ข้อมูลชุดนี้ได้มาจาก California Auto Outlook report (ข้อมูลตรงจาก IHS Market)
ทำไมแคลิฟอร์เนียถึงมียอดขายเยอะที่สุด?
รัฐแคลิฟอร์เนียนั้นเป็นรัฐที่อยู่ทางฝั่งตะวันตกของอเมริกาซึ่งจะมีอากาศดีเกือบทั้งปี(ไม่หนาวและไม่ร้อนจนเกินไป) ส่วนสาเหตุที่รถยนต์ไฟฟ้าขายดีนั้นก็มาจากราคาน้ำมันที่โดนเก็บแพงกว่ารัฐอื่นๆ เพื่อเป็นการจูงใจให้คนทั่วไปหันไปใช้รถพลังงานทางเลือก
ยกตัวอย่าง ราคาน้ำมันในเมืองแอลเอ, รัฐแคลิฟอร์เนีย 3.15 เหรียญต่อแกลลอน หรือ 25 บาทต่อลิตร ราคาน้ำมันนั้นพอๆกับไทยเลย แต่ถ้ามาเปรียบเทียบกับรัฐอื่นๆ เช่น Texas(เท็กซัส) ซึ่งเป็นรัฐที่ผมอยู่นั้น ราคาน้ำมันที่นี่ตกอยู่ที่ 2.09 เหรียญต่อแกลลอน หรือ 16.6 บาทต่อลิตรครับ(ห่างกันเยอะอยู่นะ)
จริงๆแล้ว ไทยมาถูกทางแล้วครับที่ขึ้นราคาน้ำมันแพงกว่าประเทศเพื่อนบ้านทุกประเทศในเอเชีย(ยกเว้นสิงคโปร์)อย่างพม่านั้นน้ำมันลิตรล่ะ 16 บาทเหมือนเท็กซัสครับในขณะที่ไทย(ราคาวันที่ 25 ธันวาคม)นั้นอยู่ที่ 26.98 บาทต่อลิตรซะงั้น
ดังนั้นแล้ว ไทยควรจะเอาภาษีน้ำมันที่เก็บมาเกินนี้ไปโปะเป็นส่วนลดรถยนต์ไฟฟ้าเหมือนแคลิฟอร์เนียทำนะครับ
ห่างจาก Toyota Camry อยู่ 300 คัน
ใช่ครับ คุณอ่านไม่ผิดหรอก กลับไปดูที่กราฟใหม่ได้เลยครับว่า ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้า Tesla Model 3 นั้นตาม Camry มาติดๆ ห่างกันเพียง 300 คันเอง เชื่อว่า ถ้ายอดขายยังเป็นแบบนี้อยู่ ปีหน้าคุณอาจจะได้เห็นการสลับตำแหน่งระหว่างที่ 2 กับที่ 3 แน่นอนครับ เว้นแต่ว่า toyota จะเปลี่ยนไปขายรถยนต์ไฟฟ้า Toyota camry เนอะ อิๆ
ยี่ห้อ Tesla ขายดีจนได้อันดับ 6 ในรัฐ
ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้า Tesla ทุกรุ่นรวมๆ ในปี 2019 นี้(เฉพาะรัฐแคลิฟอร์เนีย)นั้นคว้าอันดับ 6 ในกลุ่มยานยนต์นะครับ มีคนคาดการณ์ว่า ปีหน้าจะมี Tesla Model Y ซึ่งเป็น SUV มาเสริมทัพ ดังนั้นยอดขายรถยนต์ Tesla ปีหน้าจะกระเถิบขึ้นไปแน่นอน เพราะยอดขาย SUV ในอเมริกานั้นมากกว่ารถเก๋ง sedan มานานแล้วครับ หรือเรียกได้ว่า ตลาดของ SUV นั้นใหญ่กว่าตลาดรถเก๋งครับ
Hybrid ไม่ใช่รถยนต์ไฟฟ้า
ในหมวดหมู่รถยนต์ไฟฟ้านั้น รัฐแคลิฟอร์เนียและทุกที่บนโลกจะจัดแบ่งสัดส่วนชัดเจนเลยว่า hybrid เป็นเพียงลูกผสม ดังนั้นยอดขายรถยนต์น้ำมัน hybrid จะไม่เอามารวมกับรถยนต์ไฟฟ้าเด็ดขาดครับ ตอนนี้มีประเทศเดียวในโลกที่จับยอดขายรถยนต์น้ำมัน hybrid มารวมกับรถยนต์ไฟฟ้า(ไม่ต้องบอกก็รู้เนอะ อิๆ)
โดยหมวดหมู่รถยนต์ไฟฟ้านั้นจะมีเพียง BEV (รถยนต์ไฟฟ้า 100 %) และรถยนต์ PHEV (รถยนต์ไฟฟ้า plug-in hybrid) ซึ่งถ้ามองดีๆแล้ว แค่รถยนต์ไฟฟ้าอย่างเดียวในปี 2018 ก็แซง hybrid ไปแล้วครับ ส่วนปี 2019 นั้น toyota ปรับแผนการณ์ผลิตนิดหน่อยคือ ปล่อยรุ่น hybrid ออกมาเยอะขึ้น ทำให้ยอดขาย hybrid นั้นออกมาเยอะกว่ารถยนต์ไฟฟ้าครับ แต่ถ้าเราเอายอดขายรถยนต์ PHEV เข้ามารวมกับรถยนต์ไฟฟ้า(BEV) เมื่อไหร่ก็จะเห็นทันทีว่าเยอะกว่า hybrid ครับ
