สวัสดีครับ ชาว Blink Drive ทุกท่าน วันนี้ผมจะพาทุกท่านไปชมรถยนต์ไฟฟ้า Tesla Model 3 รุ่น Long Range ซึ่งได้ถูกใช้งานไปมากกว่า 100,000 ไมล์ หรือ 160,000 km ภายในระยะเวลาเพียง 2 ปี(ถือว่าเร็วมากๆ)
ประวัติรถยนต์ไฟฟ้า Tesla Model 3
เจ้าของรถท่านนี้ชื่อ Kris Westover (คริส เวสท์โอเวอร์) อาศัยอยู่รัฐอริโซน่าประเทศอเมริกา เค้าได้ตั้งชื่อรถคันนี้ว่า Whisper แปลว่า เสียงกระซิบ นั่นก็เพราะว่ารถยนต์ไฟฟ้า Tesla Model 3 นั้นเงียบมากๆ ทั้งเวลาใช้งานบนท้องถนนหรือจอดเฉยๆ เค้าก็เลยตั้งใจแบบนั้นแหละครับ
ซื้อรถคันนี้มาทำแท็กซี่(รับส่งคนไป 10,000 คนแล้ว)
คริสบอกว่า Tesla นั้นไม่ได้ห้ามเอารถมาใช้รับ-ส่งคนเหมือนรถ Hybrid บางรายที่ไทยนะครับ(ก่อนคุณซื้อรถลองถามเซลที่ขายรถดูก็ได้ครับว่า Hybrid ไม่ประกันแบตถ้าคุณเอารถมาขับ Grab หรือ Taxi นะครับ)
แต่ของ Tesla นั้นคุณสามารถใช้งานรถได้ตามสบายครับ ลูกค้าอยากเอารถมาใช้งานอะไรก็ตามใจ เพียงแค่อย่าเอาไปทำผิดกฏหมายก็พอครับ
คริสได้บอกว่าเค้าได้ใช้งานรถคันนี้ไปกับการทำ Uber/lyft มากกว่า 10,000 คน, เคยให้คนมา Test Drive (ทดลองขับ)รถของเค้ามากกว่า 100 คนแล้ว คริสบอกว่า ภูมิใจในรถคันนี้มากๆ ไม่รู้สึกเสียดายเงินซักดอลลาร์เดียวเลยที่เอามาใช้งานหนักแบบนี้ (ทนจริงๆครับ)
หมายเหตุ : รถยนต์ไฟฟ้า Tesla Model 3 รุ่น Long Range คันนี้จะมีราคาอยู่ที่ $48,990 หรือประมาณ 1.5 ล้านบาทครับ
ซ่อมอะไรไปบ้าง?
นี่เป็นคำถามยอดฮิตของคนที่ยังไม่เคยใช้รถยนต์ไฟฟ้าแหละครับ สงสัยว่ารถยนต์ไฟฟ้านั้นพังง่ายเหมือนรถยนต์น้ำมัน Hybrid กากๆ ไหมครับ (ผมย้ำว่ากากๆ เพราะผมและญาติผมก็ใช้ Hybrid เหมือนกัน บางรุ่นก็ดี เครื่องยนต์ชอบรวนตอนอากาศเย็นบ่อยๆ ส่วนของญาติผมนั้นไมล์รถยังไม่ถึง 70,000 km ก็ต้องเปลี่ยนแบตซะแล้วครับ)
1. แอร์เสีย – $1,000 หรือ 30,000
คริสได้บอกว่าเค้าต้องซ่อมคอมพ์แอร์(AC compressor) รถยนต์คันนี้ตอนประมาณ 90,000 ไมล์หรือ 144,000 km โดยได้ทำการเปลี่ยนจากศูนย์ Tesla โดยตรง เสียเงินไปทั้งหมด $1,000 หรือ 30,000 บาท
สาเหตุที่แอร์ของเค้าพังเร็วนั้นก็มาจากอากาศของรัฐอริโซน่าที่ร้อนมากกว่าไทยเสียอีก
โดยหน้าร้อนของรัฐนี้จะอยู่แถวๆ 41 องศาเซลเซียสนะครับ คริสบอกว่า ทำใจเอาไว้แล้วว่าแอร์ต้องพังเพราะใช้งานหนักมากแล้วก็เปิดแอร์ตลอดทั้งวัน ดังนั้นเค้าบอกว่า ถ้าเสียส่วนนี้เค้าก็รับได้
ปล. แอร์รถคันเก่าผมก็เคยพัง (Honda Civic 2008) เสียค่าซ่อมไปทั้งหมดประมาณ $700 หรือ 21,000 บาท ดังนั้นผมมองว่าค่าซ๋อมแอร์เพียง 30,000 บาทในอเมริกาถือว่าถูกอยู่ครับ
นอกเหนือจากนั้นก็ไม่ได้ซ่อมอะไรอีกเลยครับ แค่เปลี่ยนยางตามกำหนดเท่านั้นครับ
ใช้ไป 160,000 km, เปลี่ยนยางไปกี่รอบ?
