Blink Blink
EV CarsTesla

Tesla Gigafactory 3 จีนเพิ่มกำลังผลิต 4,000 คันต่อสัปดาห์ภายในเดือนหน้า พร้อมคลอด Model Y จีน

โรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้า Tesla Gigafactory 3 เมืองเซี่ยงไฮ้นั้นตั้งอยู่ในเขตเสรีการค้า Lingang(หลิงอัง) หรือเรียกอีกอย่างว่า FTZ (Free Trade Zone)

150,000 คันต่อปี?

มาเดือนนี้(พฤษภาคม) เต๋าหลิน นักวิเคราะห์การขนส่ง(โลจิสติค)ของเทสล่าได้กล่าวว่า “Tesla Speed กำลังจะมาในเดือนหน้านี้และ Tesla จีนจะทำลายสถิติที่เคยสร้างเอาไว้ตั้งแต่สร้างโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้ามาเลยซึ่งนั่นก็คือเป้าหมายการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า Tesla Model 3 ให้ได้ 4,000 คันต่อสัปดาห์หรือ 16,000 คันต่อเดือนนั่นเอง โดยปลายปีนี้ยอดผลิตรถยนต์ไฟฟ้า Tesla จากโรงงานแห่งนี้จะอยู่ที่ 150,000 คันครับ”

รูปภาพ : รถ Supplier ลำเลียงของเข้าโรงงาน(ฝั่งซ้าย)และรถยนต์ไฟฟ้า Tesla Model 3 จอดเพื่อรอส่งมอบให้กับลูกค้า(ฝั่งขวา)

พร้อมคลอด Model Y ที่จีน

อีลอนเค้ามาประกาศที่จีน ณ วันที่ 7 มกราคม 2563 ที่ผ่านมาว่า “จีนจะได้รับสิทธิ์ในการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า Tesla Model Y แน่นอน”

ทาง Tesla เซี่ยงไฮ้ยังไม่ได้ให้ยืนยันว่าจะเริ่มผลิตรถยนต์ไฟฟ้า SUV Tesla Model Y เมื่อไหร่ แต่กำหนดการเดิมคือ ไตรมาสแรกปี 2021 หรืออีก 7 เดือนเท่านั้นเอง

รูปภาพ : Tesla Model Y ที่ประเทศอเมริกา

เฟส 2 ขึ้นแล้ว

อย่างไรก็ตาม Tesla Gigafactory 3 ไม่รอให้ COVID-19 จบก่อนนะครับ ตอนนี้เค้าเริ่มสร้างเฟส 2 ภายในโรงงาน Gigafactory 3 แล้วครับโดยเฟสสองนั้นมีขนาดใหญ่พอๆ กับเฟสหนึ่งเลยซึ่งน่าจะเป็นโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้า Tesla Model Y หรืออาจจะเป็นสถานที่เก็บแบตเตอรี่ก่อนผลิตก็เป็นได้ครับ

รูปภาพ การก่อสร้างเฟส 2 ณ โรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้า Tesla Gigafactory 3

ที่มา : electrek

BLINK DRIVE TAKE

ผมเชื่อว่าข่าวเรื่องการเปิดตัวโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในปีหน้าจะเป็นเรื่องน่าเบื่อมากๆ เพราะเล่นเปิดกันเยอะเหลือเกิน แต่แปลกใจมากๆ ที่ไทยไม่สนใจจะเปิดซักโรงงานเลย เพราะถ้า Tesla มีกำลังผลิตรวมกันถึง 2 ล้านคันต่อปีทั้งโลกเมื่อไหร่ ผมเชื่อว่า ตลาดรถยนต์จะไม่กลับมาเติบโตได้เหมือนเดิมแล้ว (จริงๆ ทุกวันนี้ ตลาดรถยนต์น้ำมันในอเมริกาหดตัวไปเกือบ 10 % แล้วจากตัวเลขปีที่แล้ว)

