Blink Blink
TeslaUSA

Tesla เตรียมเปิดตัว HW 5.0 ปีหน้าภายใต้ชื่อ AI 5, แรงกว่า HW 4.0 ถึง 10 เท่า

หลังจากอีลอนได้ประกาศในงาน Tesla Shareholder Meeting ปี 2024 ไปว่า Tesla เตรียมปล่อย FSD Hardware 5 หรือเรียกอีกชื่อนึงว่า AI 5 ซึ่งบอกตามตรงว่า มันจะแตกต่างจาก HW 3.0 และ HW 4.0 แบบฉีกกันออกไปเลยนะครับ อย่างไรก็ตาม เดี๋ยวผมจะอธิบายเรื่องราวความเป็นมาของ Tesla HW 5.0 ว่าโปรเจคนี้เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่นะครับ

Tesla จับมือกับ Samsung สร้างชิป 4 nm สำหรับ HW 5.0 ตั้งแต่ปี 2566

รูปภาพ : อีลอนพร้อมกับคุณ Andrew Baglino (แอนดรู, คนที่สองจากฝั่งซ้าย)ซึ่งเป็นคนออกแบบมอเตอร์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่ของ Tesla ทุกรุ่นไปยืนบริษัท Samsung เดือนมิถุนายน 2566, ส่วนคนที่ยืนระหว่างคุณ Andrew และอีลอนคือคุณ Jay Y. Lee เป็นหนึ่งในผู้บริหารสูงสุด(Chairman)ของบริษัท Samsung

บริษัท Samsung ได้ทำการแถลงการณ์ในเดือนมิถุนายน 2566 ที่ผ่านมาว่า Tesla มีแผนใช้งานชิป FSD (Full Self-Driving) ในรหัส HW 5.0 ซึ่งจะใช้เทคโนโลยี 4 nm(นาโนเมตร) 

ในปีที่แล้ว(2022) TSMC ( Taiwan Semiconductor Manufacturing Co) นั้นได้เซ็นสัญญาในการผลิตชิป HW 5.0 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว 

แต่เมื่อเดือนมิถุนายน 2566 นั้น Tesla มีแผนที่ต้องการหาผู้ผลิตเพิ่มเพราะมองว่า TSMC น่าจะผลิตชิปให้ Tesla ไม่ทันนะครับ ดังนั้น ตอนนี้ Samsung จะกลายเป็นผู้ผลิตชิปรายที่สองรองลงมาต่อจาก TSMC ทันทีครับ ซึ่ง Tesla บอกเอาไว้แล้วว่าจะมีแค่สองรายเท่านั้นที่จะผลิตชิป FSD HW 5.0 ให้กับ Tesla ได้นั่นก็คือ TSMC และ Samsung ครับ

Tesla นำการ์ด nvidia H100 จำนวน 85,000 ใบมาฝึก AI บน FSD HW 5.0 แล้ว

อ้างอิงข้อมูลจาก Notebookcheck นั้น Tesla ได้เพิ่มการสั่งซื้อ Nvidia H100 อีก 50,000 ใบจากจำนวนเดิมที่มีอยู่แล้วที่ 35,000 ใบกลายเป็นว่า Tesla มีการ์ด Nvidia H100 สำหรับประมวลผลและฝึก AI มากถึง 85,000 ใบ โดยอีลอนบอกเอาไว้ว่า FSD V.12 ที่ใช้กันอยู่ที่รัน(วิ่งอยู่)บน Neural Network แทนที่จะเป็น C++ Code ดังนั้น การที่เอาการ์ดมาเทรน AI เพิ่มนั้นก็เพื่อโปรเจคที่จะเปิดปลายปีนี้ก็คือ Tesla CyberCab หรือบริการ ride hailing แบบ Uber หรือ Grab ในไทยครับ

อย่างไรก็ตาม เนื่องจาก การผลิต HW 5.0 ในช่วงแรกจะมีปัญหาดังนั้น Tesla Cab หรือ RoboTaxi ที่จะเปิดตัวภายในวันที่ 8 สิงหาคม 2567 นี้อาจจะใช้ HW 4.0 และมีบางคันที่ทำงานบน HW 5.0 ครับ

