เทสล่าเรียกเสียงฮือฮาอีกครั้งโดยทำการเซ็นสัญญาสั่งซื้อแบตเตอร์รี่จากบริษัท LG Chem Ltd. เพื่อใช้ในการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า Tesla Model 3 รุ่นผลิตจีน ซึ่งจะผลิตที่โรงงาน Gigafactory 3 เมือง เซี่ยงไฮ้
แบตเตอร์รี่รุ่น 21700 ที่จะผลิตจาก LG Chem ที่จีนเพื่อป้อนให้กับโรงงานประกอบรถยนต์ไฟฟ้า Tesla gigafactory 3 นั้นจะเรียกได้ว่าเป็น supplier(ผู้จัดหาวัตถุดิบ) รายแรกของ Tesla ที่ทำการป้อนวัตถุดิบเช่น แบตจากภายในประเทศอเมริกา ที่ผ่านมานั้นแบตของ Tesla ทุกก้อนผลิตที่อเมริกาโดยได้รับความร่วมมือจาก Panasonic ทั้งสิ้น
นอกจากนี้ ยังมีข่าวว่า Tesla Model Y ที่จะเริ่มผลิตที่จีนปลายปีนี้ก็จะใช้แบตของ LG Chem เช่นกันครับ
เท่าที่ทราบมานี้ LG Chem อาจจะไม่ได้เป็น Supplier เพียงรายเดียวในการจัดส่งแบตให้แก่เทสล่า Gigafactory ที่ประเทศจีน
อันที่จริงแล้ว เทสล่าวางแผนที่จะใช้ supplier (ผู้จัดหาวัตถุดิบ) รายอื่นในประเทศจีนอยู่เหมือนกัน โดยเจ้าใหญ่ของจีนที่สามารถผลิตแบตได้ตรงตามคุณภาพของเทสล่าก็มี Contemporary Amperex Technology Co. Ltd. ซึ่ง Bloomberg เคยรายงานข่าวนี้ไปแล้วเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา แล้วก็ยังมี Supplier เจ้าเก่าอย่าง Panasonic Corp. ที่ยังร่วมมือกับ Tesla ผลิตแบตเตอร์รี่รถยนต์ไฟฟ้า ณ Gigafactory 1 รัฐ เนวาด้า ประเทศอเมริกา
แบตรุ่นใหม่ จุได้เยอะกว่า
LG Chem ยังกล่าวอีกว่าจะผลิตแบตรุ่น 21700 ให้แก่เทสล่าซึ่งดีกว่ารุ่นเก่าอย่าง 21700 ที่อยู่ใน Tesla Model 3 แน่นอน
โดยโรงงานผลิตแบตของ LG Chem จะตั้งอยู่ในเมืองหนานจิงซึ่งอยู่ห่างจากโรงงานประกอบรถยนต์ไฟฟ้า Tesla Gigafactory 3 ซึ่งตั้งอยู่ที่ ทางตะวันตกของเซี่ยงไฮ้ไปประมาณ 320 กิโลเมตรครับ
ที่มา : bloomberg
บทวิเคราะห์ Bloomberg
LG Chem นั้นเป็นบริษัทผลิตแบต lithium-ion อันดับ 2 ของโลก(อ้างอิงจาก BloombergNEF) โดยบริษัทนั้นพยายามหาลูกค้ามาซื้อแบตของเค้าเพิ่มอยู่ตลอดไม่ว่าจะเป็น Volvo หรือ GM (General Motors)
ส่วน Tesla นั้นได้ทำการปักเสาเอก(broke ground) สำหรับโรงงาน Gigafactory3 ห่างจากเมือง เซี่ยงไฮ้ออกไป ณ วันที่ 7 มกราคม 2562 ที่ผ่านมา (จริงๆ ก่อนหน้านี้ Tesla ก็พยายามเจรจาของลงทุนในจีนมาตลอด แต่เพิ่งมาประสบความสำเร็จในปีนี้) โดยโรงาน Gigafactory 3 แห่งนี้จะสามารถผลิตรถยนต์ไฟฟ้าคันแรกออกสู่สาธารณะชนภายในสิ้นปี 2019(2562)อีกด้วย
แม้ว่า Tesla จะพยายามเข้ามาลงทุนและสร้างรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศจีน
แต่ตอนนี้การเมืองของจีนได้เปลี่ยนไปมากๆ , เนื่องด้วยรัฐบาล phase out(ยกเลิก) Subsidies EV (เงินอุดหนุนรถยนต์ไฟฟ้า)ออกไป ทำให้ตอนนี้ demand (ความต้องการ)รถยนต์ไฟฟ้าในตลาดประเทศจีนชะลอตัวลงในปีนี้ แต่ภาพรวมแล้วยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าก็ยังเติบโตอยู่ ต่างจากยอดขายรถยนต์น้ำมันในจีนที่ดิ่งลงทุกเดือน
การที่ Tesla เข้ามาเหยียบจีนนั้นก็ต้องเจอกับคู่แข่งเจ้าถิ่นตัวฉกากอย่าง BYD นั่นก็คือ บริษัทผลิตรถยนต์ไฟฟ้าใหญ่ที่สุดในจีนซึ่งมี Warren Buffet(วอร์เรน บัฟเฟตต์ ; พ่อมดการเงิน เป็นหนึ่งในนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในโลก และรวยเป็นอันดับ 3 ของโลก) เป็นแบ๊คใหญ่ให้กับบริษัท ฺํBYD แถมยังต้องเจอกับ NIO บริษัทผลิตรถยนต์ไฟฟ้า hi-tech ของจีนที่ขายรถยนต์ถูกกว่า Tesla อีกด้วย และยังมี BMW AG และ Diamler AG ที่เริ่มพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าออกมาขายในตลาดจีนภายในปีหน้าอีกด้วย
BLINK DRIVE TAKE
หลังจากอ่านบทวิเคราะห์ของ Bloomberg จบแล้ว ทุกท่านมีความเห็นอย่างไรกันบ้างครับ?
