สวัสดีครับ ชาว Blink Drive ทุกท่าน, วันนี้ผมได้มีโอกาสไปสัมภาษณ์พิเศษกับคุณตาม a.k.a. Bjørn Nyland ใน youtube และโลก อินเตอร์เน็ตนะครับ
เรื่องมันเริ่มจากสมาชิกในเพจผมบอกว่า คุณตามทำ youtube เกี่ยวกับภาษีรถยนต์ไฟฟ้าต่างๆ ที่นำเข้าไทย และก็แง้มบอกกับทุกคนผ่าน youtube อันนั้นด้วยครับว่า ถ้า tesla ยังอยากนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าโดยไม่โดนภาษีหนักๆจากประเทศไทย ก็แนะนำให้นำเข้าผ่านทางประเทศจีน คือ ผลิตที่โรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้า gigafactory3 ที่เซี่ยงไฮ้แล้วนำเข้าผ่าน FTA 0% เข้ามาครับ
หลังจากผมดูคลิปนั้นจบ ผมก็ลองพิมพ์ comment ไปว่า คลิปนี้เป็นคลิปน่าสนใจนะ, ผมแชร์ผ่าน page ผมไปแล้วล่ะ พวกเราน่าจะได้คุยกันบ้างนะ ผ่านไปประมาณ 10 นาที ปรากฏเค้าตอบผมกลับมาครับ โห!! ตื่นเต้นมากๆ ตอนเค้าทักผมมาใน facebook fanpage ฮ่าๆ ไม่นึกว่า เทพรถยนต์ไฟฟ้าในยุโรปจะตอบเรากลับมาครับ อิๆ หลังจากผมได้ยิงคำถามหลายชุดมากๆ สุดท้ายก็กลายมาเป็นบทความชิ้นนี้อย่างไรล่ะครับ
Bjørn Nyland คือใคร?
ถ้าในต่างประเทศนั้น ไม่ว่าจะเป็นอเมริกาหรือยุโรป ฝรั่งที่ใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าทุกคนจะรู้จักคุณ Bjørn Nyland เป็นอย่างดี แม้กระทั่งผมที่เป็นแฟนพันธ์แท้รถยนต์ไฟฟ้ามาช้านานก็ได้เห็นคลิปรีวิวรถยนต์ไฟฟ้าต่างๆ ของคุณBjørn Nyland มาอย่างมากมาย ความดังของเค้าในต่างประเทศก็คือ บรูโน่ มาร์สแห่งวงการรถยนต์ไฟฟ้าล่ะครับ ไม่ว่าเค้าจะไปเหยียบที่ไหนในประเทศอเมริกาหรือยุโรปนั้น ก็จะมีแต่ฝรั่งจำเค้าได้ครับ
In Norway, Europe or USA, I would be recognized on the streets almost daily. But in Thailand only one follower bumped into me at Big C in Chiang Mai after staying here for 1.5 months in total.
[แปล] ในประเทศนอร์เวย์, ทวีปยุโรป, หรือประเทศอเมริกา, ผมนั้นจะถูกทักเสมอเวลาออกไปเดินตามถนนต่างๆ แต่ในประเทศไทยนั้นมีแค่คนเดียวที่เดินมาทักผม ,เหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นที่ห้าง Big C , เชียงใหม่ หลังจากที่ผมอาศัยอยู่ไทยมามากกว่า เดือนครึ่ง
Bjørn Nyland
โดยคุณBjørn Nylandบอกผมทีหลังว่า คนที่มาทักคนนั้นคือชาวรัสเซียที่เกษียณแล้วมาใช้ชีวิตบั้นปลายในจังหวัดเชียงใหม่
คลิปนึงที่ติดตาผมเลยก็คือ คลิปที่คุณ Bjørn Nyland เอารถยนต์ไฟฟ้า Tesla Model X มาขับขึ้นทางชันแข่งกับรถ SUV สุดแกร่งอย่าง Hummer(ฮัมเมอร์)