โดย HW 5.0 ของ Tesla Cybercab หรือ Tesla รุ่นถัดไปนั้นจะใช้ชิป 3 nm จาก TSMC โดยก่อนหน้านี้ Samsung มาประกาศว่า Tesla จะใช้ชิป 4 nm ของตนนะครับ ยังไงก็คงต้องมาดูกันว่าตอนเปิดตัว AI 5 หรือ Tesla FSD HW 5.0 นั้น Tesla จะใช้ชิปขนาดเท่าไหร่กันนะครับ

HW 3.0 ถูกสั่งหยุดผลิตแล้ว

Tesla ได้หยุดผลิต Tesla FSD HW 3.0 ไปแล้วตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามอีลอนบอกว่า ยังมีการพัฒนา software บน HW 3.0 ควบคู่ไปกันกับ FSD HW 4.0 อยู่นะครับ อย่างที่ทุกคนคือ

รถที่ใช้ HW 3.0 ไม่สามารถ upgrade เป็น HW 4.0 ได้

Green ยืนยันว่า ต่อให้จะพยายามดัดแปลงกล้องให้ใช้งาน HW 4.0 ได้ก็ตามแต่ตำแหน่งของ MCU นั้นไม่สามารถดัดแปลงได้เลย เราจะเห็นขนาดของ MCU HW4.0 ว่ามีขนาดใหญ่กว่า 20-50 % จากของเดิมและที่สำคัญคือ port ต่างๆ ก็เปลี่ยนไปจากเดิมเยอะมากๆ

แม้กระทั่งท่อ liquid cooling ระบายความร้อนแบบน้ำของทั้งสองรุ่นนั้นก็อยู่คนล่ะตำแหน่งแบบสิ้นเชิงครับ รวมไปถึงตัวยึดกล่องก็คนล่ะตำแหน่งกันเลย ดังนั้นก็แปลว่ารถยนต์ไฟฟ้า Tesla ทุกคันที่มี HW 3.0 ไม่สามารถไปต่อได้กับ HW 4.0 ครับ

ภาพด้านบนนี้คือการเปรียบเทียบระหว่างบอร์ด HW 3.0 Vs. บอร์ด HW 4.0 นะครับ

HW 4.0 เป็นแค่ตัวคั่นเวลา

ณ ปัจจุบันนั้น HW 4.0 เปรียบเสมือนตัวคั่นเวลาที่จะเปลี่ยนถ่ายระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ (Autonomous Driving) หรือจะเปรียบอีกอย่างก็คงเป็นเรือจ้างที่เป็นสะพานเปลี่ยนถ่ายจากจาก C++ Code หรือ algorithm จากการเขียนโปรแกรมแบบเดิมๆ เป็น Neural Network หรือการตัดสินใจของ AI ที่ Base on (อยู่บนพื้นฐาน)ความคิดความอ่านของมนุษย์ ถือว่า HW 3.0 นั้นเป็นครูอย่างดีให้กับ HW 4.0 และ HW 5.0 เลยทีเดียวครับ

ที่บอกอย่างนั้นก็เพราะว่า HW 4.0 ที่ใช้งานทุกวันนี้นั้น ใช้ data จาก HW 3.0 ทั้งหมด แถมประสิทธิภาพ hardware 4.0 ที่มีนั้นก็ไม่ได้ถูกนำมาใช้เต็มเม็ดเต็มหน่อย แต่กลายเป็นว่า ถูกใช้งานแบบ emulation mode แทน

emulation mode หรือ emulator mode นั้นคือโหมดการจำลองการใช้งาน ถ้าคิดไม่ออกผมจะขอยกตัวอย่างเป็นภาพด้านล่าง

ภาพด้านบนที่คุณเห็นนั้นคือ Emulator ของเกมส์มาริโอ้จากเครื่องเล่นเกมส์ Nintendo N64(1996) ที่รัน(วิ่ง)บน window XP (2001)

