สวัสดีครับ วันนี้ผมมีเคสความปลอดภัยของรถ Tesla Model Y ฝั่งไทยมาเล่าให้ฟังนะคัรบ รถ Tesla Model Y คันนี้โดนสิบล้อบรรทุกของ(หนักประมาณ 5-10 ตัน)เบรคแตกและพุ่งชนท้ายนะครับ
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 13 มกราคม 2567 ที่ผ่านมา แต่ผมเพิ่งได้รับเรื่องมาเมื่อเดือนที่แล้วนะครับ สาเหตุที่เพิ่งมาเขียนโพสเพราะตอนแรกที่พูดคุยกันนั้นคุณราฟ(เจ้าของ Tesla Model Y)ทักเข้ามาหลังเพจว่า รถ Tesla Model Y ของเค้านั้น Total (ชนเสียหายจนไม่สามารถซ่อมได้)และอยู่ระหว่างการรอศูนย์ฯ Tesla Thailand ส่งเรื่องให้ประกันเพื่ออนุมัติเงินค่าเสียหาย(คืนซาก) ผมก็ไม่ได้สงสัยอะไรจนมาอาทิตย์นี้ผมเลยส่งข้อความไปสอบถามว่าเรื่องราวไปถึงไหนแล้วและขอดูรูปถ่ายรถที่เสียหาย(เผื่อจะช่วยให้ opinion(ความคิดเห็น)ว่าเคสนี้ควรจะจบที่ซ่อมหรือตีซากได้นะครับ) พอเห็นสภาพรถพร้อมวิดีโอในกล้อง Dashcam แล้วผมก็บอกว่า เห้ย นี่เคสใหญ่นิ รถบรรทุกพุ่งเข้ามาชนแรงมากครับ โชคดีมาก ๆที่รอดมาได้แถมคุณราฟแจ้งว่าคนที่นั่งข้างๆ นั้นคือภรรยาที่ท้องอีกด้วยครับ หลังจากเกิดอุบัติเหตุนั้น คุณราฟและภรรยาของคุณราฟไม่บาดเจ็บๆ มีแค่แผลถลอกๆนิดหน่อยนะครับ ยังไงผมจะเล่าเรื่องการเคลมประกันจากรถคันนี้ด้วยครับเพื่อไม่ให้คนใช้ Tesla มาประสบปัญหาเดียวกันกับคุณราฟ(รอเงินคืนทุนนานมาก) ตอนนี้คุณราฟเดินเรื่องจนได้ Loaner Car จาก Tesla มาขับแล้วนะครับ ยังไงเดี๋ยวผมจะเล่าเรื่องนี้ให้ละเอียดด้านล่างนี้ครับ
อุบัติเหตุ
เหตุการณ์นี้เกิดตอนฝนตกนะครับ โดยบริเวณที่เกิดเหตุนั้น รถ Tesla Model Y ของคุณราฟขับมาถึงจุดเกิดเหตุแล้วเพิ่งเห็นว่า มีรถพ่วงพลิกคว่ำ(และมีคนตายจากอุบัติเหตุนั้นด้วย) รถของคุณราฟนั้นเบรคทันแต่รถบรรทุกข้างหลังนั้นเบรคไม่อยู่นะครับ แถมข้ามอีกเลนมาชนท้ายรถของคุณราฟครับ
คนที่นั่งในรถ Tesla Model Y มานั้นมีคุณราฟและภรรยาของคุณราฟที่ท้องมาประมาณ 4 เดือนแล้วนะครับ ปรากฏว่า หลังจากเกิดอุบัติเหตุนั้น ทั้งคู่รีบนั่งรถกู้ภัยไปโรงพยาบาลที่อยู่ใกล้ตรงนั้นเพื่อทำการ Ultrasound ตรวจเชคว่าลูกของคุณราฟเป็นอะไรหรือป่าวนะครับเพราะทั้งสองคนนั้นไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ เลย