หรือคลิปที่คุณ Bjørn Nyland เอา Tesla Model S P85D มาขับทำลายสถิติโลกจนได้รับการบันทึกจากหนังสือ กินเนสบุ๊ค (Guinness World Records) ว่าเป็นชายคนแรกของโลกที่สามารถเอารถยนต์ไฟฟ้า Tesla มาขับได้ไกลถึง 728.7 km ต่อการชาร์จ 1 ครั้งสำเร็จในปี 2015 (2558)
ผมลองเอาข้อมูลในเว็บนี้ซึ่งขอบอกเอาไว้เลยว่า teslarati นั้นเป็นเว็บรถยนต์ไฟฟ้าที่ติด Top 3 ของโลกนะครับ ลองดูสิครับว่า รายชื่อบทความเกี่ยวกับคุณ Bjørn Nyland นั้นเยอะกว่าคนอื่นๆ จริงๆครับ
ส่วนวีรกรรมอีกอันนึงที่ คุณ Bjørn Nyland ทำเอาไว้ให้โลกจดจำคือ เอารถยนต์ไฟฟ้า Tesla Model 3 ของตนเองมาขับทางไกลเป็นระยะเวลา 24 ชั่วโมงครับ โดยแบตหมดตรงไหนก็ชาร์จตรงนั้น เพื่อทดสอบความอึดของรถยนต์ไฟฟ้า Tesla Model 3 ว่าเวลาใช้งานจริงนั้นจะชาร์จช้าไหม หรืองอแงอะไรบ้าง ปรากฏว่า วิ่งได้ไกลถึง 2,781 km ภายในระยะเวลา 24 ชั่วโมงครับ ขึ้นแท่น world record (แชมป์การวิ่งไกล) ไปอีกหนึ่งรายการครับ
บอกตามตรงอีกรอบครับ ผมไม่นึกว่า คนระดับโลกของคุณ Bjørn Nyland นั้นจะอนุญาตให้ผมได้เข้าไปสัมภาษณ์แบบถึงพริกถึงขิงแบบนี้ครับ แถมเพจผมยังเป็นเพจแรกของประเทศไทยที่ได้มีโอกาสไปสัมภาษณ์เค้าด้วยนะครับ เอาละมาดูบทสัมภาษณ์กันต่อดีกว่าว่า เค้าเป็นใคร, และมาทำอะไรในประเทศไทยกันครับ
Bjørn Nyland ขับรถอะไรบ้าง?
I am a full time YouTuber. My channel has 166k subscribers and I mainly make videos about EVs. In Norway where I live, I own a Tesla Model 3 Performance. And in Thailand where I was born, I own a MG ZS EV. My first EV was a Tesla Model S P85 that I bought in 2013. I have since then driven about 500,000 km electric. In the beginning, my YouTube channel was smaller and I made videos on a smaller basis. Back then I was working as a programmer. Eventually in 2017, I decided to quit my office job and go full time with YouTube.
Bjørn Nyland
แปลบทสัมภาษณ์ภาษาอังกฤษด้านล่างตรงนี้
ผมเป็น Youtuber คนนึงที่ทำแบบ Full-time(เต็มตัว) โดย youtube channel ของผมนั้นมียอด subscribe (ณ วันที่ 18 ธันวาคม 2562)อยู่ที่ 166,000 คน วิดีโอส่วนใหญ่ใน channel ของผมนั้นจะเกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้า(EVs)ครับ
ตอนผมอยู่ที่ประเทศนอร์เวย์นั้น ผมใช้งาน Tesla Model 3 รุ่น Performance เป็นหลักครับ
ส่วนรถยนต์ไฟฟ้าคันแรกที่ผมเป็นเจ้าของนั้นก็คือ Tesla Model S P85 ซึ่งซื้อมาใช้ในปี 2013 (2556) [วันที่ 26 พฤศจิกายน 2556] หลังจากได้รถยนต์ไฟฟ้าคันนี้มาแล้ว เค้าก็ขับจากเมือง ออสโล่(oslo) ไปยังเมือง Trondheim ซึ่งเป็นระยะทาง 535 km ทันทีเลยครับ
