ภาพด้านบนที่ทุกท่านเห็นนี้เป็นภาพรายงานยอดขายรถยนต์ในอเมริกา ณ เดือนพฤศจิกายน 2562 ที่ผ่านมาครับ จะเห็นได้ว่า ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้า Tesla Model 3 นั้นยังทรงตัวมากกว่า 10,000 คันต่อเดือน ทุกคนอาจจะมองว่า ยอดขายอันดับ 9 นี้ก็เหมือนจะหลุด Top 10 ในประเทศแล้วนะ แต่อย่าลืมนะครับว่า ในบรรดารถยนต์ที่ขายดีที่สุดทั้งหมด 20 อันดับของอเมริกานั้น Tesla Model 3 ราคาแพงสุดนะครับ(นี่ขนาดแพงสุดแล้วนะครับ ราคาแค่ 1.2 ล้านบาทเอง แต่พอเข้าไทยเท่านั้น ราคาโดดไปเท่ากับราคาคอนโดใน กทม. เลยครับ)
ส่วนภาพด้านบนนี้เป็นยอดขายรถยนต์ทั้งหมด 20 อันดับโดยรวบรวมมาตั้งแต่เดือนมกราคมถึงเดือนพฤศจิกายนครับ ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้า Tesla Model 3 นั้นโดยรถยนต์ญี่ปุ่นทิ้งห่างหมดเลย เนื่องมาจากที่รถยนต์ไฟฟ้า Tesla Model 3 นั้นอยู่ใน section ของรถหรู(luxury car) ทำให้ราคาขายค่อนข้างสูงกว่าคู่แข่ง ดังนั้น ถ้าเราจะเปรียบเทียบยอดขายรถยนต์กันจริงๆ แล้วหน้าตามันจะออกมาอย่างด้านล่างนี้ครับ
รูปภาพด้านบนนี้เป็นรูปภาพแสดงยอดขายรถหรูของอเมริกาตั้งแต่เดือนมกราคมถึงเดือนพฤศจิกายน 2562 ซึ่งอย่างที่เห็นคือ Tesla Model 3 นั้นทิ้งห่างคู่แข่งใน section รถหรูทั้งหมดอย่างต่ำ 3 เท่าครับ
อย่างไรก็ตาม ราคาขายรถยนต์ไฟฟ้า Tesla Model 3 แพงในสายตาคนอเมริกาก็จริง แต่ราคาขายมือสองนั้นไม่ตกแต่อย่างใด เรียกว่า ซื้อรถมาใช้ปีเดียวขายต่อก็ยังไม่ขาดทุนมากครับ ทำให้มีคนคาดการณ์ว่า ตลาดรถยนต์มือสองของอเมริกาภายใน 3-5 ปีหลังจากนี้จะเปลี่ยนแปลงไปเยอะมากๆ ยกตัวอย่าง tesla model 3 ปี 2018 ที่ถูกใช้งานมาถึง 1 ปีกว่าๆ ราคาขาย $48,989 (1.46 ล้านบาท) ราคาหายไป 4 % จากราคาป้ายซึ่งรถญี่ปุ่นยังไม่สามารถทำแบบนี้ได้เลย
ปล. Tesla Model 3 ตัว long range ปัจจุบันนั้นอยู่ที่ $50,990 หรือห่างกันประมาณ $2,000 (ลดลงไปเพียง 4% จากราคามือหนึ่ง)
ทำให้หลายฝั่งคาดการณ์กันว่า ตลาดรถยนต์ไฟฟ้ามือสองของเทสล่านั้นจะคึกคักหลังปี 2019 เป็นต้นไปครับ
ที่มา : cleantechnica
BLINK DRIVE TAKE
ผมไม่แปลกใจนะครับ ที่ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้า Tesla Model 3 จะตกลงมาจากปีที่แล้วที่อันดับ 5 ลงมาเป็นอันดับ 9 เพราะปีที่แล้วนั้นเจอยอดจองไป 350,000 ใบทำให้เกิด demand ที่มหาศาลเกินกว่าที่ควรจะเป็น
หลังจากกลางปี 2019 มาแล้ว ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้า Tesla model 3 นั้นกลับมาเป็นปกติแล้วครับ คือ วิ่งเฉลี่ยอยุ่ที่ 10,000 คันต่อเดือนครับ
