Blink Blink
EV CarsTesla

Tesla เตรียมสร้าง Gigafactory 4 ที่ประเทศเยอรมัน พร้อมสร้างงาน 2,000 ตำแหน่งทันที

ใครว่ารถยนต์ไฟฟ้ามาแล้วทำให้คนตกงานก็ต้องคิดกันใหม่แล้วนะครับ ล่าสุด Tesla พร้อมลุยสร้างโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้า Gigafactory แห่งที่ 4 ในทวีปยุโรป หลังที่ตัดสินใจกันนานแสนนานว่าจะสร้างโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าเมืองไหนดี ตอนนี้ ได้ข้อสรุปแล้วว่า Tesla วางแผนที่จะจัดตั้งโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้า Gigafactory แห่งที่ 4 ที่เมือง Emden หรือ Emsland ซึ่งทั้งสองเมืองนี้ตั้งอยู่ในรัฐ Lower Saxony ของประเทศเยอรมัน

อีลอน มัคส์เคยเปรยๆ เอาไว้ว่า จะเลือกประเทศเยอรมันเป็นฐานการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในอนาคตอันใกล้นี้ (พูดเอาไว้เดือนมิถุนายน 2561)

รัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจ ของประเทศเยอรมัน คุณ Bernd Althusmann

ข่าวนี้ได้มาจากคุณ Bernd Althusmann ซึ่งเป็น รัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจ ของประเทศเยอรมัน โดยคุณ Althusmannได้ออกมาโชว์เองเลยว่า เขต Lower Saxony จะเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษของประเทศเยอรมันซึ่งทางเราจะกั๊กเอาไว้ให้บริษัท Tesla มาลงทุนเป็นกรณีพิเศษ ก่อนหน้านี้ เทสล่าก็ได้เข้าไปเจรจากับ กระทรวงเศรษฐกิจของเขต Lower Saxony ว่าอยากได้ที่ดินแถวๆ ชายฝั่งสร้างโรงงาน พี่(เยอรมัน)แกเลยจัดให้อย่างงดงามเลยครับ

ภาพวิวทิวทัศน์เมือง Emden

นิตยสารชืื่อดังของประเทศเยอรมัน Hannoversche Allgemeine Zeitung (HAZ)  ได้รายงานว่า “การมาของโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้า Tesla Gigafactory 4 นั้นจะสร้างงาน 1,000 – 2,000 ตำแหน่งให้แก่ประชาชนชาวเยอรมัน” นาย Altheusmann ยังกล่าวต่อว่า “ผมมีความรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่จะต้อนรับและได้ร่วมมือกับบริษัทยานยนต์ชั้นนำของโลกอย่าง Tesla, พวกเราจะตั้งตารอที่จะได้เข้าร่วมงานกับบริษัทแห่งนี้และประเทศเยอรมันจะกลายเป็นประเทศชั้นนำแนวหน้าด้านอุตสาหกรรมยานยนต์(ไฟฟ้า)เต็มตัวเสียที”

Tesla Gigafactory Recap
(ทบทวนความจำ : โรงงาน Gigafactory)

ต้องขอท้าวความก่อนนะครับว่า โรงงาน Gigafactory นั้นอยู่ที่ไหนบนโลกบ้าง แต่ก่อนหน้าจะโชว์โรงงาน Gigafactory ทั้งหลายนั้น ผมขอพาไปชมโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้า Tesla ณ ปัจจุบันที่ยังเปิดใช้งานอยู่ก่อนนะครับ

นั่นก็คือ โรงงานผลิตรถยนต์ในเมืองฟรีมอนต์รัฐแคลิฟอร์เนีย และเป็นโรงงานผลิตหลักของบริษัทเทสล่ามีอีลอน มัสก์เป็นกรรมการผู้จัดการในอดีตนั้นเป็นที่รู้กันคือเป็นโรงงานนิวยูไนเต็ดมอเตอร์ (NUMMI) ซึ่งเป็นการร่วมมือกันลงทุนระหว่างบริษัทเจเนรัลมอเตอร์ และโตโยต้า