อีกคันคือ Tesla Model X ซึ่งคันนี้ คุณ Bjørn Nyland ไม่ได้ซื้อมานะครับ แต่ถูกรางวัลreference จาก Tesla ครับ โดย Tesla กำหนดเอาไว้ว่า ใครก็ตามที่สามารถแนะนำให้คนใช้งาน reference code (อารมณ์เหมือนเชียร์ให้คนไปซื้อรถยนต์ไฟฟ้ามาขับโดยเอา code ของเราไปซื้อรถ) ครบ 10 คนในปี 2015 ซึ่งเป็นปีที่ tesla เพิ่งทำการเปิดตลาดใหม่ๆ ในยุโรปครับ การจะบอกให้คน 10 คนไปซื้อรถยนต์ไฟฟ้าในสมัยนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะครับ ดังนั้น พอคุณ Bjørn Nyland ทำได้ครบตามสัญญาแล้ว Tesla ก็ทำการส่งรถยนต์ไฟฟ้า Tesla Model X รุ่น P90D ซึ่งเป็นตัว Top สุดของ Tesla ในสมัยนั้นมายังบ้านคุณ Bjørn Nyland ยังไงละครับ
พอผมทราบเรื่องที่แกได้รับรถยนต์ไฟฟ้า tesla model x มาจากรายการ reference code แล้วผมก็ยิงคำถามต่อเลยว่าแล้ว roadster ล่ะ ผมได้ข่าวมาเหมือนกันว่า ใครก็ตามที่แนะนำให้คนไปซื้อรถยนต์ไฟฟ้าโดยให้ผู้ติดตามใช้งาน reference code ของคนๆ นั้นจะสามารถเอา reference code ไปแลกรับรถยนต์ไฟฟ้า Tesla Roadster ได้นะ
“รถยนต์ไฟฟ้า Tesla Roadster นั้นเป็นการแข่งขันรอบถัดมาจาก Tesla Model X แล้ว ซึ่ง 1 reference code (การแนะนำให้คนไปซื้อรถยนต์ไฟฟ้าภายใต้ code ของเรา)จะสามารถนำไปใช้งานเป็นส่วนลดรถยนต์ไฟฟ้า Tesla Roadster ได้ถึง 2 % หรือแปลว่าถ้าเราแนะนำคนได้ถึง 50 คน, ก็รับรถยนต์ไฟฟ้า Tesla Roadster ไปขับฟรีๆเลย, ส่วนผมนั้น คงมีคนนำ code ผมไปใช้ค่อนข้างหลายคนมั้งครับ ตอนนี้ผมชนะรางวัลมา 2 คันแล้ว” คุณ Bjørn Nyland บอกอีกว่า รถยนต์ไฟฟ้า Tesla Roadster 2 คันนี้จะมาถึงบ้านคุณ Bjørn Nyland ในปี 2021 – 2022
เห้ย!! ผมทึ่งไปเลยครับ เอาจริงๆว่า ชาว youtuber อเมริกาหลายท่านยังได้เพียงคันเดียวเท่านั้นครับ ไม่มีใครสามารถเอาชนะรางวัลได้มากถึง 2 คันติดต่อกันเลยครับ โหดจริงๆครับ
ส่วนรถยนต์ไฟฟ้าคันล่าสุดที่พึ่งซื้อมาหมาดๆ เลยก็คือ MG ZS EV ครับ โดยคันนี้ คุณBjørn Nyland เพิ่งซื้อมาไม่ถึง 1 เดือนเลยครับ
“ผมเคยขับรถยนต์ไฟฟ้ามาทั้งหมดรวมๆกันน่าจะประมาณ 500,000 km แล้วครับ ตอนผมเริ่มทำ youtube channel นั้นโดยทำเป็นงานอดิเรกแต่เพียงเท่านั้น ผมเริ่มจากการทำวิดีโอแบบสั้นๆ ง่ายๆก่อนนะครับ ตอนนั้นผมยังทำงานเป็นโปรแกรมเมอร์อยู่แหละครับ แต่ในที่สุด(ปี 2017 หรือ 2560) ผมก็ตัดสินใจลาออกจากงานประจำและลุยทำ youtube แบบเต็มตัวครับผม” คุณตาม (Bjørn Nyland) ได้ให้สัมภาษณ์กับ Blink Drive เอาไว้
คุณซื้อ MG ZS EV ด้วยหรอ?