คริสได้บอกว่า เค้าได้ทำการเปลี่ยนยางรถยนต์ไฟฟ้า Tesla Model 3 คันนี้ไปประมาณ 4 รอบแล้ว เฉลี่ยรอบในการเปลี่ยนยางก็จะอยู่แถวๆ 30,000 ไมล์(48,000 km ) โดยมีบางรอบเค้าได้เปลี่ยนยางก่อนกำหนดเพราะเผลอขับไปเหยียบของมีคมจนทำให้ยางรั่วเข้านะครับ
แบตเสื่อมหรือยัง?
เป็นคำถามโลกแตกและเป็นคำถามที่หลายคนชอบถามคนใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าและผมประจำว่า ระวังนะ ใช้รถยนต์ไฟฟ้าแบตเสื่อมขึ้นมาทำยังไง, เปลี่ยนไหวหรอ? ได้ข่าวมาว่า ไม่ทนนิ
ไม่ผิดนะครับ ที่คนไทยหลายคนจะเข้าใจว่ารถยนต์ไฟฟ้านั้นมีโอกาสที่แบตจะเสื่อมและพังเร็ว เพราะไอ่เจ้ารถยนต์น้ำมัน Hybrid มันทำชื่อเสียงเอาไว้แสบมากๆ รถ Hybrid ทุกรุ่นมันมีแบตที่เปราะบางมากๆ ทำให้คนเข้าใจว่ารถยนต์ไฟฟ้าก็จะมีแบตกากๆ เหมือน Hybrid เช่นกันซึ่งเป็นการเข้าใจผิดอย่างมหันต์เลยนะครับ เอาล่ะเรามาดูกันว่าขับไป 160,000 km แล้วแบตเสื่อมไปกี่เปอร์เซ็นต์กันนะครับ
หมายเหตุ : รถยนต์น้ำมัน Hybrid มีแบตเพียง 1.6 kWh (ทุกรุ่นครับ) ยกเว้น Plug-in ที่จะมีแบตตั้งแต่ 7.6 kWh ไปจนถึง 19 kWh เลยทีเดียว ส่วนรถยนต์ไฟฟ้า Tesla นั้นมีแบตแถวๆ 50- 70 kWh ต่อคันครับ แค่ความจุก็ต่างกันแบบ 50-60 เท่าตัวแล้วครับ ดังนั้นโอกาสแบตเสื่อมนั้นเป็นไปได้ยากมาก
เอาล่ะครับมาดูกันต่อว่า คริสเค้าใช้งานรถไปขนาดนี้ แบตจะเสื่อมไปเท่าไหร่กันนะครับ
คริสได้บอกกับผมว่า
She can still run about 290 miles on a full charge. (only ~7% degradation)
Kris Westover
หรือแปลความหมายว่า “รถคันนี้สามารถขับได้ไกลถึง 290 ไมล์ต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง(100 %) ซึ่งนั่นก็แปลว่าแบตเสื่อมไปเพียง 7 % เท่านั้นเอง(7 % degradation)
BLINK DRIVE TAKE
ผมคิดว่าการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าTesla Model 3 ให้ถึง 160,000 km หรือ 200,000 km นั้นกลายเป็นเรื่องธรรมดาในอเมริกาไปแล้วครับ เพราะรถยนต์ไฟฟ้า Tesla Model 3 นั้นมีระบบ TMS (Thermal Management System) หรือแปลอีกอย่างนึงว่าระบบควบคุมอุณหภูมิแบตซึ่งแบตเตอรี่ lithium-ion นั้นต้องอยู่ในอุณหภูมิที่เหมาะสมตลอดเวลาแหละครับ(ไม่เกิน 55 องศาเซลเซียส) ซึ่ง Tesla แก้ไขปัญหานี้ได้นานมากแล้วครับ
มีเพียงรถยนต์น้ำมัน Hybrid เท่านั้นที่ไม่มีระบบนี้ ทำให้แบตเหล่านั้นพังกันง่ายมากๆ ต่อให้กล้าประกัน 10 ปีกับไม่จำกัดระยะทาง แต่เป็นไปไม่ได้เลยที่รถยนต์น้ำมัน Hybrid จะสามารถขับได้ไกลถึง 200,000 km โดยไม่เปลี่ยนแบตหรือ service (รับบริการ)ใดๆครับ
แต่รถยนต์ไฟฟ้าคันนี้ของคุณ Kris นั้น ตั้งแต่เค้าซื้อมา เค้ายังไม่เคยได้เข้าศูนย์เพื่อซ่อมแบตหรือมอเตอร์เลยครับ เค้าแค่เข้าศูนย์ไปซ่อมแอร์รถเพียงเท่านั้น
แล้วคุณคิดว่ารถยนต์ไฟฟ้าในอีก 5 ปีข้างหน้าจะหน้าตาเป็นอย่างไร? และจะทนทานเหมือนรถยนต์ไฟฟ้าคันนี้หรือป่าวครับ?
แต่ผมรู้แน่ๆ ว่า Tesla Model 3 คันนี้จะถูกใช้งานไปถึง 900,000 km แน่นอนครับ เพราะนั่นเป็นเป้าหมายของเจ้าของรถคันนี้ แล้วผมจะนำเรื่องราวรถคันนี้มา update ให้อ่านอีกทีหลังจากรถคันนี้วิ่งครบ 900,000 km นะครับ (คาดว่าจะใช้เวลาอีก 4-5 ปีครับ)