ผมยินดีนะครับที่จะเอาข้อมูลที่ผมได้ไปเขียนต่อหรือเผยแพร่ที่อื่น (อย่างน้อยของ Credit ให้ผู้เขียนก็ดีครับ) แต่ผมไม่ยินดีกับนักข่าวบางท่านที่เขียนเรื่องราวรถยนต์ไฟฟ้าโดยไม่รู้จริงหรือไม่มีที่มาที่ไป เพราะนั้นคือ Misleading data (การหลอกลวง) หรือ Plagirism (เอาผลงานของคนอื่นเป็นของตนเอง)ครับ

ผมมองว่าลูกหลานเราควรจะได้เรียนรู้จากข้อมูลที่ถูกต้องนะครับ การเขียนข่าวที่ดีควรจะมีที่มาที่ไป(Citation) ถ้าเขียนข่าวแบบใช้ opinion (ความคิดเห็นส่วนตัว)ตัวเองเขียน ต้องเขียนช่องว่า “นี่คือความเห็นส่วนตัว” หรืออย่างที่ Blink Drive ทำคือเขียนคำว่า BLINK DRIVE TAKE เสมอ เพื่อให้ผู้อ่านทราบว่า นี่คือความเห็นส่วนตัวของผู้เขียนครับ เพราะผู้อ่านจะได้รู้ว่าสิ่งนี้เป็นข้อเท็จจริงหรือความคิดเห็นครับ

ยิ่งผู้เขียนไปอยู่สื่อใหญ่แล้วทำตัวแบบนี้แล้ว อาจจะโดนผลกระทบตามมาทีหลังได้ครับเพราะเป็นการชักจูงความคิดผู้คนให้หลงผิด (ถ้าเป็นเรื่องจริง เค้าควรจะเอา Citation มาใส่ด้วยนะครับ ผมถึงจะเชื่อและยกย่องให้ครับ) คนเค้ารู้ความจริงทีหลังไม่เพียงผู้เขียนจะเสื่อมเสียแต่ค่ายสำนักข่าวนั้นก็จะถูก discredit (เสื่อมเสีย)ไปด้วยซะงั้น

ที่ผ่านมานั้น ผมเจอกระทู้ข่าวบางกระทู้เขียนข่าวแบบเอาฮา คือเขียนโจมตีรถยนต์ไฟฟ้าแต่ไม่มี Citation (บทความอ้างอิง) หรือเอาข้อมูลมาเปิดเผยเลย อารมณ์เหมือนเอาตัวเลขมาจากไหนก็ไม่รู้มาเต็มไปหมดเลยครับ

ผมจึงอยากฝากกระทู้นี้ให้ทุกท่านได้ศึกษาความจริงของโลกใบนี้ครับว่า มันกำลังหมุนเร็วกว่าที่เราคิดเอาไว้ และอยากให้ทุกคนแยกแยะให้ออกว่า สื่อไหนกำลังชักจูงให้คิดไปทางอื่นหรือสื่อไหนกำลังเสนอความจริงครับ(ดูจาก Citation ก็พอแล้วว่าได้มาหรือป่าว หรือได้มาจากไหน, ปีไหน)

ตัวอย่างที่ผมเจอคือ โจมตีว่ารถยนต์ไฟฟ้าขายไม่ดี, ข่าวเขียนในปี 2020 แต่ไปเอายอดขายต้นปี 2019 มาซะงั้น แทนที่จะเอายอดขายทั้งปี 2019 มาคุย แถมเ

Blink Drive ทำสื่อและบทความมาประมาณ 1-2 ปีแล้ว สิ่งหนึ่งที่ผมอยากให้ทุกคนทำคือเข้ามา Comment กันใน Facebook Page ตลอด ไม่ว่า Comment จะดีหรือไม่ดียังไงก็ตาม Blink Drive น้อมรับทุกคำติชมอย่างยินดีครับเพราะ Blink Drive จะได้นำข้อความเหล่านั้นไปหาความจริงจากต่างประเทศครับ

ยังไงก็ตามในกระทู้นี้ผมก็ขอฝากเอาไว้เท่านี้แหละครับ

Stay tune, stay with BLINK DRIVE

Follow by Email