Site icon Blink Drive

สุสานรถ EV ในจีนเกิดจากอะไร? ทำไมคนถึงเลิกใช้กัน?

อ้างอิงข้อมูลจาก Bloomberg ณ เมืองหางโจ ประเทศจีนนั้นมีภาพถ่ายรถ EV จำนวนมากกว่าร้อยคันถูกทิ้งกลื่นกลาดและมีวัชพืชขึ้นเต็มรถไปหมดเลย บ้างก็ว่า คนจีนเลิกใช้รถ EV แล้ว,​บ้างก็ว่า บริษัทรถ EV ในจีนกำลังจะล่มสลายบ้าง วันนี้ Blink Drive จะมาไขปริศนาเกี่ยวกับเรื่องนี้กันจากแหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือระดับโลกอย่าง Bloomberg ครับ

ฟองสบู่รถ EV ในจีน?

ย้อนกลับไปเมื่อ 10 ปีที่แล้ว (2010s) นั้น รัฐบาลจีนสนับสนุนค่ายรถยนต์ไฟฟ้าทั้ง start up (หน้าใหม่)กับค่ายรถน้ำมันให้หันมาผลิตรถยนต์ไฟฟ้ากันแบบบ้าคลั่งเลยทีเดียว มีโปรมากมาย เช่น ปล่อยกู้ดอกเบี้ย, ให้ที่ดินไปสร้างโรงงานฟรี 10 ปีก็มี แต่ถึงกระนั้น เทคโนโลยีรถ EV เมื่อ 10 ปีที่แล้วนั้นมันยังห่างไกลเทคโนโลยีวันนี้อยู่มาก รถยนต์ไฟฟ้าสมัยนั้นที่ขายกันในท้องตลาดจะมี Range (ระยะทางที่วิ่งได้)เฉลี่ยคันละ 100 km ต่อการชาร์จไฟ 1 ครั้ง

แต่ถึงกระนั้นเอง นั่นไม่ใช่สาเหตุหลักของสุสานรถ EV จีนในครั้งนี้ครับ Bloomberg รายงานเอาไว้ว่า สาเหตุที่ทำให้รถ EV จีนมาจอดทิ้งกองพะเนินอย่างนี้มาจาก “บริษัทรถเช่า” ในจีนครับ อารมณ์เหมือนธุรกิจ E-Bike Sharing หรือการเช่าจักรยานไฟฟ้าผ่าน app ที่เอาจักรยานไฟฟ้าไปวางไว้ในเมืองเพื่อปล่อยเช่า แล้วพอเวลาธุรกิจไปต่อไม่ได้หรือเรียกว่าล้มละลาย ทรัพย์สินทั้งหมดของบริษัทก็ต้องถูกเอามาวางเรียงไว้ ณ สถานที่แห่งหนึ่งเพื่อรอการตัดสินใจศาล บางทีก็รอกันเป็น 10 ปีครับ อย่างสุสานจักรยานไฟฟ้าด้านล่างนี้ก็คือผลลัพธ์ของธุรกิจที่ล้มละลาย

ภาพ : สุสานรถจักรยานไฟฟ้าในจีน

อย่างที่ทราบกันคือประเทศจีนเป็นผู้นำยานยนต์ไฟฟ้าในจีน ตัวเลขการเติบโตของรถยนต์ไฟฟ้าในจีนถือว่าเยอะที่สุดในโลกเลยครับ อย่างปีที่แล้วประเทศจีนประเทศเดียวขายรถยนต์ไฟฟ้า(รวม Plug-in hybrid) ไปได้มากถึง 6 ล้านคันหรือเรียกได้ว่า 1 ใน 3 ของรถที่ขายได้ในจีนคือรถยนต์ไฟฟ้าเลยครับ

ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าในจีนนั้นคิดเป็นอัตราส่วน 60 % ของยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าทั้งโลกครับ จีนนั้นมีรถยนต์ไฟฟ้าหลากหลายมาก ตั้งแต่รถคันล่ะ 60,000 บาทไปจนถึงคันล่ะ 10-15 ล้านบาทเลย แถมยังมีสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าเยอะเป็นอันดับหนึ่งของโลกด้วย เรียกได้ว่ารัฐบาลประสบความสำเร็จในการผลักดันให้ประเทศเข้าสู่โลกของยานยนต์ไฟฟ้าเลย

เหลือรอดเพียง 100 บริษัทจาก 500 บริษัท

แต่บนโลกนี้นั้นไม่มีอะไรได้มาฟรีๆ หรอกครับ ภายใต้ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าที่เยอะมากมายเหล่านั้น ก็มีการล้มหายตายจากของค่ายรถยนต์ไฟฟ้าไปเยอะมาก ในปี 2019 นั้นมีการรายงานว่ามีบริษัทผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในจีนสูงถึง 500 บริษัท(รวม start-up ต่างๆ เข้าไป) แต่พอมาปี 2023 นี้ บริษัทผลิตรถ EV เหล่านั้นลดลงเหลือเพียง 100 บริษัทเท่านั้น เรียกว่า อัตราการรอดตายของค่ายรถยนต์ไฟฟ้าในจีนนั้นอยู่ที่ 20% เท่านั้นเอง มันจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่มีค่ายรถบางค่ายไปไม่รอดและทางการก็ยึดทรัพย์สินมาจอดทิ้งเอาไว้โดยยังไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงกับรถเหล่านี้

แล้วสุสานรถ EV มาจากไหนกันแน่?

ส่วนอีกสาเหตุหลักที่รถ EV ค่ายอื่นๆ ถูกจอดทิ้งเอาไว้เพราะมันคือรถของบริษัทรถเช่าที่เหมาซื้อมาในช่วงก่อน COVID-19 ซึ่งตอนนั้นเศษรฐกิจจีนดีมากๆ คนเดินทางกันเป็นว่าเล่น ทำให้บริษัทรถเช่าเหล่านี้โหมโรงซื้อรถยนต์ไฟฟ้าเข้ามาในบริษัทของตนเกินความจำเป็น

พอ COVID-19 มาในปี 2019 นั้น ทุกอย่างกลับตาลปัตรไปหมด ยอด Demand (ความต้องการ) เช่ารถยนต์ก็หายหรือลดลงเป็นศูนย์ เพราะจีนออกนโยบาย Zero COVID Policy  คือการสั่งให้ทุกคนอยู่แต่ในบ้าน ถ้าจะออกจากบ้านได้ก็เป็นได้เฉพาะรถพยาบาลหรือรถสาธารณะที่ได้รับการอนุญาติจากรัฐเท่านั้น

บริษัทรถเช่าหลายแห่งต่างล้มละลายภายในไม่กี่เดือนหลังจากนโยบายนี้ประกาศออกไป เนื่องจากไม่มีใครอยากเดินทางไปไหนมาไหนอีกแล้วครับ

ยกตัวอย่างบริษัท Didi Chuxing Technology Co. และ Faststep Automobile Management ที่โดยเรื่องนี้เข้าไปด้วย ก็ต้องเอารถฉางอัน(Changan) EV ที่ตัวเองซื้อมา มาจอดทิ้งในลานจอดรถแบบนี้มากกว่า 200 คัน ซึ่งทางบริษัทบอกว่า รอการพ่นสีตัวถัง แต่เอาจริงๆ แล้วทาง Bloomberg บอกว่า มันถูกจอดทิ้งเอาไว้แบบตามยถากรรมมากกว่า เพราะรถเหล่านี้เป็นรถที่ซื้อก่อน COVID-19 จะเกิด พอจบเรื่องราว COVID-19 นั้น กลายเป็นว่ารถเหล่านี้ตกรุ่นกันไปเกือบหมดแล้ว ทางบริษัทรถเช่าก็ไปหารถรุ่นใหม่มาให้ลูกค้าเช่าแทน