แน่นอนอยู่แล้วว่า เราสามารถรัน Game Emulator จากเครื่องเล่นเกมส์ Nintendo N64(1996) ในเครื่องคอมพ์ของเราเพราะสเปคคอมพ์เรามันแรงกว่าเครื่องเล่นเกมส์ Nintendo N64(1996)มากๆ แต่ในทางกลับกันเราไม่สามารถรัน Window XP ในเครื่องเล่นเกมส์ Nintendo N64(1996)อย่างแน่นอนเพราะว่า minimum requirement Spec (ความต้องการพื้นฐาน)ของ Window XP นั้นสูงกว่าเครื่องเล่นเกมส์ Nintendo N64(1996)

เช่นเดียวกันกับ HW 4.0 ที่สามารถรันทุกอย่างของ HW 3.0 ใน Emulation Mode ได้ครับ ทุกวันนี้ Tesla Software Engineer ไม่ได้เขียน software แยกออกมาสำหรับ HW 4.0 แต่ใช้วิธีการเขียนโปรแกรมให้รันใน HW 3.0 ได้แล้วทำการ Emulation Mode ลงมาใน HW 4.0 ครับ อารมณ์เหมือนเอาคอมพ์สเปคเทพๆ มาเล่นเกมส์มาริโอ้แบบด้านบนแหละครับ ดังนั้น HW 4.0 มันยังไม่ได้ใช้เต็มประสิทธิภาพของมัน

อย่างไรก็ตามในงาน Tesla Shareholder Meeting นั้น อีลอนได้ออกมาบอกว่า หลังจากที่ได้ลง nvidia H100 ครบ 85,000 ใบแล้ว เราจะให้ Software Engineer (วิศวกรซอฟท์แวร์)ของเทสล่าเขียน FSD สำหรับ HW 4.0 โดยเฉพาะขึ้นมา

Tesla FSD HW 4.0 นั้น โดยพื้นฐานมันแรงกว่า HW 3.0 อยู่ประมาณ 4-5 เท่าครับ เอาแค่กล้องรอบคันก็ความละเอียดต่างกัน 4 เท่าแล้วครับ(กล้องหน้า HW 3.0 อยู่ที่ 1.2 ล้านพิกเซล, กล้องหน้า HW 4.0 อยู่ที่ 5 ล้านพิกเซล) ส่วนกล้องข้างรถและหลังรถนั้นอยู่ที่ 2 ล้านพิกเซล

กว่าจะมาเป็น HW 5.0

ก่อนที่เราจะทำความรู้จัก Tesla FSD HW 5.0 นั้นผมอยากจะเท้าความกลับไปยังประวัติศาสตร์ของ HW 1.0 ถึง HW 4.0 ก่อนนะครับ

เวอร์ชั่น FSD HWปีรถที่ได้ใช้งานชิป(Chipset)
AP1 (HW1)2014-2016Model S, Model XMobileye EyeQ3 (28 nm)
AP2 (HW2)ปลายปี 2016Model S, Model XNVIDIA DRIVE PX2 (16 nm)
AP2.5 (HW2.5)กลางปี 2017Model S, Model X, Model 3NVIDIA DRIVE PX2 with minor updates
AP3 (HW3.0)2019Model S, Model X, Model 3, Model YTesla NPU (Samsung 14 nm)
HW4 2023Model S, Model X, Model 3, Model Y, CybertruckSamsung Exynos (7 nm)
HW5 (AI 5)2025[คาดการณ์]Model S, Model X, Model 3, Model Y, Cybertruck, Roadster, CyberCabSamsung (4 nm)

เราจะเห็นได้ว่า Tesla วางแผนจะสร้างรถขับเคลื่อนตัวเองได้มาตั้งแต่ปี 2012 (โปรเจคเริ่มแถวๆ ปี 2012 กับ Tesla Model S )และเป็น Production Car คันแรกในปี 2014 ที่ Tesla Model S มีกล้องหน้ารถและสามารถตรวจจับเลนบนถนนได้นะครับ(Lane keep) รวมไปถึงใช้งาน Radar ในการเว้นระยะห่างจากรถคันข้างหน้า

พอมาเป็น HW 2.0 ในปี 2016 นั้น Tesla ได้มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่โดยการเพิ่มกล้องเข้าไปถึง 8 ตัวจนกลายมาเป็นมาตราฐานของรถ Tesla ในทุกวันนี้ครับ