ตอนเดือนพฤษภาคม 2010 นั้น โตโยต้าจับมือกับเทสล่าร่วมมือกันสร้างรถยนต์ไฟฟ้า โดย เทสล่าได้ Tesla model S ออกมาสู่ตลาดในปี 2012 และโตโยต้าได้ Toyota Rav4 EV รุ่นที่ 2 ออกมาสู่ตลาดในปี 2012 เช่นกัน ซึ่งใช้ แบต lithium-ion แบบเดียวกันกับ Model S ครับ

ที่มา : wikipedia

เริ่มสร้าง : ปี 1962(เป็นโรงงานเก่าของ บริษัทผลิตรถยนต์ GM(General Motors) ซึ่งขายต่อทอดๆ จนมาถึงเทสล่า)
นำมา renovate(ปรับปรุง) ให้เป็นโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้า : พฤษภาคม 2010
ปรับปรุงเสร็จ : ตุลาคม 2010

  1. Gigafactory 1 (Nevada, USA)

ตั้งอยู่เมืองSparks รัฐ Nevada ประเทศอเมริกา
โรงงานแห่งนี้ถูกสร้างขึั้นมาเพื่อประกอบแบตเตอร์รี่(battery pack) ป้อนให้แก่โรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าที่เมือง Fremont รัฐ แคริฟอร์เนีย ประเทศอเมริกา โดยมี Panasonic เป็นหุ้นส่วนในการลงทุนในโรงงานแห่งนี้

แผนการณ์สร้างนั้นถูกสร้างขึั้นมี เดือนพฤศจิกายน 2013
แต่เพิ่งมาเริ่มสร้าง : กรกฎาคม 2014
สร้างเสร็จ : กรกฎาคม 2016

2. Gigafactory 2 (Buffalo, USA)

โรงงาน Gigafactory 2 นี้ตั้งอยู่ในเมือง Buffalo รัฐ New York โดยรัฐบาลของรัฐ New York ได้ปล่อยให้เช่าพื้นที่เพื่อให้ Tesla ทำการผลิต  photovoltaic (PV) cell หรือแผงแสงอาทิตย์นั่นเองครับ

เริ่มสร้าง : กันยายน 2014
สร้างเสร็จ : สิงหาคม 2017

3. โรงงานประกอบตัวถังรถยนต์ไฟฟ้า ณ เมือง Tilberg ประเทศเนเธอร์แลนด์

โรงงานแห่งนี้ประกอบไปด้วยแผง solar cell ที่สามารถให้กำลังไฟสูงสุด 3.4-megawatt  , โรงงานนี้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อทำการประกอบตัวถังรถยนต์ไฟฟ้า Tesla Model S ในปี 2015 โดยมีกำลังผลิตอยู่ที่ 450 คันต่อสัปดาห์ , ยังไม่มีการยืนยันว่า มีการประกอบตัวถังรถยนต์อื่นๆอีกไหม แต่ที่แน่ ๆคือ อะไหล่ต่างๆ เช่น แบตเตอร์รี่ เป็นต้น ถูกส่งมาจากอเมริกาแล้วมาทำการประกอบเป็นรถยนต์ที่นี่ ทั้งนี้เพื่อให้กระจายรายได้สู่ประชาชนในแถบยุโรปและลดต้นทุนการขนย้ายครับ

เริ่มสร้าง : ธันวาคม 2012
เริ่มใช้งาน : ปลายปี 2015

4. Gigafactory 3 (Fengxian, China)

โรงงาน Tesla Gigafactory 3 มีมูลค่าการลุงทุนสูงถึง 64,000 ล้านบาท ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลประเทศจีน โรงงานแห่งนี้จะถูกใช้เป็นฐานการผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้า Tesla Model 3 และรถยนต์พลังงานไฟฟ้า Tesla Model Y ซึ่งเป็นรถยนต์รุ่นใหม่ของบริษัท ส่วนรถยนต์รุ่นอื่น ๆ เช่น Tesla Model S , Tesla Model X ยังคงใช้ฐานการผลิตในประเทศสหรัฐอเมริกา