อย่างรถ EV ยี่ห้อ ฉางอัน คันด้านล่างนี้เป็นรถที่จดทะเบียนก่อนเดือนธันวาคม 2017 ซึ่งในเมืองหางโจวนั้นได้ทำการเปลี่ยนป้ายทะเบียนจากสีน้ำเงินเป็นสีเขียวในปี 2017 แต่ยังไงก็ตามสติ๊กเกอร์พรบ.​ รถคันนี้หมดอายุในปี 2021 ดังนั้นรถคันนี้คือรถที่ถูกนำมาทิ้งแถวๆ ปี 2021 จนถึงปัจจุบัน

รูป : รถยนต์ไฟฟ้ายี่ห้อ Changan ถูกทิ้งเอาไว้ในพื้นที่รกร้าง

อีกตัวอย่างนึงคือ Geely ก็ได้ออกมาบอกว่า มีรถของตนเองจำนวน 40 คันจอดในพื้นที่รกร้าง พอเราเข้าไปตรวจสอบปรากฏว่ารถเหล่านั้นอยู่ในสภาพที่นำกลับมาใช้งานได้ทั้งหมด แต่เจ้าของรถเหล่านี้คือ Caocao ซึ่งเป็นบริษัทผู้ให้บริษัทรถเช่าที่นำรถมาทิ้งตรงนี้ เค้าได้จ่ายค่าที่จอดรถให้กับเจ้าของที่จนถึงเดือนสิงหาคม 2019 จากนั้นก็ไม่ได้ทำการจ่ายเงินให้กับเจ้าของที่อีกเลย Geely จะนำรถออกมาก็ไม่ได้เพราะไม่ใช่เจ้าของรถและไม่อยากจ่ายเงินค่าเช่าที่เหล่านั้นครับ

จอดทิ้งแบบนี้แล้วแบตลิเธียมล่ะ?

อย่างที่รู้กันว่า รถยนต์ไฟฟ้านั้นใช้แบตลิเธียมกันเกือบหมดและภายในแบตก็จะมีแร่ที่มีค่าและก็เป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม(ถ้าไม่ได้รับการรีไซเคิลไม่ถูกต้อง)เต็มไปหมด ทางรัฐบาลท้องถิ่นเมืองหางโจวก็ได้ออกมาไล่เก็บแบตออกจากรถเหล่านั้นเพื่อนำไปรีไซเคิลและนำซากรถไป recycle ทั้งหมด

Cite : Bloomberg, factcheck.org

BLINK DRIVE TAKE

ช่วงนี้เห็นข่าวฝั่งไทยประโคมข่าวเรื่องรถ EV จีนจอดทิ้งตามป่าตามที่รกร้างเต็มไปหมด จริงๆ แล้วถ้าเป็นรถของบริษัทผู้ผลิตจริงๆ เค้าคงเอาออกจากสถานที่นั้นไปแล้วครับ เพราะการไปจอดแบบนั้นมันเหมือนการประจานตัวเองว่ารถขับไม่ได้ครับ แต่สาเหตุหลักที่เอาออกมาไม่ได้เพราะพวกเค้าไม่ใช่เจ้าของรถเหล่านั้นครับ แต่เป็นบริษัทผู้ให้เช่ารถที่ล้มละลายบ้างหรือทรัพย์สินถูกทางการยึดบ้างมาจากทิ้งเอาไว้

คราวนี้พอรูปถ่ายมันออกไปยังโลกภายนอก ก็ไม่จำเป็นต้องเอา citation อะไรก็ได้เนอะ ฮ่าๆ

ยังไงใครมีข้อมูลเพิ่มเติมมากกว่าสำนักข่าว Bloomberg ก็แจ้งมาให้ผมทราบหน่อยนะครับ ใน facebook fanpage ก็ได้ครับ เดี๋ยวผมจะช่วยแชร์ข้อมูลให้ครับ

Stay tune, stay with BLINK DRIVE

Exit mobile version