เทคโนโลยีก็ได้กระเถิบมาอีกครั้งในปี 2017 ที่ทำให้ Tesla เปิดตัว Tesla Model 3 และมีการปฏิวัติวงการ Tesla โดยแอบติดกล้องภายในห้องโดยสารเอาไว้แต่ไม่ทำการเปิดใช้เป็นระยะเวลา 3 ปีเต็มๆ เพราะอีลอนและ Andrej นั้นมีไอเดียที่จะสร้างรถขับเคลือนอัตโนมัติแต่ด้วยความที่ว่า software สมัยนั้นยังไม่ก้าวหน้าเหมือนสมัยนี้ ดังนั้น Tesla ได้แต่ทำ Hardware ออกมารองรับ FSD (Full Self-Driving) แต่ก็ไม่ได้เปิดใช้งานเต็ม 100 %

ในยุคนั้นเป็นยุคของการพัฒนา HW (Hardware) แบบก้าวกระโดดเรียกได้ว่า Tesla FSD HW นั้นตกรุ่นกันเกือบทุกปีครับเพราะดูจากตารางด้านบนจะเห็นได้ว่า HW 2 เปิดตัว 2016, ถัดมาปี 2017 ก็เปิดตัว HW 2.5

ถัดมาก็เปิดตัว HW 3.0 ในปี 2019 และในปี 2020 HW 3.0 ทุกคันก็ใช้ระบบระบายความร้อนแบบน้ำ(liquid cooling)

แล้วก็เกิด gap ครั้งยิ่งใหญ่คือ Tesla หยุดการพัฒนา HW แบบเปลี่ยนบอร์ดใหม่หมดในปี 2019 และหันมาพัฒนา software แทนครับ

จะเห็นได้ว่า HW 3.0 นั้นถูกพัฒนาขึ้นมาจากไอเดียปี 2017 ซึ่งเป็นปีที่ Pytorch เพิ่งอายุได้ 1 ขวบเอง เอาจริงๆครับ OpenAI ถูกก่อตั้งแถวๆ ปี 2015 โดยมีแต่ไอเดียว่าจะทำอะไรในตอนนั้นแต่ยังไม่สามารถทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเพราะเทคโนโลยีมันยังถูกพัฒนาไม่ถึงไอเดียที่จะนำมาใช้งานจริง

ดังนั้น HW 3.0 นั้นจะเรียกได้ว่า ถูกพัฒนามาบนพื้นฐาน Programming ล้วนๆ (เขียนโค้ดเพื่อให้รถขับจนถึงที่หมาย)

แต่ HW 4.0 นั้นถูกพัฒนาครั้งแรกในปี 2021 ซึ่งเป็นปีแห่งการมาของ AI และถูกนำมาใช้ครั้งแรกในปี 2023 เรียกได้ว่า HW 4.0 ถูกคลอดออกมาในยุคของ AI ครับ ดังนั้นการมาของ HW 4.0 นั้นเป็น Deep learning AI รุ่นแรกที่ถูกออกแบบมาให้รองรับการทำงานแบบ Trained AI (หรือ AI ที่ถูก train มาแล้ว) เรียกได้ว่าอายุของ HW 3.0 และ HW 4.0 นั้นห่างกันประมาณ 5 ปีเต็มๆ

ถ้าใครไม่เห็นภาพ ผมขอยกตัวอย่าง เหมือนเอามือถือเมื่อปี 2019 อย่าง samsung galaxy s20 หรือ iphone 11 Pro มาใช้งานแข่งกับมือถือปี 2023 อย่าง iPhone 15 Pro หรือ Samsung Galaxy S23 Ultra แหละครับ

ดูภายนอกก็มือถือเหมือนกัน แต่ถ้าเอามาใช้รัน zip file , เปิด apple car play, หรือเล่นเกมส์แข่งกันแล้ว พวกเราก็รู้อยู่แล้วว่ามันแตกต่างกันเท่าไหร่ครับ ดังนั้นไม่แปลกใจครับที่อีลอนจะไม่ไปต่อกับ HW 3.0 และเริ่มหันมาพัฒนา HW 4.0 อย่างจริงจังเพราะมันคือบรรไดขั้นถัดไปที่เข้าใกล้ Tesla FSD อีกขั้นครับ

Tesla FSD HW 5.0 หรือ AI 5 คืออะไร?

