Blink Blink
TeslaUSA

Tesla Model 3 ลดการเดินสายไฟภายในรถมากถึง 17 kg จาก Tesla Model S (รุ่นเก่า)

ภาพด้านล่างนี้เป็นภาพการร้อยสายไฟกับอุปกรณ์มากกว่า 300 ชิ้น(ไม่ว่าจะเป็นที่ชาร์จรถ, airbag, ระบบวิทยุ, USS, ไฟรอบคัน, และอื่นๆ )ในรถยนต์ไฟฟ้า Tesla Model S ปี 2012 นะครับ

ภาพด้านล่างนี้ก็เป็นการโชว์อุปกรณ์ต่างๆ ในรถยนต์ไฟฟ้า Tesla ซึ่งจะเห็นได้ว่าสายไฟนั้นระโยงระยางมั่วกันไปหมดเลย ทำให้ยากต่อการดูแลและที่สำคัญเวลาจะโปรแกรมแก้ไขอะไรซักส่วนนึงมันจะต้องมานั่งไล่สายไฟกันในรถว่าจะต้องแก้ไขตรงอุปกรณ์ตัวไหนกันก่อนนะครับ ซึ่งวิศวกรในสมัยนั้นก็ทะเลาะกันมันส์มากเวลามีปัญหาเกิดขึ้น พวก programmer ก็คิดว่าวิศวกรออกแบบรถทำรถออกมาไม่ดี ส่วนฝั่งวิศวกรออกแบบรถก็อาจจะโทษ Programmer ที่เขียน Code ออกมาให้อ่าน device ไม่เจอ แต่พอจะ unplug(ถอดสาย)อุปกรณ์ซักตัวในรถเพื่อที่จะหาสาเหตุนี่คือเรื่องใหญ่มากๆ เพราะตัวรถมีสายไฟมากกว่า 100 เส้นให้เลือกถอดนะครับ

แก้ปัญหาโดยการใช้ controller ร่วมกัน

วิศวกรทั้งสองฝั่ง (Hardware และ Software) ได้เรียนรู้ปัญหาจาก Tesla Model S เอาไว้เยอะมากๆ พอย้ายมาบ้านหลังใหม่คือ Tesla Model 3 นั้น วิศวกรทั้งสองแผนกก็ร่วมมือกันลดสายไฟต่างๆ ภายในรถโดยการสร้าง Controller ตามจุดต่างๆ เพื่อเป็น Hub ภายในโครงสร้างรถเพื่อลดเส้นทางการเดินสายไฟได้มากถึง 17 กิโลกรัม!! หรือมากกว่า 200 เมตร

แชร์ Controller ของ Next Gen Platform อยู่ที่ 100%

อย่างที่เห็นในกราฟด้านล่างจะเห็นได้ว่า Tesla Model S รุ่นแรกที่ผลิตออกมานั้นมีปัญหาเรื่องการเดินสายไฟอยู่เยอะมาก Controller ถูกนำมาใช้เพียง 20 % และเราจะเห็นได้ว่า Tesla Model 3 เอา Controller มาใช้เพิ่มขึ้นเป็น 56 % หรือมากขึ้นกว่าเดิม 36 % แต่กลายเป็นว่าสายไฟหายไปถึง 17 kg

โดยทีมวิศวกร Tesla บอกว่า Tesla Cybertruck จะใช้สายไฟน้อยลงไปอีกเพราะใช้ Controller (ตัวควบคุม)มากขึ้นเป็น 85% และ Tesla Nextgen (หรือเทสล่าราคาถูก)จะใช้ Controller มากถึง 100% ถึงวันนั้นเราอาจจะได้เห็นสายไฟในรถ Tesla น้อยกว่าสายไฟในคอมพิวเตอร์เราก็เป็นได้ครับ

Stay tune, stay with BLINK DRIVE

Follow by Email