Youtuber นาย เจอร์รี่ ได้ทำการซื้อรถยนต์ไฟฟ้า Tesla Model X P100D(มือสองจากเพื่อนรักของเค้า : Dan จากช่อง : WHAT’S INSIDE? FAMILY) ซึ่งเป็นรุ่นที่เร็วที่สุดในท้องตลาด อัตราเร่ง 0-100 km/h ภายใน 3.1 วินาที และทำความเร็ว top speed ได้มากถึง 250 km/h
เจอร์รี่ได้ซื้อรถยนต์ไฟฟ้า Tesla model X คันนี้มาแล้วทำการดัดแปลงให้กับแฟนสาว(ชื่อ Cambry (แคมบรี่) ของเค้าซึ่งแฟนของเค้านั้นมีความผิดปกติทางร่างกายทำให้เค้าไม่สามารถใช้งานขาได้ ดังนั้นเจอร์รี่เลยจ้างคนมาปรับแต่งรถยนต์ไฟฟ้าคันนี้ให้แฟนของเค้าสามารถขับไปไหนมาไหนได้อย่างไรล่ะครับ
หลังจากผมดู YouTube ของนาย Jerry เสร็จแล้วบอกตามตรงครับ ผมทั้งอิจฉาลึกๆในตัวแฟนสาวของเขาว่าผู้หญิงคนนี้เป็นคนที่โชคดีที่สุดในโลก เพราะได้ผู้ชายที่ดีที่สุดในโลกมาดูแลเขา ทำให้ผมอยากพัฒนาตัวเองเพื่อกลับมาดูแลแฟนของผมให้ดียิ่งขึ้น
ปรับแต่งรถ tesla model X ให้ใช้คันเร่งและคันเบรคมือ
รถคันนี้ได้ผ่านการติดตั้งระบบคันเร่งด้วยมือและเบรคด้วยมือมาจากศูนย์เรียบร้อยแล้ว ดังนั้นพวกเขาแทบไม่ได้ทำอะไรเลยนอกจากทำการใช้งานตามปกติ
ระบบคันเร่งมือของรถคันนี้ มีการทำงานแบบง่ายๆ คือ ถ้าดึงเข้าหาตัว เท่ากับการเหยียบคันเร่งของรถ ส่วนการใช้งานเบรค เพียงผลักคันเร่งออกจากตัวหรือผลักออกไปด้านหน้า คานสีดำนั้นก็จะทำการกดเบรคให้แบบ manual (ปกติ)นะครับ
มาพร้อมระบบ Summon Mode
ระบบ Summon Mode คือ ระบบที่รถสามารถขับเคลื่อนด้วยความเร็วไม่เกิน 5 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (5 km/h) จากที่จอดรถมาถึงผู้ใช้งานรถยนต์โดยรถยนต์จะบังคับพวงมาลัยเอง, เหยียบคันเร่งเอง, และเหยียบเบรคเอง เพื่อหยุดรถเมื่อเจอสิ่งกีดขวางข้างหน้า เรียกได้ว่าเป็นรถที่สมบูรณ์แบบ(perfect)สำหรับคนที่ต้องใช้เก้าอี้ Wheel chair(รถเข็นสำหรับคนสูงอายุ) เลยนะครับ
พูดง่ายๆคือรถจะขับออกจากที่จอดรถเองแล้วขับมาหาผู้ใช้งานรถโดยทุกอย่างควบคุมผ่านมือถือของเจ้าของรถทั้งหมด
ทำไมต้องซื้อเป็นรถยนต์ไฟฟ้า
ต้องขอท้าวความกลับไปเรื่อง ปั้มน้ำมันในประเทศอเมริกากันก่อนนะครับ ว่า ปั๊มน้ำมันที่อเมริกานั้นเป็นระบบ Self service ก็คือ ลูกค้าต้องบริการตัวเอง ทางปั้มไม่มีเด็กปั๊มเหมือนประเทศไทย ดังนั้นใครจะเติมน้ำมันก็ต้องลงจากรถไปหยิบหัวจ่าย, เดินไปรูดบัตรจ่ายเงิน(ถ้าต้องการจ่ายเงินสด ต้องเดินเข้าไปจ่ายที่แคชเชียร์ในร้านขายของชำไกลๆเลย) , จากนั้นก็ทำการเติมน้ำมันซึ่งกระบวนการเหล่านี้มันสามารถทำได้ง่ายๆ ถ้าคุณเป็นคนธรรมดาเดินไปไหนมาไหนได้
แต่สำหรับคุณแคมบรี่แล้ว การจะเติมน้ำมันในปั้มนั้นเป็นโจทย์ที่ท้าทายอย่างมาก เขาอธิบายว่า เขาเคยขับรถไปเติมน้ำมันเองแล้ว ซึ่งกระบวนเหล่านี้ก็คือ เค้าต้องลงจากรถ จากนั้นก็ทำการประกอบรถเข็นขึ้นมาแล้วและเข็นรถเข็นของตนเองที่หัวจ่ายน้ำมันและทำการหยิบหัวจ่ายน้ำมันเสียบเข้าบริเวณช่องเติมน้ำมันของรถ หลังจากที่เติมน้ำมันเสร็จ เค้าก็ทำการดึงหัวจ่ายคืนกลับไปที่ตู้จ่ายน้ำมัน แล้วเข็นรถเข็นของตัวเองกลับไปที่ประตูคนขับ และทำการแยกรถเข็นอีกครั้งเพื่อนำรถเข็นคันนั้นกลับเข้าไปในรถ จากนั้นจึงจะสามารถขับรถออกจากปั๊มน้ำมันได้ ผมเดาว่ากระบวนการเหล่านี้ใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 15 นาทีแน่นอน
