สวัสดีครับวันนี้ผมมีรีวิว BYD Dolphin STD จากคุณสรวิศ นาเจริญ(คุณบอย)โดยเค้าใช้งานโหดมากๆครับ ซื้อมาขับแค่ปีเดียวใช้งานไปทั้งหมด 200,000 km ภายใน 1 ปีน่าจะเป็น BYD Dolphin ที่มีไมล์เยอะที่สุดในไทยตอนนี้แล้วนะครับ(จากอายุรถด้วยนะครับ : รถคันนี้ออกเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2566) ที่ทึ่งไปกว่านั้นคือพฤติกรรมการขับขี่เค้านั้นชาร์จ DC (นอกบ้าน)ตั้งแต่วันแรกที่ออกรถมาครับ ไม่เคยได้ชาร์จ AC ซักครั้งเลยครับ
เดี๋ยวผมจะมาเจาะลึกให้ว่าแบตเสื่อมหรือยังและซ่อมอะไรไปแล้วบ้าง พร้อมกับเปรียบเทียบค่าใช้จ่ายกับรถคันเก่าของเค้าว่า ถ้าต้องใช้รถน้ำมันขับขนาดนี้จะมีค่าใช้จ่ายต่างกันที่เท่าไหร่นะครับ
เปลี่ยนจากรถน้ำมันเป็นรถยนต์ไฟฟ้าประหยัดขึ้นมากไหม?
คุณบอกบอกว่าค่าใช้จ่ายในการชาร์จตกประมาณกิโลเมตรละ 1 บาทครับซึ่งต่างจากค่าน้ำมันประมาณ 1-2 บาท แต่ผมตีเสียเป็น 2 บาทไปเลยนะครับ ดังนั้นแค่ขับ 200,000 km ค่าใช้จ่ายส่วนต่างก็ประมาณ 400,000 บาทแล้วครับ
อันนี้ยังไม่รวมค่าใช้จ่ายการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องอื่นๆ อีกนะครับ ค่าบำรุงรักษารถไฟฟ้าน้อยกว่า เนื่องจากไม่ต้องเข้าศูนย์บ่อยเหมือนรถน้ำมันที่ต้องเช็คระยะเดือนละ 2 ครั้ง
ก่อนหน้านี้ใช้งานรถน้ำมันค่อนข้างหนัก ระยะทางเฉลี่ยต่อปีประมาณ 200,000 กิโลเมตร ซึ่งต้องเช็คระยะทุกๆ 10,000 กิโลเมตร โดยเฉลี่ยเดือนละ 2 ครั้ง ค่าบำรุงรักษาต่อปีอยู่ที่ประมาณ 24 ครั้ง ค่าใช้จ่ายในการเช็คครั้งละประมาณ 3,000 บาท รวมแล้วปีละ 72,000 บาท ค่าน้ำมันเฉลี่ยกิโลเมตรละ 2-3 บาทก่อนตัดสินใจเปลี่ยนมาใช้รถไฟฟ้า ได้ศึกษารถไฮบริดและรถติดแก๊สมาก่อน แต่สุดท้ายมาจบที่รถยนต์ไฟฟ้า

ค่าซ่อมบำรุงรถยนต์ไฟฟ้า
การซ่อมบำรุงรถยนต์ไฟฟ้า BYD Dolphin คันนี้นั้นคือ เข้าเช็คระยะตามคู่มือและก่อนหมดวารันตี มีการเปลี่ยนโช๊คและยอย ตั้งศูนย์ล้อ สลับยาง ถ่วงล้อทุกๆ 20,000 กิโลเมตร ล้างแอร์ และเปลี่ยนยาง
ค่าใช้จ่ายในการเช็ค 180,000 กิโลเมตรอยู่ที่ประมาณ 2,000 กว่าบาท และ 200,000 กิโลเมตรอยู่ที่ประมาณ 4,000 กว่าบาท
โหราคาค่าซ่อมบำรุงต่างกันแบบ 12 เท่านะครับ ถ้าใครขับเยอะแบบคุณบอยนั้นเปลี่ยนมาเป็นรถยนต์ไฟฟ้าแบบไม่ต้องคิดได้เลยครับ ฮ่าๆ
รถไฟฟ้าประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากกว่า ทั้งในด้านค่าเชื้อเพลิงและค่าบำรุงรักษา ลดการซ่อมบำรุงที่จุกจิกได้ดี
ชาร์จไฟนอกบ้านทุกวัน?
การชาร์จของผม จะเน้นที่ความสะดวกครับก็คือ จองล่วงหน้าก่อนถึงสถานีชาร์จครับ จะไม่เน้นว่าแบตเตอรี่เหลือกี่เปอร์เซ็นครับสะดวกตรงไหนชาร์จตรงนั้นครับ ชาร์จเต็มบ้างไม่เต็มบ้าง
คุณบอย(เจ้าของรถ BYD Dolphin STD)

Range 350 km ใช้พฤติกรรมการขับแบบไหน?
คุณบอยใช้งานรถไฟฟ้าข้ามจังหวัดทุกวัน(ทำอาชีพอิสระ ไม่ได้ขับ Grab หรือ Bolt ครับ) โดยใช้ทั้งการเดินทางพักผ่อนและการทำงาน รวมระยะทางเฉลี่ยต่อเดือนประมาณ 10,000 – 20,000 กิโลเมตร การชาร์จไฟฟ้าเน้นความสะดวกเป็นหลัก โดยคุณบอยเลือกจองสถานีชาร์จล่วงหน้าเรียกว่าแวะเมื่อไหร่ก็ชาร์จเลย ไม่คิดมาก ไม่ต้องรอให้แบตเตอรี่ที่เหลืออยู่อยู่ในระดับที่ต่ำกว่า 10% ซักครั้ง