ความเห็นของ Blink Drive ที่มาต่อบทความ Bloomberg นั้น :
ผมมองว่า ประเทศจีนกำลังทำการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่อยู่นะครับ ไม่ว่า BMW, Benz, หรือ แม้กระทั่งพ่อมดการเงินของโลกอย่าง วอร์เรน บัฟเฟตต์ ก็ออกโรงลุยสร้างรถยนต์ไฟฟ้าแบบบ้าคลั่ง อ่อ ลืมบอกไปครับ ไอ่แว่นที่ยืนอยู่ข้าง วอร์เรน บัฟเฟตต์ ในภาพด้านบนนั่นคือ วิลเลียม เฮนรี เกตส์ ที่สาม หรือ เรียกสั้นๆว่า บิล เกตส์ เจ้าพ่อ Microsoft (หรือเรียกได้ว่า software ต่างๆ ในอุปกรณ์คอมพ์ที่เราใช้กันอยู่เนี่ย มาจากเค้าแหละครับ) เป็นเศษรฐีอันดับ 1 ของโลกอยู่หลายสมัย แต่ตอนนี้ตกมาเป็นที่ 2 แล้วเพราะ โดนนาย เจฟ เบซอร์ ซึ่งเป็นเจ้าของ Amazon แซงขึ้นไปครับ
พอเห็นรายชื่อนักลงทุนแบบนี้ คุณยังคิดว่า เรื่องรถยนต์ไฟฟ้าเป็นเรื่องของเด็กเล่นกันอยู่ไหมครับ?
LG Chem ก็ลงมาลุยเปิดโรงงานสร้างแบต 2 พันล้านเหรียญ(62,000 ล้านบาท) ในจีน , Volvo ก็สร้างรถยนต์ไฟฟ้า polestar ลุยตลาดจีน
แม้กระทั่ง BMW หรือ Benz ก็ยังบุกจีนเข้าไปสร้างโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าเอาไว้ป้อนตลาดในเอเชียเลยครับ
ส่วน Tesla นั้นไม่ต้องพูดเยอะเนอะ แต่เห็นหน้าตาโรงงาน Gigafactory 3 แล้วก็พอจะรู้ได้เลยว่ามาสร้างเพื่อเปลี่ยนแนวทางการใช้งานรถยนต์เลยครับ เพราะ output (กำลังผลิต)นั้นเริ่มต้นที่ 250,000 คันต่อปีและจะสามารถขยายไปถึง 500,000 คันต่อปีได้สบายๆ
การลงทุนซื้อกล้องฟิล์มในวันที่นักลงทุนทั่วโลกต่างหันไปลงทุนอย่างบ้าคลั่งในกล้องดิจิตอล ก็อาจจะเสี่ยงพอๆ กับการซื้อแชร์แม่ชะม้อยหรือแชร์ลูกโซ่แหละครับ ได้เงินหรือผลตอบแทนเร็ว แต่อยู่ได้อีกไม่นานแน่นอนนะครับ
ฝากอีกเรื่องครับ ตอนกล้องดิจิตอลออกมาใหม่ๆ มีสำนักข่าวหลากหลายสาขาบอกว่า ซื้อกล้องเสร็จต้องซื้อคอมพ์ต่อ แต่ถ้าใช้กล้องฟิล์มก็ล้างรูปได้เลย ร้านล้างรูปเต็มบ้านเต็มเมือง จะไปทางไหนก็มีแต่ร้านล้างรูป หันกลับมาวันนี้ไหมครับ ร้านล้างรูปเจ๊งกันเป็นแถว แถมกล้องดิจิตอลนั้นใช้งานเสร็จก็ upload รูปผ่าน wifi หรือคอมพิวเตอร์ขึ้น facebook ได้เลย แถมสะดวกสบายกว่ากันเยอะ
ผมเปรียบเทียบร้านล้างรูปเป็นปั้มน้ำมัน, คอมพิวเตอร์เป็นที่ชาร์จไฟตามบ้านนะครับ สมัยนี้คุณถ่ายรูปเสร็จแล้วจำเป็นต้อง print รูปกันไหม หรือ upload รูปขึ้น facebook กันเลย เข่นกันครับรถยนต์ไฟฟ้าในอนาคตไม่จำเป็นต้องชาร์จที่บ้านก็ได้ ขับไปจอดไหนก็สามารถชาร์จได้เลยหรือป่าวครับ ? ลองดูอนาคตอันใกล้อีกทีนะครับว่า หวยจะออกมาเป็นอย่างไร แต่ที่แน่ๆ ต่างประเทศเค้าหวยออกเป็นสถานีชาร์จไฟนอกบ้านได้แล้วครับ