟ้าสำหรับสถานีอัดประจุไฟฟ้าของยานยนต์ไฟฟ้า โดยใช้อัตราค่าไฟฟ้าแบบคงที่ตลอดทั้งวัน มีค่าเท่ากับอัตราค่า พลังงานไฟฟ้า ช่วงเวลา Off Peak ของผู้ใช้ไฟฟ้าเท่ากับ 2.6369 บาทต่อหน่วย (สำหรับแรงดันไฟฟ้าน้อยกว่า 22 kV) ตามเงื่อนไข การบริหารจัดการแบบ Low Priority เพื่อให้สามารถควบคุมการใช้ไฟฟ้าของสถานีอัดประจุไฟฟ้าได้ เมื่อมีข้อจำกัดด้านความจุ ไฟฟ้าของระบบจำหน่ายไฟฟ้า และเพื่อป้องกันไม่ให้มีผลกระทบต่อผู้ใช้ไฟฟ้ารายอื่นในภาพรวม”

นายกฤษฎา อุตตโมทย์ อุปนายกสมาคมฯ ด้านการส่งเสริมการใช้
รูป : นายกฤษฎา อุตตโมทย์ อุปนายกสมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย ด้านการส่งเสริมการใช้

100 สถานีใช้บัตรใบเดียว

“ ทางสมาคมฯ ได้จัดทำให้มีตราสัญลักษณ์ Charging Consortium ที่เป็นสัญลักษณ์ร่วมของกลุ่มพันธมิตรผู้ให้บริการ ตามสถานีอัดประจุไฟฟ้าทั่วประเทศกว่า 100 สถานี โดยจะเริ่มมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลของสถานีอัดประจุไฟฟ้าข้ามเครือข่ายใน ระยะแรก (พ.ศ.2563-2564) ที่มุ่งเพิ่มความสะดวกสบายให้แก่ผู้ขับขี่รถยนต์ไฟฟ้า

ในปัจจุบันค่ายรถยนต์บางยี่ห้อผลิตรถยนต์ไฟฟ้า ออกมาเเต่ยังไม่มีสถานีอัดประจุไฟฟ้าสาธารณะเป็นของตนเอง

การมีสัญลักษณ์ Charging Consortium จะทำให้ผู้ขับขี่รถยนต์ ไฟฟ้าจากทุกค่ายเกิดความมั่นใจในการเข้าถึงการชาร์จไฟฟ้าในที่สาธารณะได้สะดวกมากขึ้น โดยไม่ว่าผู้ขับขี่ต้องการจะจอดชาร์จไฟฟ้าที่ใด ผู้ขับขี่ก็จะสามารถชาร์จไฟฟ้าได้ทันที ไม่ขึ้นกับว่าผู้ใช้งานจะเป็นสมาชิกของเครือข่ายสถานีนั้นอยู่เดิมหรือไม่

นอกจากนี้ทางสมาคมฯ ยังได้ร่วมเป็นพันธมิตรกับองค์กรด้านยานยนต์ไฟฟ้าในกลุ่มประเทศอาเซียน ตัวอย่างเช่น

1. สมาคมยานยนต์ไฟฟ้าแห่ง เอเชียแปซิฟิก (Electric Vehicle Association of Asia Pacific หรือ EVAAP) 

2. สมาคมยานยนต์ไฟฟ้ามาเลเซีย (Electric Vehicle Association of Malaysia หรือ EVAM) 

3. สมาคมยานยนต์ไฟฟ้าฟิลิปปินส์ (Electric Vehicle Association of Philipines Philippines หรือ EVAP) เป็นต้น 

ซึ่งในอนาคต สมาคมฯ มีเเผนที่จะใช้โมเดลดังกล่าวตามโปรโตคอลการสื่อสารสากลนี้ เพื่อเชื่อมต่อระบบเข้ากับผู้ให้ บริการสถานีชาร์จในประเทศเพื่อนบ้านต่างๆ  เพื่ออำนวยความสะดวกกับผู้ขับขี่จากทุกประเทศที่ต้องการจะขับรถยนต์ไฟฟ้า พลังงานสะอาด เดินทางไปในประเทศในกลุ่มอาเซียนเหล่านี้ได้เช่นกัน”

นายสรรเพชญ ตั้งเสาวภาคย์ กรรมการเเละประธานกลุ่ม WG3 สมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย ประจำสมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย

หลังจากที่มีการลงนามบันทึกความเข้าใจ หรือ MOU ระหว่างสมาคมฯ กับองค์กรพันธมิตร ทางสมาคมฯจะเริ่มหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในด้านระบบการชำระเงินเพื่อทำให้สามารถรับชำระเงินได้ระหว่างเครือข่ายซึ่งคาดการณ์ว่าโมเดลการใช้งานสถานีอัดประจุไฟฟ้าข้ามเครือข่ายดังกล่าวนี้จะเเล้วเสร็จเเละพร้อมทดลองใช้งานภายในปี 2563 นี้

ที่มา : EVAT

BLINK DRIVE TAKE

สรุปใจความง่ายๆ เลยนะครับ เค้าจะทำ MoU ร่วมกันเพื่อยกระดับสถานีชาร์จไฟรถยนต์ไฟฟ้าทั่วประเทศไทยให้เป็นมาตราฐานเดียวกันคือบัตรใบเดียวใช้งานได้ทุกสถานีและสามารถเปิดให้ใช้บริการเพื่อเก็บเงินได้ภายในปี 2563

ผมหวังว่าการจับมือครั้งนี้จะเป็นการรวมตัวกันเพื่อไปต่อรองกับภาครัฐเพื่อลดกำแพง Demand Charge นี้ได้นะครับ

ณ ปัจจุบันนั้น สถานีชาร์จไฟที่ทุกท่านเห็นนั้นไม่สามารถเก็บเงินหรือทำรายได้ได้เลยนะครับ เพราะว่าตัว Demand Charge นี่แหละที่ทำให้ผู้ประกอบการไม่สามารถเปิดให้บริการได้อย่างที่ควรจะเป็นครับ

Demand Charge คืออะไร?