Tesla FSD HW 5.0 นั้นถูกพัฒนามาในปี 2023 หรืออายุห่างจาก Tesla FSD HW 4.0 อยู่ประมาณ 3 ปีครับ และจะเปิดให้ใช้งานจริงปลายปี 2025 หรือต้นปี 2026

AI 5 ในความหมายของอีลอนคือจะมาเปลี่ยนโลกการขับขี่รถยนต์ไฟฟ้า Tesla แบบอัตโนมัติไปตลอดกาลเลยครับ เอาแค่พลังงานที่ใช้ก็โหดแล้วครับ ผมเอาตารางมาโชว์ตรงนี้

เวอร์ชั่น FSD HW การบริโภคพลังงานสูงสุด(ที่มา TeslaTap)​
HW125 วัตต์ 
HW2250 วัตต์
HW2.5300 วัตต์
HW3220 วัตต์
HW4300 วัตต์
HW5800 วัตต์

จะเห็นได้ว่า HW 2.0, 2.5 นั้นกินไฟมากกว่า HW 3.0 เพราะตอนนั้น Tesla ใช้ชิป NVIDIA DRIVE PX2 ซึ่งมีขนาด 16 nm ทำให้กินไฟเยอะกว่ามากๆ ในการประมวลผลที่ช้ากว่า ในขณะที่ HW 3.0 ใช้ชิป Tesla NPU ขนาด 14 nm ครับ ส่วน HW 4.0 ที่ใช้ชิปขนาด 7 nm นั้นแรงกว่า HW 3.0 อยู่ประมาณ 3-4 เท่า

แต่พอมาใน HW 5.0 นั้น การกินไฟกระโดดขึ้นไปถึง 800 วัตต์ !! แม่เจ้า ทั้งๆที่ใช้ชิปขนาดเล็กกว่าเดิมอย่าง Samsung 4 nm มันก็แหงอยู่แล้วครับเพราะ HW 5.0 นั้นจะแรงกว่า HW 4.0 ถึง 10 เท่า

กินไฟดุกว่า HW 4.0 ถึง 2-3 เท่าแบบนี้ก็คงต้องมาดูกันว่ามีอะไรดีกันน้า

หมายเหตุ : การกินไฟ 800 วัตต์นั้นไม่ใช่ constant rate หรือต่อเนื่องแต่เป็นตอนใช้ Peak performance หรือดึงประสิทธิภาพของ Tesla FSD ออกมาสูงสุดนะครับ

เอาตรงๆเลยนะครับ ผมเอาตารางการกินไฟของการ์ดจอ nvidia อย่างเดียวมาเปรียบเทียบให้ดูตรงนี้ครับ

GPU Modelอัตราการกินไฟสูงสุด
Tesla HW 5.0 (4 nm)800 วัตต์
RTX 4090 (5 nm)450 วัตต์
RTX 4080 16GB320 วัตต์
RTX 4080 12GB285 วัตต์
RTX 4070285 วัตต์

Tesla FSD HW 5.0 ตัวเดียวสามารถดึงไฟได้มากกว่า RTX 4090 เกือบถึง 2 เท่าเลยนะครับ

BLINK DRIVE TAKE

สิ่งที่อยากทิ้งท้ายเอาไว้คือ อีลอนเคยพูดเกี่ยวกับ Tesla HW 4.0 ในงาน AI Day ปี 2021 และพอมางาน Tesla Shareholder Meeting ปี 2024 อีลอนก็พูดเกี่ยวกับ Tesla FSD HW 5.0 อีกนะครับ

คงต้องมาดูกันว่า ในวันที่ 8 สิงหาคม 2567 นั้น อีลอนจะเปิดตัว CyberCab พร้อมกับ AI 5 หรือไม่นะครับ

Stay tune, stay with BLINK DRIVE

Follow by Email