ภาพเทคโนโลยีการชาร์จแบบไร้สาย(wireless charging) นั้นหลุดมาในขณะที่คุณ Rebecca Tinucci ซึ่งดำรงตำแหน่ง Tesla Head of Global Charging Infrastructure (หัวหน้าแท่นชาร์จ Global) ได้พูดคุยเกี่ยวกับ Tesla Supercharger อยู่นะครับ
อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีการยืนยันจากทาง Tesla ว่าจะมีการเปิดตัวแท่นชาร์จไร้สายเมื่อไหร่ แต่ถ้า Tesla พัฒนาขึ้นมาแล้วจริงๆ มันจะช่วยในการจอดรถในห้าง ฯ หรือตามโรงหนังเพื่อชาร์จเป็นเรื่องง่ายขึ้นกว่าเดิมหลายเท่าตัวแหละครับ
แต่สิ่งที่มีคนคาดการณ์ว่าจะสูญเสียตามมาคือ power loss ระหว่างที่ทำการปล่อยประจุไฟผ่านอากาศไปยังตัวรับกระแสไฟแหละครับ
ที่มา : Teslarati
BMW เป็นเจ้าแรกที่คิดค้นระบบนี้
จริงๆ แล้ว Tesla ไม่ใช่ค่ายแรกที่คิดเรื่อง wireless charging นะครับ ก่อนหน้านี้ ในปี 2017 นั้น BMW ได้คิดค้นวิธีชาร์จรถแบบไร้สายมาก่อน Tesla นะครับ โดยรถที่ได้ถูกนำมาใช้ระบบ Wireless Charging ใน ตอนนั้นได้แก่ BMW Expands 530e PHEV 2019 โดย BMW แนะนำว่า ควรจอดรถให้คลุมแท่นชาร์จนี้และตั้งแท่นชาร์จให้ใกล้ตัวรับกระแสไฟของรถไม่เกิน 2.75 นิ้วหรือประมาณ 7 cm ครับ
ตัว wireless charging ที่ BMW คิดค้นขึ้นมานั้นสามารถปล่อยกำลังไฟได้มากสุดที่ 3.7 kW หรือครึ่งนึงของแท่นชาร์จตามบ้าน อย่างไรก็ตาม PHEV ส่วนใหญ่รับไฟได้เพียง 3 kW เท่านั้นดังนั้นมันเพียงพอต่อการชาร์จรถน้ำมัน PHEV อย่างแน่นอนครับ
อย่างไรก็ตาม BMW พับโครงการนี้ไปในปี 2019 โดยรถที่มีการติดตั้ง Wireless Charging ตัวนี้มีเพียงรุ่นเดียวในนั้นคือ BMW 530e PHEV ที่เป็น production car จากนั้นก็ไม่มีการนำมาใส่ในรถยนต์ไฟฟ้าอีกเลยครับ
BLINK DRIVE TAKE
ข้อดีของ Wireless Charging คือความสะดวกสบายครับ ดังนั้นแท่นชาร์จตัวนี้เหมาะกับห้างสรรพสินค้าที่มีที่จอดเยอะๆ และสร้างเอาไว้เพื่อให้คนขับที่จอดรอผู้โดยสาร 30-40 นาทีได้ไฟเข้าไปนิดส์ๆ เพื่อสนับสนุนคนหันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้ากันมากยิ่งขึ้น เพิ่มความสะดวกสบายในการจอดรอรับผู้โดยสาร
แต่ถ้าจะให้มาใช้ในชีวิตประจำวันคงยากเพราะกำลังไฟที่ปล่อยออกมานั้นมี power loss สูงกว่าการส่งกระแสไฟจากสายไฟนะครับ ส่วนอีกเรื่องคือเรื่องความร้อนจากการทำ wireless charging ซึ่งTesla ต้องแก้ painpoint (ปัญหา)นี้อย่างจริงจังก่อนนำมาขาย เรื่องสุดท้ายคือกระแสไฟที่เข้ารถนั้น ถ้าจะทำให้ได้เทียบเท่า AC Charger คงต้องมาดูกันอีกทีว่า แท่นชาร์จไร้สายหน้าตาจะใหญ่แค่ไหนและราคาเท่าไหร่แหละครับ เพราะของ BMW นั้นอยู่ที่ 3.2-3.7 kW แล้วหยุดพัฒนาไปตั้งแต่ปี 2019 ครับ
เราคงต้องมาดูกันว่า Tesla จะสามารถสานต่อโปรเจคของ BMW ได้ดีแค่ไหนกันนะครับ