“ใช่ครับ ผมจ่ายเงินซื้อรถคันนี้ไปประมาณ 1.16 ล้านบาท โดยได้รับส่วนลด 30,000 บาทเพิ่มทีหลัง ตอนนี้ผมขับไปได้ประมาณ 1,000 km แล้ว รถคันนี้มาพร้อมประกันไม่จำกัดระยะทางภายใน 8 ปี ซึ่งตั้งแต่ผมซื้อมายังไม่เจอปัญหาอะไรทั้งสิ้น (รวมไปถึงปัญหา battery 12 โวล์ทที่มีแต่คนพูดถึงอีกด้วย)” คุณตามยังกล่าวอีกว่าเพื่อนๆ ของเค้าก็ใช้งาน MG ZS EV เหมือนกัน หลังจากที่ทำการ update software ไปแล้ว ปัญหาเรื่องแบต 12 volts (ชอบไฟหมด)ก็ไม่ตามมารังควานอีกเลย ส่วนอีกท่านนึงซึ่งเป็นเพื่อนของคุณตามที่ไทย, Captain DIY หรือคุณดลก็ได้รับการเปลี่ยน hardware ไปแล้ว จากนั้นก็ไม่มีปัญหาเรื่องแบต 12 volt อีกเลย
ปล. ผมมีบทสัมภาษณ์คุณดลหรือ captain D.I.Y. เป็นภาษาอังกฤษด้วยนะครับ สำหรับใครสนใจเรื่องราวของคุณดลก็ติดตามได้ที่โพส : The first EV with longest round trip, Bangkok to ChiangMai in 4 days.
คุณตามกล่าวทิ้งท้ายว่า “ตอนนี้ผมมาไทยเพียงพักผ่อน (vacation) น่ะครับ ส่วนรถยนต์ไฟฟ้าที่ซื้อมานั้นก็ซื้อมาให้ครอบครัวภรรยา(คุณ แอม)ที่เชียงดาวใช้งานแทนรถคันเก่าครับ”
ปัญหาแบต 12 Volts คืออะไร?
นี่เป็นปัญหาคู่กับรถยนต์ไฟฟ้า MG ZS EV มาตั้งแต่เริ่มขายกันเลยนะครับ
ปัญหาหลักๆคือ ระบบ ismart หรือ mobile app ของรถยนต์ไฟฟ้าคันนี้จะดึงไฟจากแบต 12 Volts มาใช้ในการส่งข้อมูลกลับไปยังศูนย์แม่ผ่าน internet ของรถ ซึ่งยิ่งเราปล่อยรถทิ้งเอาไว้(ไม่ยอมชาร์จรถ)นานเท่าไหร่ แบตก็ยิ่งถูกดึงไปใช้มากยิ่งขึ้น หรือถ้าเราขยันเปิด app ismart เพื่อเชคสถานะของรถยนต์ไฟฟ้าบ่อยๆ แบต 12 volts ตัวนี้ก็จะถูกดึงไปใช้เรื่อยๆ แหละครับ จนนานเข้าแบตก็จะหมดครับผม
MG คงคิดว่า คนที่ซื้อ ZS EV ไปก็คงเอาไปชาร์จไฟตอนกลางคืนกันทุกคืนกระมั้ง ดังนั้นเวลาชาร์จไฟ แบต 12 volt ก็จะถูกชาร์จไปด้วยครับแบต 12 volts เลยไม่หมด ซึ่งมันไม่ถูกต้องครับ จริงๆแล้วถ้า แบต 12 volts อยู่ในสภาพใกล้หมดนั้น ระบบของรถต้องสั่งการจ่ายไฟจากแบตก้อนใหญ่ของรถ(EV battery) ไปยังแบต 12 volts ครับ ซึ่งรถยนต์ไฟฟ้าค่ายดังระดับโลกอย่าง tesla ก็ทำแบบนี้
วิธีแก้ไข : คุณตามบอกว่า ถ้ารถคันไหนยังประสบปัญหานี้ พอรู้ว่าเราต้องไปต่างจังหวัดเป็นเวลานานๆ เราก็แค่ remote สั่งการผ่าน iSmart App เข้ามายังตัวรถและทำการเปิดแอร์รถเป็นระยะเวลาสั้นๆ 2-3 นาที แค่นี้ แบต 12 volts ก็จะถูกชาร์จไฟ(จากแบตก้อนใหญ่)กลับเข้าไปเหมือนเดิมครับ
ผมเชื่อว่า ปัญหาทุกอย่างบนโลกนั้นมีทางแก้ไขตลอดครับ ดังนั้นถ้าเราพยายามแก้ไขมันจริงๆ แล้วล่ะก็ ปัญหาจะกลายเป็นโอกาสและทำเงินให้เราแบบที่คุณตาม upload ข้อมูลเหล่านี้ลง youtube ยังไงละครับ
คิดว่า Tesla Model 3 กับ MG ZS EV นั้นมีความคล้ายคลึงกันอย่างไรบ้าง?