ตัวรถบรรทุกนั้นพุ่งมาชนก็จริงแต่ว่า Body ของรถ Tesla Model Y นั้นค่อนข้างแข็งแรงและท้ายนั้นค่อนข้างยาวทำให้เวลาโดนชนจากด้านท้ายนั้นคนนั่งแถวหน้านั้นแทบจะไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ ครับ อย่างไรก็ตาม คุณราฟบอกว่า แถวหลังนั้นยุบมาประมาณ 10 cm ซึ่งถือว่าเหลือเชื่อมากๆ เพราะถ้าดูจากวิดีโอนั้นรถบรรทุกเหมือนดับเครื่องชนไปเลยครับ เนื่องจากตอนที่ประสบอุบัติเหตุนั้นถนนลื่นมากๆ ตัวรถบรรทุกเบรคไม่อยู่(สังเกตุดีๆว่าล้อนั้นหันไปอีกด้านแล้วแต่ตัวรถพุ่งหารถของคุณราฟซะงั้น)
ส่วนรถสิบล้อที่ไหลมาชนนั้น บรรทุกเหล็กมาประมาณ 5-10 ตันนะครับ แถมยังเจออุบัติเหตุข้างหน้าพร้อมกับถนนที่เปียกอีกครับ ทำให้ตัวรถไม่สามารถหยุดได้
Safety No.1 ของโลก
คุณราฟบอกกับผมว่า เรื่อง Safety(ความปลอดภัย)ของ Tesla นั้นต้องยกให้เป็นอันดับหนึ่งของโลกจริง ๆ และโชคดีของคุณราฟที่ตัดสินใจเอารถยนต์ไฟฟ้า Tesla Model Y ออกมาจากบ้านวันนี้เพราะเอาจริงๆแล้วคุณราฟมีรถที่บ้านอีกคันมา (รถญี่ปุ่นเล็ก) เค้าบอกว่า ถ้าเอารถคันนั้นมา วันนี้คงไม่ได้จบที่บาดเจ็บแน่นอน ไม่อยากจินตนาการว่า เบาะหลังอาจจะไม่เหลือเค้าโครงเดิมเลยก็ได้ ส่วนนี่คือภาพเบาะหลัง Tesla Model Y ที่โดนชนมานะครับ
ชิ้นส่วน Gigapress ช่วยชีวิตเอาไว้
Gigapress นั้นไม่เพียงจะช่วยลดต้นทุนการผลิตรถให้เทสล่าเพราะสามารถรวมชิ้นส่วนจาก 70 ชิ้น(ซ้าย)ให้กลายเป็น 2 ชิ้น(ขวา)ได้นะครับ การรวมแบบนี้มีทั้งข้อดีและข้อเสียนะครับ
ข้อดีคือ เวลาชนแรงๆ แบบนี้ตัวชิ้นนี้มันจะดูดซับแรงกระแทกและยุบตัวน้อยมากๆ ทำให้ห้องโดยสารคงรูปเดิมอยู่ครับ
ข้อเสียคือ ถ้าชนไม่แรงมากนั้นอาจจะต้องเสียรถไปทั้งคันเลยเพราะว่า โครงสร้างตัวนี้มันยืดกลับมาคืนที่เดิมไม่ได้ครับ
ถ้าดูภาพด้านล่างดีๆจะเห็นได้เลยว่า โครงสร้าง Honey Comb (รังผึ้ง)ของ Tesla Gigapress ของรถคันนี้ยุบตัวแบบเห็นได้ชัดแต่จะไม่เหมือน Tesla Model Y รุ่น Regular press (เอาชิ้นส่วนมาประกอบกัน) นะครับ เพราะโครงสร้างแบบนี้จะทำตัวเป็นเหมือนกระดาษลูกฟูกมหึมาที่มาดูดซับแรงกระแทกจากด้านหลังของรถ
พวกเราเห็นมาตั้งนานกันแล้วนะครับว่า ผิวของ Tesla Model 3/ Model Y นั้นบางมากครับ เอาจริงๆ แค่จักรยานชนก็บุบแล้วครับ แต่ภายใต้ผิวของ Tesla Model Y นั้นมีกระดูกเหล็กอย่าง Gigacast หรือชิ้นส่วนที่มาจาก Gigapress รองรับเป็นโครงกระดูกขนาดใหญ่รออยู่นะครับ