ส่วนการขับขี่นั้นก็ใช้ความเร็วเฉลี่ยที่ 100-120 กิโลเมตรต่อชั่วโมงยังสามารถวิ่งได้ประมาณ 350 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง
ข้อมูลสเปค Byd Dolphin รุ่น Standard
- ราคา: 699,999 บาท
- แบตเตอรี่:ความจุแบตเตอรี่รุ่น Standard Range คือ 44.8 kWh (ผลิตในจีน)
- การชาร์จ:ชาร์จ DC สูงสุดที่ 60 kW (ใช้การชาร์จแบบ DC เป็นประจำทุกวัน)
- ระยะทางที่วิ่งได้: 350 km (ใช้งานจริง)
ทำไมถึงเลือก BYD Dolphin STD?
คุณบอยแจ้งว่า สาเหตุที่เลือกยี่ห้อนี้เพราะเรื่องแบตล้วนๆครับ ตัวแบตของ BYD นั้นเป็นอันดับต้นๆ ของโลกสูสีกับ CATL อยู่แล้ว แถมมีโรงงานผลิตแบตของตนเองและก็ผลิตชิ้นส่วนของตัวเองครับ ส่วนสาเหตุที่เลือก Standard แทนที่จะออก Extend แทนเพราะว่าอยากซื้อทดลองก่อนครับ ยังไม่อยากลงทุนสูงครับ ถ้าถูกใจหรือโอเคจะขยับ ไซส์ใหญ่ขึ้นครับ

ซ่อมอะไรไปแล้วบ้าง?
- พอดีว่าวันก่อนไปชนน้องหมามา สัญลักษณ์ตัวเซ็นเซอร์ที่อยู่บนหน้าปัดเลยโชว์ขึ้นมาครับ

แบตเสื่อมหรือยัง?
คุณบอยบอกว่า พอดีรถคันนี้ส่วนใหญ่วิ่งเส้นทางเดิมแล้วกลับมาชาร์จแบตที่จุดเดิมได้ปกติเหมือนเดิมครับ (ใช้งานได้เหมือนวันแรกที่ซื้อมา) ก็เลยไม่ได้สนใจเรื่องนี้ครับ หน้าปัดด้านบนคือ Range หลังจากใช้งานมา 203,083 km แล้วนะครับ (แม่เจ้า แบตทนมาก 410 km คงฟ้าเลยครับ)
BLINK DRIVE TAKE
เอาจริงๆนะครับ ถ้าคำนวณส่วนต่างค่าเชื้อเพลิงจริงๆ ก็ 400,000 บาทแล้วครับ นี่ยังไม่รวมค่าบำรุงรักษาที่คุณบอยบอกว่า ประมาณ 72,000 บาท(20 รอบ , รอบละ 3,000 บาท) แค่เปลี่ยนน้ำมันเครื่องรถคันเก่าก็เดือนละ 2 ครั้งแล้วครับ
แต่ถ้าคิดจริงๆ ถ้าใช้รถน้ำมัน 200,000 km ผมว่าจะต้องมี maintenance รอบใหญ่ซัก 3-4 รอบแล้วครับก็น่าจะประมาณ 10,000 บาทต่อรอบก็ได้ อันนี้ยังไม่ได้รวมค่าผ้าเบรคและอุปกรณ์อื่นๆ อีกนะครับ รวมๆ แล้วค่า maintenance รถน้ำมันน่าจะอยู่แถวๆ 100,000 บาทได้ไหมคัรบ? ถ้าได้ก็เท่ากับว่าส่วนต่างทั้งหมดก็ประมาณ 500,000 บาทหรือเกือบจะเท่ากับ BYD Dolphin Standard Range : ราคา 569,900 บาท แล้วครับ
ถ้าไม่คิดมากนะครับ ขับทะลุ 300,000 km แล้วเอาไปทิ้งเอาเงินส่วนต่างไปซื้อรถคันใหม่ได้สบายๆเลยครับ
โพสนี้คงเหมาะสำหรับคนที่เดินทางต่างจังหวัดและคุณบอยก็เป็น living proof(พิสูจน์ให้ดู)ว่าสามารถใช้งานได้ปกติ(ไม่ต้องแวะกินข้าวลิงกลางทางครับ)
ผมคงส่งโพสนี้ให้กับคนที่บ้านดูเช่นกันครับ พี่สาวผมก็ขับรถโหดเหมือนคุณบอยเลยครับ ทำโพสนี้เอาไว้เผื่อเอาไว้ให้เค้าตัดสินใจเปลี่ยนรถมาเป็นคันนี้แล้วเอาค่าส่วนต่างเชื้อเพลิงไปผ่อนแทนนะครับ
ปล. คิดเล่นๆ ขับ 200,000 km ต่อปี เท่ากับว่า 16,000 km ต่อเดือนหรือเทียบเท่าค่าน้ำมัน 48,000 บาทหรือส่วนต่างประมาณ 32,000 บาทครับ (เอามาผ่อนรถต่อได้สบายๆครับ)