ออดี้เตรียมออกรถยนต์ไฟฟ้าขนาดกลาง (mid-size SUV)มาแข่งกับรถยนต์ไฟฟ้า Tesla Model Y ภายในปีหน้านี้นะครับ เนื่องจากเหตุการณ์ Corona Virus ทำให้การขายที่ตั้งใจจะวางขายภายในปีนี้(2020) เลื่อนออกไปเป็นปีหน้า(2021) นะครับ
ขนาดของรถ
- ยาว 4,590 มม.
- กว้าง 1,900 มม.
- สูง 1,610 มม.
แบตและมอเตอร์
- แบตเตอรี่ 82 kWh
- ขับได้จริง 280 ไมล์(450 km) ตามมาตราฐาน WLTP
- มอเตอร์ขนาด 225 kW
- อัตราเร่ง 0-100 km/h ภายใน 6.3 วินาที
- Top Speed : 180 km/h (111 mph)
- ใช้เทคโนโลยี MEB platform (ลิขสิทธฺิ์ของ Volkswagen)
MEB platform
MEB platform หรือย่อมาจาก Modularer E-Antriebs-Baukasten หรือการสร้างรถยนต์ไฟฟ้าแบบโฟค สวาเกน คือ สร้างแบตและมอเตอร์ให้อยู่ใต้ห้องโดยสารทั้งหมดนี้ จะเป็นไพ่ตายของเครือ โฟค สวาเกน ได้แก่ Audi, SEAT, Škoda, Porsche, และ Volkswagen นั่นเองครับ
โดยเจ้า MEB platform นี้ออกแบบมาให้ง่ายต่อการสร้างและการซ่อมบำรุงครับ
ที่มา : slashgear
BLINK DRIVE TAKE
จริงๆ Audi เริ่มอ่า่นเกมส์ออกแล้วว่า ถ้าอยากขายรถยนต์ไฟฟ้าให้ได้ปริมาณเยอะๆ ก็เพียงหั่นราคาลงมาเท่านั้นเอง เพราะตัว E-tron นั้นมีค่าตัวเริ่มต้น $77,400 หรือ 2.3 ล้านบาท
Range (ระยะทางที่ขับได้จริง) 450 km นั้นกับรถราคา 1.4 ล้านบาทนั้นถือว่าไม่ธรรมดาเลยนะครับ เอาจริงๆ ถ้าเราลองเอารถคันนี้เข้าไปไทยโดยได้ภาษี FTA 0% ซึ่งใช้เส้นทางของจีนดู คุณคิดว่ารถคันนี้จะมีราคาโดดไปเท่าไหร่ครับ?
Audi คันนี้ผลิตที่ยุโรป แต่กลับกลายเป็นว่า สามารถขายที่อเมริกาโดยแทบไม่โดนกำแพงภาษีเลย หรือเรียกได้ว่า ขายราคาเท่ากับที่ยุโรปเลยครับ(ไม่ห่างกันเกิน 5 %) เพราะมันเป็นรถยนต์ไฟฟ้าหรือป่าว เค้ามองว่า รถยนต์ไฟฟ้าจะมาช่วยแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมกันด้วย ทำให้ได้อภิสิทธิ์มากมาย
ดังนั้นผมคิดว่า การตั้งกำแพงภาษีรถยนต์ไฟฟ้าจากต่างประเทศและไม่ยอมผลิตรถยนต์ไฟฟ้าให้คนไทยใช้ในระยะสั้นหรือยาวนั้นจะทำให้คนในเมืองหลวงสำลักฝุ่นควันตายกันหมดนะครับ
ปล. ผมย้ำว่ารถยนต์ไฟฟ้านะครับ ไม่ใช่ hybrid แบตก้อนล่ะ 0.8 kWh หรือ 1.2 kWh ที่เสียบปลั๊กก็ไม่ได้อ่ะครับ
ทุกคนคิดว่าอย่างไรครับ?