การเลือกซื้อรถ Tesla Model Y นั้นเป็นการที่เราจัดสรร priority (ความสำคัญ)ไม่ใช่แค่อัตราเร่งหรือเพียงแค่เทคโนโลยีเท่านั้นแต่ยังเป็นเรื่องความปลอดภัยอีกด้วยครับ แต่สิ่งที่ต้องแลกมาคือ ค่าประกันภัยที่แสนแพงและตัวถังที่โดนชนหนักแบบนี้แล้วจะโดนตีเสียทั้งคัน ซึ่งต่างประเทศเค้าก็ไม่ซ่อมครับ เคสแบบนี้คือตีเสียทั้งคันอย่างเดียวครับ
อย่าลืมเอาของลงจากรถเวลารถชน
ตอนที่เกิดอุบัติเหตุ : คุณราฟลืมของไว้ในรถ พอเดินออกมาจากรถได้ 5-10 นาที ตัวรถจะทำการ Shutdown เอง เพราะเวลารถ Tesla โดนชนแรงๆ ตัวรถทำการ activate Failsafe (ดับระบบทุกอย่าง)และตัดไฟจากแบต HV เพื่อป้องกันไฟไหม้หรือไฟช๊อตคนรอบข้างครับ ดังนั้นแนะนำว่าเวลาเกิดเหตุให้หยิบข้าวของที่จำเป็นออกมาจากตัวรถเผื่อรถมันจะล๊อคตัวเองแบบนี้นะครับ
รอค่าเคลมรถมา 4 เดือนเต็มๆ แล้ว
คุณราฟเอารถไป drop ที่ศูนย์ฯTesla Thailand Service Center แต่ว่าเรื่องไม่คืบหน้าประมาณ 2 อาทิตย์เลยย้ายมาให้ Master Piece ตรวจสภาพ
ต่อมา Master Piece ใช้เวลา 1 เดือนในการตีราคาค่าซ่อมและส่งเรื่องให้ประกัน
ประกันของคุณราฟ LMG (โปร leasing แถมฟรีประกัน 1 ปี) ทุน 1.85 ล้านบาท แต่ประเด็นคือ ประกันเห็นเคส Total แล้ว แต่เคลมให้ไม่ได้ถ้าไม่มีหนังสือรองรับจาก Tesla Thailand เกี่ยวกับสภาพตัวแบตกับโครงสร้างรถ
ช่วงเวลาที่ระหว่างรอประกันโยนเรื่องกันไปมาระหว่างประกันกับ Tesla Thailand คุณราฟตามเรื่อยๆ จนผ่านไป 2 เดือน
Tesla จึงตัดสินใจยกรถกลับไป Tesla Service Center เพื่อให้เดินเรื่องออกเอกสารฉบับนั้นให้
แต่ตอนนี้เอกสารก็ยังไม่ออกมานะครับ อย่างไรก็ตามเมื่ออาทิตย์ที่แล้วผมเชคกับคุณราฟดูปรากฏว่า Tesla Service Center ของไทยก็ออกมายอมรับจริงๆว่า พวกเค้าทำงานพลาดในจุดนี้เลยเอา Loaner Car มาให้คุณราฟขับระหว่างที่พวกเค้าแก้ไขปัญหาอยู่นะครับ
BLINK DRIVE TAKE
หลังจาก คุณราฟจบเรื่องแล้วเดี๋ยวผมจะมา update ให้ชมว่า เคสนี้ใช้เวลากี่เดือนในการเคลมเงินคืนซากและจะมาแชร์ข้อมูลให้ดูว่าถ้าคนไทยเจอเคสแบบนี้กันแล้วต้องไปติดต่อที่ไหนบ้างนะครับ
แต่ที่แน่ ๆ ก็ขอขอบคุณคุณแชมป์ Masterpiece มา ณ ที่นี้ด้วยที่ช่วยดำเนินเรื่องให้
ส่วนการตามเรื่องใน Tesla Service Center นั้น คุณราฟแนะนำให้เดินทางไปคุยกับคนที่นั่นนะครับเพราะเวลาคุยทางโทรศัพท์แล้วหาคนที่รับผิดชอบงานยากมากครับ