สรุปแบบชาวบ้านคือ ค่า Demand Charge เค้าจะคิดจากค่าความต้องการพลังงาน ของสถานีนั้นๆครับ และ การตั้งสถานีอัดประจุไฟฟ้าแบบเร็ว (DC Charging Staation) นั้น เค้าคิดให้อยู่ในการใช้ไฟฟ้าในระดับ กิจการขนาดกลาง (โปรดอย่าถามผมว่า มีที่มาอย่างไร ไม่ทราบครับ 5555)

ทีนี้ สถานีอัดประจุ เอิ่ม…พิมพ์ยาวจัง ขอเรียกว่า “สถานีชาร์จ” ละกันนะครับ ถูกติดตั้งในระบบไฟฟ้าแบบ 3 เฟส ดังนั้น จะเข้าข่ายในหัวข้อ 3.2.3 แรงดันต่ากว่า 12 กิโลโวลต์ จากตารางที่แสดงในภาพด้านบน (อันนี้ก็อย่าถามว่าคิดอย่างไร เพราะผมไปขอข้อมูลมาจากคนของการไฟ้าครับ) ซึ่ง อัตรารายเดือน อยู่ที่ 210 บาท/กิโลวัตต์ ตลอดกาลนานเทอญ

ซึ่ง ถ้าผมอยากตั้งสถานีชาร์จ เอาแบบบ้านๆที่มีแพร่หลายตอนนี้ ที่ 50 kW นั่นแปลว่า เอา 210 บาท * 50 kW = 10,500 บาท

แต่…….. ยังไม่ต้องรีบจ่ายครับ ยังต้องบวกต่ออีก

อ่าว บวกอะไรอีก นี่ก็ หมื่นกว่าบาทแล้วนะ ยังไม่มีลูกค้าสักคันเลย

ใช่ครับ ต้องเอา 10,500 บาทเนี่ย ไปบวกตัวเลขด้านขวาของตารางอีก แล้วยังมีค่าบริการรายเดือนอีก ตีซะเลขกลมๆ นี่แหละ 10,500 บาท คือค่าที่ผมต้องจ่ายรายเดือนประจำให้การไฟฟ้า สำหรับ สถานีชาร์จ ขนาด 50 kW

ยังครับ ยังมีอีก

จะมีค่าไฟเฉลี่ยที่ต้องจ่าย จะขอเรียกว่า “ค่าไฟการันตี” ละกันครับ ผมไม่รู้ว่าจริงๆเรียกอะไร อีก 70% ครับ

มันคืออะไร ?

สมมุตินะครับ สมมุติ ผมตัดสินใจยอมจ่าย 10,500 บาท ต่อเดือน เผื่อเสี่ยงดวงว่าจะมีคนมาชาร์จที่ตู้ผม

เดือนแรก คนเฮมาชาร์จ สมมตุว่า ผมมียอดตัวเลขขึ้นที่ มิเตอร์ 1000 หน่วย

แต่เดือนหน้า ไม่มีคนมาชาร์จเลย แปลว่า นอกจากจ่ายค่า Demand Charge 10,500 บาทแล้ว ผมยังต้องจ่าย ค่าไฟ 70% ของ 1000 หน่วย จากเดือนที่แล้วด้วย ทั้งที่ไม่มีรายได้เลย

อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว มีใครสนใจหุ้นกันเปิดสถานีชาร์จกันบ้างไหมครับ เริ่มเห็นใจ EA Anywhere ขึ้นมาทันทีเลย

นี่ก็เป็นอีกสาเหตุที่ คนที่จะลงทุนสถานีชาร์จ ก็อยากรอให้มีรถยนต์ไฟฟ้าในไทยเยอะๆก่อน ค่อยลงทุน

ส่วนค่ายรถยนต์เอง ก็รอว่า เมื่อไรจะมีสถานีชาร์จเยอะๆเสียที จะได้เอารถยนต์ไฟฟ้ามาขาย

ไอ้เรา คนอยากมีรถยนต์ไฟฟ้า ก็รอกันต่อไป นี่ยังไม่ได้พูดถึงเรื่องภาษีเลยนะเนี่ย

แต่ความหวังยังมีครับ รอว่าเมื่อไร ประกาศอย่างเป็นทางการ เรื่องการยกเลิก Demand Charge จะออกมาเสียที เมื่อนั้น ทาง ผู้ประกอบการที่ลงทุนตู้ไปแล้ว คงเร่งมือรีบเปิดบริการให้พวกเราชาว EV แน่นอนครับ

ที่มา : Captain DIY

Stay tune, stay with BLINK DRIVE

Follow by Email