ที่มา : electress

เริ่มสร้าง : มกราคม 2019
สร้างเสร็จ : กันยายน 2019

ถือว่าเป็นโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าที่สร้างเร็วที่สุดในโลกเลยครับ ผมเชื่อว่า จบงานนี้ กินเนสบุคควรจะบินมาให้โล่ห์ให้แก่อีลอน มัคส์ด้วยนะครับ

5. Gigafactory 4 ( Emden หรือ Emsland, Germany)

กำหนดเริ่มสร้าง : 2020
สร้างเสร็จ : 2021

ที่มา : teslarati

ทางเยอรมัน confirm แล้วว่าพร้อมให้ Tesla เข้าไปสร้างโรงงาน gigafactory 4 , รอสัญญาณจาก อีลอน มัคส์บินไปเจรจาและตัดริบบิ้นเปิดงานครับ

BLINK DRIVE TAKE

เรียกทำเอาเสียงฮือฮากันทั่วทุกมุมโลกเลย ไม่มีใครคิดว่า Tesla จะใจกล้าหน้าด้านบุกประเทศเยอรมันซึ่งเป็นถิ่นฐานศัตรูอย่าง BMW, Mercedes Benz, Diamler และ Volkswagen ถ้าเทียบกันเป็นยุทธศาสตร์การรบแล้วเรียกได้ว่า ข้าศึกรุกมาถึงประตูหน้าเมืองแล้วนะครับ

เมือง Emden , ประเทศเยอรมัน

Emden นั้นเป็นจุดยุทธศาสตร์ของประเทศเยอรมันเลยก็ว่าได้ เมืองนั้นมี deep sea port(ท่าเรือน้ำลึก) และมีสถานีรถไฟที่เชื่อมต่อกับทุกหัวเมืองในทวีปยุโรป ถ้า Tesla ได้สามารถตั้งฐานผลิตในที่แห่งนี้ได้ ก็เหมือนได้ชัยภูมิที่ดีในการส่งรถยนต์ไฟฟ้าไปทั่วยุโรปได้อย่างสบาย ๆครับ เพราะ port เรือและรถไฟเหล่านี้เชื่อมต่อกับประเทศ นอร์เวย์, แสกนดิเนเวีย, และประเทศอังกฤษครับ

ส่วนการที่ Tesla ไปตั้งโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในยุโรปเช่น เยอรมันนั้นจะทำให้ Tesla ได้ส่วนลดเรื่องภาษีนำเข้า ซึ่งจะทำให้ราคารถยนต์ไฟฟ้า Tesla ถูกลงไปโดยปริยาย เนื่องจากการลงทุนสร้างโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในเยอรมันนั้นสร้างงานไม่ต่ำกว่า 2,000 ตำแหน่ง ซึ่งก็เป็นสถานการณ์ที่ win – win (ชนะๆ)ทั้งสองฝ่าย

แม้กระทั่งตอนนี้ ยอดจอง Tesla Model 3 และ Tesla Model Y รวมๆ กันแล้วมากกว่า 250,000 ใบ(นี่ยังไม่รวมรถยนต์ไฟฟ้าที่ผลิตออกสู่ตลาดไปแล้วเมื่อปีที่แล้วถึง 250,000 คัน) เรีียกได้ว่า Tesla ยังมีงานอีกเยอะมากมายที่ต้องทำ

แปลกใจมากๆ ครับ ว่า ประเทศไทยซึ่งเป็นฐานทัพอันดับต้นๆในเอเชียเรื่องการผลิตรถยนต์ ไม่คิดจะเอา demand (ใบสั่งจอง, คำสั่งซื้อ) เหล่านั้นมาช่วยเค้าผลิตเลย

แถมตั้งกำแพงภาษีรถยนต์ไฟฟ้าแปลกๆ ทำให้ประเทศไทยกลายเป็นประเทศที่ขายรถยนต์ไฟฟ้าอย่างเช่น Nissan Leaf แพงที่สุดในเอเชีย(รองลงมาจาก ประเทศสิงคโปร์ ซึ่งก็รู้ว่า ประเทศนั้นขาย camry ราคาพอๆ กันกับ nissan leaf เลย จึงไม่แปลกที่รถยนต์ประเทศสิงคโปร์จะแพงกว่าไทย(ทุกรุ่น))

Stay tune, stay with BLINK DRIVE

Follow by Email