“ผมนั้นเคยขับรถยนต์ไฟฟ้า Tesla Model 3 รุ่น Performance มาประมาณ 8 เดือนโดยใช้งานไปทั้งหมดถึง 43,000 km สิ่งนึงที่ Model 3 และ ZS EV มีเหมือนกันคือ ระบบ advance mobile app (ฝั่ง tesla จะเรียกว่า Tesla apps, ส่วนฝั่ง MG ZS EV จะเรียกว่า iSmart) และอีกอย่างที่ MG ZS EV ใส่เข้ามาคือ ระบบ liquid cooled battery ซึ่งเป็นระบบระบายความร้อนให้แก่แบตอย่างที่ tesla และรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่มีนะครับ” คุณตามกล่าวเอาไว้
ผมขอเสริมนิดนึงเกี่ยวกับเรื่องระบบ liquid cooled battery, รู้ไหมครับว่า แม้กระทั่ง nissan leaf หรือ hyundai ioniq นั้นยังไม่ใส่ระบบนี้มาให้เลย การระบายความร้อนของรถยนต์ไฟฟ้า 2 คันนี้ใช้พัดลมเป่าแบตแบบ prius ซึ่งเป็นระบบเดียวกันกับ hybrid ทั่วไป
ระบบ liquid cooled battery มันจะเหมือนการเดินท่อแอร์ไปตามรังแบตแล้วทำการถ่ายความร้อนโดยตรงใครคิดไม่ออกผมมีรูปแนบมาให้ดูด้วยนะครับ
“ลึกๆแล้ว ยังไง Tesla Model 3 ก็ยังเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่มีเทคโนโลยีล้ำสมัยที่สุดในโลก ณ ขณะนี้(ปี 2562) ส่วนเรื่องความแรง(performance)นั้นก็ทิ้งห่างรถ section เดียวกันหมดทุกรุ่น แม้ว่า รถยนต์ไฟฟ้า MG ZS EV ให้ความรู้สึกที่แรงกว่ารถยนต์น้ำมัน(fossil car) แต่ความแรงเหล่านั้นยังไม่สามารถเทียบกับ Tesla Model 3 ที่อยู่ในระดับชั้น sports car ได้จริงๆแหละครับ, ส่วนเรื่อง Autopilot นั้น ขอบอกตามตรงว่า Tesla ทำออกมาได้ smooth(สมู๊ท)กว่าและ U.I. (User Interface) ก็ทำออกมาได้ดีกว่า ส่วนเรื่องประหยัดพลังงานในการขับนั้นก็ทำออกมาได้ดีเช่นกัน” คุณตามกล่าวเอาไว้
“แต่ MG ZS EV นั้นก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ดีกว่า Tesla Model 3 ทั้งหมดนะครับ ผมชอบ MG ZS EV เรื่องพื้นที่ความจุที่ให้มาครับ แถมปุ่มกดต่างๆ นั้นก็ล้ำสมัยและใช้งานง่ายกว่ารถทั่วไปอย่างมาก อีกหนึ่งเรื่องที่ผมชอบมากๆ คือ voice command ของ MG ZS EV ที่แม้กระทั่ง Tesla Model 3 ก็ยังไม่มีระบบนี้ครับ” คุณตามบอกว่าชอบระบบการสั่งงานด้วยเสียงของ MG ZS EV มากๆ เช่น สั่งเปิด-ปิด sunroof ซึ่งสะดวกต่อการใช้งานในชีวิตประจำวันเป็นอย่างมาก” คุณตามให้สัมภาษณ์กับทาง Blink Drive เอาไว้
วางแผนจะย้ายมาอยู่ไทยแล้วหรอ?