ในความเห็นส่วนตัวของผมคือ รถยนต์ไฟฟ้าไม่สามารถเข้ามาแทนที่รถยนต์น้ำมันภายใน 5-10 ปีนี้ได้แน่นอน ดังนั้น รัฐบาลไทยหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรเปิดใจให้รถยนต์ไฟฟ้า Tesla หรือรถยนต์ไฟฟ้าอื่นๆได้เข้ามาขายในไทยอย่างที่ไม่ต้องโดนกำแพงภาษีมหาศาลจนทำให้รถยนต์ไฟฟ้า tesla model 3 คันล่ะ 1.2 ล้านบาทไทย โดดไปเป็น 4 ล้านบาทหรอกครับ หรือเรียกอีกอย่างว่า ให้รถยนต์ไฟฟ้ายี่ห้ออื่นๆ เช่น tesla ได้มีที่ยืนในไทยบ้างครับ
ผมมองว่า ต่อให้ปล่อยให้ tesla มาทำตลาดขายรถยนต์ไฟฟ้าในบ้านเราในราคา 2-3 ล้านบาท(แพงว่าอเมริกา 2 เท่า) คนไทยทุกคนก็ไม่ได้หันไม่ใช้รถยนต์ไฟฟ้าทั้งเมืองแน่นอน
ดังนั้น เรื่องที่รถยนต์ไฟฟ้าเข้ามาไทยแล้ว ทำให้คนไทยในภาคอุตสาหกรรมตกงานกันทุกคนนั้นเป็นเรี่องตลกครับหรือแปลอีกอย่างว่า เป็นไปไม่ได้เลย อย่างน้อยต้องใช้เวลา 10 ปีครับ
จริงใจแล้ว ผมคิดว่า ผู้ใหญ่ในบ้านเมืองเราควรจะพิจารณากราฟเหล่านี้และวางแผนกันใหม่เถอะครับ เพราะมันเป็นไปไม่ได้เลยที่ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าจะทะลุยอดขายรถยนต์น้ำมันครับ ต่อให้ปล่อยขายอิสระอย่างอเมริกายังทำไม่ได้เลย ดังนั้นการลดกำแพงภาษีรถยนต์ไฟฟ้าให้ลงมาต่ำกว่านี้เพื่อให้รถยนต์ไฟฟ้า tesla model 3 นั้นสามารถขายได้คันล่ะ 2-3 ล้านบาท(ราคานี้ก็แพงกว่าอเมริกาถึง 200 %แล้วครับ) ก็เป็นเรื่องที่ดีกับสังคมไทยนะครับ
เพราะรถยนต์ไฟฟ้านั้นลดฝุ่นได้จริงๆ อย่างที่ทุกท่านเห็นมาคือ ไม่ปล่อยควันดำ หรือ ควันเสียระหว่างการใช้งานเหมือนรถยนต์น้ำมัน
และเป็นไปไม่ได้เลยว่า เปิดราคารถยนต์ไฟฟ้า tesla model 3 ออกมาคันล่ะ 2-3 ล้านบาทแล้วจะไปแย่งยอดขายรถยนต์น้ำมันครับ เพราะรถยนต์น้ำมัน eco car บ้านเรานั้น ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 5-6 แสนบาทเอง
ส่วนเรื่องผลิตไฟฟ้าไม่ได้มาตราฐานหรือปล่อยของเสียมากเกินไป ยังไงก็ตามแล้ว ไม่มีทางที่โรงงานผลิตไฟฟ้าจะผลิตไฟจ่ายรถยนต์ไฟฟ้าแล้วปล่อยของเสียมากกว่ารถยนต์น้ำมันครับ ดังนั้นแล้ว ภาครัฐควรจะเปิดทางให้รถยนต์ไฟฟ้ามีที่ยืนในไทยเพิ่มขึ้นครับ ไม่ใช่ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าในไทยนั้นมีเพียง 450 คัน(ยอดขายปี 2018) แล้วยอดขายรถยนต์น้ำมันพุ่งสูงถึง 1 ล้านคัน ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าในไทยนั้นมีเพียง 0.045 % ของยอดขายทั้งหมด ห่างจากประเทศพัฒนาทุกประเทศไปหมดแล้วครับท่าน อเมริกานั้นมีสัดส่วนอยู่ที่ 2 % ส่วน ฝั่งยุโรปนั้นไม่ต้องพูดถึงเลย ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าอยู่แถวๆ 5-20 % ทุกประเทศ แต่มั่นใจเลยครับว่า ภายใน 10 ปีนี้ไม่มีทางที่ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้านั้นจะสูงกว่ารถยนต์น้ำมันในทุกประเทศ ดังนั้น เปิดใจเถอะครับ
ส่วนสาเหตุหลักที่รถยนต์ไฟฟ้าในไทยไม่นิยมเหมือนต่างประเทศนั้นมาจากภาษีแบตครับ ไม่ใช่คนไทยไม่นิยม