ส่วนกราฟสีม่วง(ยอดขาย PHEV + BEV) โชว์อย่างเห็นได้ชัดว่า ยอดขายปี 2018 นั้นกระโดดขึ้นมาถึง 3 % ส่วนสาเหตุก็มาจาก Tesla Model 3 ประกาศขายปีนั้นยังไงละครับ ส่วนปี 2019 นั้นเติบโตมาเพียง 0.1 % เพราะโตโยต้าปรับแผนการณ์ผลิตให้มีรถยนต์น้ำมัน hybrid ในท้องตลาดมากยิ่งขึ้น เช่น Rav4 Hybrid, Corolla Hybrid,ฯลฯ ทั้งนี้ ทำไปเพื่อถ่วงเวลาไม่ให้ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าเติบโตห่างจาก hybrid จนเกินไปครับ เพราะถ้ายอดขายรถยนต์ไฟฟ้าเยอะเกิน hybrid จะกลายเป็นตัวแปรที่ทำให้คนหันมาสนใจรถยนต์ไฟฟ้ามากกว่า hybrid ในอนาคตครับ
มีการคาดการณ์จากเว็บ cleantechnica ว่า สิ้นปี 2019 นั้นสัดส่วนของ PHEV+BEV จะเติบโตถึง 10 % ภายในปีนี้ แต่การคาดการณ์นี้อาจจะผิด เพราะยอดขาย Hybrid นั้นสูงขึ้นมากกว่าปีที่แล้ว ด้วยเหตุผลที่ว่า ค่ายรถยนต์น้ำมันหันไปออกรุ่น hybrid เพื่อถ่วงเวลาในการเปลี่ยนถ่ายจากรถยนต์น้ำมันไปเป็นไฟฟ้าล้วนกันมากยิ่งขึ้น ลูกค้าที่กำลังวางแผนเพื่อซื้อรถยนต์น้ำมันอย่างเดียวก็เลือก option hybrid แทนเพราะประหยัดน้ำมันกว่ารุ่นน้ำมันธรรมดา ทั้งนี้ทั้งนั้น ยอดขายรถยนต์น้ำมันในปีนี้ของรัฐแคลิฟอร์เนียลดลงไปมากกว่าปีที่แล้วนะครับ
โดยรวมแล้ว ยอดจดทะเบียนรถยนต์ใหม่ในแคลิฟอร์เนียในปี 2019 นี้คาดการณ์ว่าจะอยู่ที่ 1.91 ล้านคัน ซึ่งลดลงไปจากปีที่แล้วถึง 4.5 % โดยแบ่งออกเป็นตลาดรถยนต์ขนาดเล็ก 5.1 % โดยที่ยอดขายรถยนต์ทั้งประเทศอเมริกาหดลง 0.7% เท่านั้น
ที่มา : cleantechnica
BLINK DRIVE TAKE
ถ้าดูยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าดีๆ นั้น เพียงแค่ 9 เดือนที่ผ่านมา ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าในรัฐแคลิฟอร์เนียมีมากถึง 78,776 คันซึ่งห่างจากยอดขาย 12 เดือนปีที่แล้วอยู่ 16,025 คัน ดังนั้นผมมองว่า ปีนี้ ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าน่าจะมีโอกาสมากกว่าปีที่แล้วแน่นอนครับ
หมายเหตุ : 1 ไตรมาสนั้นมี 3 เดือนซึ่งภายใน 3 เดือนนี้
ทั้งนี้ทั้งนั้น อะไรก็เกิดขึ้นได้ เพราะตอนนี้คนอเมริกามากกว่า 100,000 คนกำลังรอซื้อรถยนต์ไฟฟ้า Tesla Model Y กลางปีหน้ากันอยู่นะครับ ผมเลยมองว่า ปีหน้านั้นจะเป็นปีที่รถยนต์ไฟฟ้ากลับมาผงาดกว่าเดิมแน่นอนครับ และการขายรถยนต์น้ำมันจะเป็นสิ่งที่ยากขึ้นไปอีกในปีหน้ายัง
อย่าลืมครับ ตลาดรถยนต์ทั่วโลกหมุนตามประเทศใหญ่ๆ อย่างๆ อเมริกา, ยุโรป,และจีน ซึ่งประเทศเหล่านี้สนับสนุนรถยนต์ไฟฟ้ากันอย่างบ้าคลั่งไปแล้วครับ ดังนั้นเป็นไปไม่ได้เลยที่ไทยจะต้องเดินตามประเทศเหล่านี้
ยังไงก็เตรียมตัวรับการเปลี่ยนแปลงดีๆ นะครับ และผมเชื่อว่า ถ้าไทยยังไม่ยอมปรับตัวตามประเทศอื่นๆ แล้ว ปีหน้าจะมีเหตุการณ์ตกงานให้เห็นกันมากกว่านี้แน่นอนครับ
เห้ยรถยนต์ไฟฟ้ามันขายดีจนเรียกว่า ผลิตไม่ทันขายซักประเทศนะครับ ไทยไม่สนใจไปเชิญเค้ามาลงทุนบ้างหรอครับ?