“ผมพบว่า ปี 2019 นี้ เชียงใหม่นั้นเต็มไปด้วยสถานีชาร์จไฟอย่างที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อนเลย เรียกได้ว่า ผุดออกมาเป็นดอกเห็ดเลยครับ, ที่ผมทึ่งไปกว่านั้นคือ เชียงใหม่มีสถานีชาร์จไฟเร็วขนาด 50 kW DC อยู่ 2 สถานี ส่วนห้างสรรพสินค้าอย่าง Central Festival ก็ได้ทำการติดตั้งสถานีชาร์จไฟประเภท AC เพื่อให้บริการชาร์จไฟฟรีแก่ลูกค้าที่ใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าแล้ว เอาจริงๆนะครับ การใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยนั้นต่างจากต่างประเทศอยู่มาก ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าในระยะทางใกล้ๆ ส่วนการเดินทางไกลนั้น คนไทยจะทำกันเฉพาะวันหยุดเป็นหลักครับ
ในอนาคตอันใกล้นี้ผมคงจะซื้อบ้านซักหลังในเชียงใหม่พร้อมกับติดตั้ง home charger ซึ่งจะทำให้ผมไม่ต้องกังวลเรื่องชาร์จไฟนอกบ้านอีกแล้ว ณ ปัจจุบันนี้ สถานีชาร์จไฟในประเทศไทยกำลังพัฒนาไปในทิศทางที่ดีมากแล้ว ประเทศไทยในวันนี้(2019)นั้นเทียบเท่ากับประเทศนอร์เวย์ในปี 2013 ตอนนั้น นอร์เวย์ก็ประสบปัญหาเรื่องสถานีชาร์จไฟนอกบ้านเช่นกัน “
คุณตามให้กล่าวเอาไว้
ส่วนใครอยากรู้จักคุณตาม(Bjørn Nyland) และภรรยาของเค้าเป็นการส่วนตัวก็เชิญชมคลิปนี้ได้เลยนะครับ เค้าได้ทำการอธิบายชีวิตคร่าวๆ ของเค้าเอาไว้ใน youtube channel : Teslabjorn Thai
วางแผนทำไรบ้างกับช่อง Teslabjorn Thai
“ตอนนี้ผมเหลือเวลาอยู่ไทยประมาณอีกแค่ 1 อาทิตย์เท่านั้น” คุณตามบอกต่ออีกว่า “ผมคงนำเจ้า MG ZS EV คันนี้ไปบุกดอยอินทนนท์(ยอดเขาที่สูงที่สุดในไทย) , ขับไปเที่ยวปาย, และก็ไปแม่สาย, จังหวัดเชียงรายต่อ” เนื่องจากเวลาเหลือน้อยแล้ว เค้าเลยตัดทริปที่ต้องขับไป กทม. ออกไปนะครับ
BLINK DRIVE TAKE
คุณเป็นคนเป็นกันเองมากๆ ถามอะไรไปตอบกลับมาหมดเลย เรียกว่า ปล่อยของมาแบบไม่กั๊กจริงๆ ครับ และก็นับถือในความพยายามของเค้าจริงๆครับที่พยายามจะมาสร้างฐานข้อมูลเป็นภาษาไทยใน youtube channel : Teslabjorn Thai ให้แก่สังคมไทย บอกตามตรงครับว่า youtube channel ของเค้าจะเป็นตำนานในไทยในไม่ช้า ใครก็ตามที่ใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าก็ควรจะ subscribe และ follow content(ติดตามข่าวสาร)เค้าเอาไว้ให้แน่นๆ นะครับ
ท่านนี้เป็นกูรูที่ฝรั่งทั่วโลกยอมรับมากๆ ครับ และเค้าเป็นคนถ่อมตัวมากๆ ไม่ได้มองว่า ตัวเองเป็นคนดังแล้วจะไม่ให้ความสนใจกับเพจผมหรือคนอื่นที่มีคำถามยิงมาหาเค้าครับ บอกตามตรงครับ Blink Drive Respect จากใจครับ