แต่ถ้าเป็นการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าแล้ว เวลาชาร์จไฟรถ คุณก็เพียงแค่กลับไปที่บ้าน แล้วลงจากรถ ก่อนที่คุณจะเข้าบ้านคุณก็แค่เสียบที่ชาร์จไฟรถยนต์ไฟฟ้าเท่านั้นเอง ซึ่งมันทั้งสะดวกสบายและประหยัดเวลาของคุณ แคมบรี่ มากๆ
ปล. รถคันนี้สามารถขับได้ไกลถึง 520 km ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง
คงไม่มีใครคนไหนขับรถไปไหน-มาไหนในเมือง วันละ 500 กม. ครับ ดังนั้นการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าจึงเป็นเรื่องที่ตอบโจทย์มากๆสำหรับคนอเมริกา
ส่วนการเดินทางไกลแบบ road trip นั้น ก็แน่อยู่แล้วล่ะแฟนเขาต้องขับรถให้ซึ่งไม่มีปัญหาอยู่แล้วสำหรับการเดินทางไกลๆ
รับชมคลิปเต็มๆ ได้ทางด้านล่างนี้เลยนะครับ
BLINK DRIVE TAKE
ต้องขอบอกไว้ก่อนว่ารถยนต์ไฟฟ้าไม่ใช่ของเล่นคนรวยครับอย่างรถยนต์ไฟฟ้าเทสล่า Model x คันนี้ ราคามือสองนั้นเริ่มต้นที่ 3 ล้านบาท($99,960) ซึ่งถ้าเทียบกับความคุ้มค่าเรื่องการซ่อมบำรุงและค่าเชื้อเพลิงแล้วถ้าคุณขับบ่อยๆเป็นระยะเวลา 3 ปีก็คืนทุนแล้วครับ (เปรียบเทียบการใช้งานรถยนต์ปีล่ะ 20,000 km)
อีกสิ่งหนึ่งที่ผมยอมใจผู้ชายคนนี้เลย คือเขามองถึงความสำคัญของแฟนเขามากๆ ทำทุกอย่างเพื่อให้แฟนจริงๆ
และผมเชื่อว่าทุกปัญหาบนโลกมีไว้แก้ไขครับ ถ้าเรามัวแต่บ่นกับปัญหามัวแต่โทษกับสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วมันไม่ได้อะไรหรอกครับ อย่างกรณีแบบนี้ บอกตามตรงครับต่อให้เขาซื้อรถยนต์น้ำมันมาใช้ ก็ไม่ใช่การแก้ไขปัญหาระยะยาวครับ เพราะคนที่เติมน้ำมันให้ก็ต้องเป็นแฟนเขาอยู่ดีครับ แต่ถ้าเป็นรถยนต์ไฟฟ้าแล้วล่ะก็ ฝ่ายหญิงสามารถชาร์จไฟหลังจากที่เขากลับมาจากข้างนอกได้ทันทีซึ่งเค้าไม่จำเป็นต้องไปรบกวนแฟนหนุ่มเค้าเลย
ผมมองว่าคนรุ่นใหม่นั้นเปิดใจรับรถยนต์ไฟฟ้ามากกว่าแต่ก่อนเยอะมาก แล้วผมบอกตามตรงว่าเด็กสมัยนี้เขาดู YouTube มากกว่าดูโฆษณาหรือละครใน TV ซะครับ ดังนั้น YouTube นี่แหละจะเป็นฐานข้อมูลสำคัญที่ให้ข้อมูลความรู้กับให้กับเด็กๆ ที่กำลังจะเติบโตมาเป็นผู้ใหญ่ในอนาคตและคนพวกนี้จะเลือกเป็นสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวเขาเองครับ ซึ่งสิ่งนั้นก็คือรถยนต์ไฟฟ้ายังไงล่ะครับ
คิดเล่นๆ นะครับ เด็กที่อายุ 18 ในวันนี้ อีก 5 ปีข้างหน้าก็คือ เด็กอายุ 23 ปีซึ่งเป็นวัยที่กำลังจบจากมหาลัย ดังนั้นเขาจะเลือกซื้อรถยนต์ไฟฟ้ามากกว่ารถยนต์น้ำมันครับ เนื่องจากเขาได้เห็นข้อดีข้อเสียของรถยนต์ไฟฟ้าผ่านการรีวิวจากยูทูปเบอร์ต่างๆเรียบร้อยแล้ว ผมกำลังพูดถึงเยาวชนที่อยู่ในประเทศอเมริกาและทวีปยุโรปรวมไปถึงประเทศจีนครับ
ผมเห็นคนรุ่นใหม่ในต่างประเทศทำแบบนี้แล้วผมอารมณ์เสียมากๆครับ เพราะคนเหล่านี้เขาไปดักหน้าเทคโนโลยีกันหมดแล้ว ส่วนประเทศไทยยังโฆษณาอยู่เลยว่า รถยนต์ไฮบริดเป็นรถยนต์ไฟฟ้าและทำการสนับสนุนกันอย่างโครมคราว ซึ่งการกระทำนี้เป็นการปิดกั้นเยาวชนคนรุ่นใหม่ที่กำลังจะเติบโตมาในสังคมเขาที่พวกเค้าจะสู้คนต่างชาติไม่ได้เลย
อย่าเพิ่งเชื่อผมครับ ดูไปก่อนสิครับ