Blink Blink
TeslaUSA

Andrej (อดีตหัวหน้า Tesla AI) กลับไปทำงานให้ OpenAI อีกครั้ง

Andrej Karpathy (อันเดรจ คาร์แพธี) หรือเรียกอีกชื่อนึงว่าพระบิดาแห่ง Tesla Autopilot ได้ทำการประกาศใน twitter ของตนเองวันนี้ว่าตนเองได้ย้ายกลับไปทำงานกับบริษัท OpenAI ซึ่งเป็นบริษัทที่เป็นเจ้าของ Chat GPT ที่โด่งดังในตอนนี้นะครับ

ประวัติการศึกษาคุณอันเดรจ คาร์แพธี – AI GOD FATHER

คุณอันเดรจ คาร์แพธีนั้นเริ่มเรียนเขียนโปรแกรม ณ มหาวิทยาลัยโตรอนโต้ในปี 2005 (อายุ 19 ปี)และสำเร็จการศึกษาในปี 2009 (อายุ 23 ปี)จากนั้นก็ได้ย้ายไปเรียนป.โทเกี่ยวกับ Machine learning ในปี 2009 ณ มหาวิทยาลัย British Columbia จากนั้นก็สำเร็จการศึกษาในปี 2011 (อายุ 25 ปี) และได้ต่อป.เอก ณ มหาลัยชั้นนำของโลกอย่าง Standford ในสาขา Computer Vision และ NLP (Natural Language Processing) และอื่นๆ เกี่ยวกับ Deep Learning 

คุณอันเดรจได้พบกับคุณ Fei-Fei Li(เฟย เฟย ลี)  ซึ่งสมัยนั้นเค้ายังเป็น Advisor(อาจารย์ที่ปรึกษา)ให้กับคุณอันเดรจ ถ้าทุกคนคุ้นชื่อนี้แต่จำไม่ได้ผมขอย้อนความจำโดยเอาวิดีโอ TED Talk ของคุณเฟย เฟย ลีมาวางเอาไว้ตรงนี้เลยนะครับ ผู้หญิงท่านนี้เป็นมารดาของดวงตา AI เลยก็ว่าได้ครับ เค้าเป็นคนสอนให้คอมพิวเตอร์หรือ AI เข้าใจภาพต่างๆ และอ่าน object(วัตถุ)ให้ออกว่า นี่เป็นอะไร

ในสถานที่แห่งนั้นเค้ายังได้ร่วมงานกับ Daphne KollerAndrew NgSebastian Thrun และ Vladlen Koltun โดยถ้าคุณศึกษาเรื่อง Deep Learning แล้วล่ะก็ไม่มีทางที่คุณจะไม่รู้จัก Andrew Ng ซึ่งได้ถูกขนานนามว่าเป็นบิดาของ Deep Learning ในยุค 2022 นี้ไปแล้วครับ เค้าเป็นเจ้าของเว็บ Deeplearning.ai และเป็นคนสอน Machine Learning ที่เก่งระดับโลกคนนึงเลยครับ 

วิดีโอด้านล่างนี้เป็นวิดีโอที่สัมภาษณ์ระหว่างคุณ Andrew Ng (กูรู Deep Learning) และ คุณอันเดรจ(God Father of Tesla AI) 

คุณอันเดรจคนใส่เสื้อสีฟ้าแถวบนด้านซ้าย

ณ สถานศึกษาแห่งนั้นเอง คุณอันเดรจได้เป็นคนออกแบบหลักสูตร CNN (Convolutional Neural Network) สำหรับ Visual Recognition หรือดวงตาของ AI ณ ปัจจุบันนี้ เค้าเป็นคนแรกในมหาวิทยาลัย Standford ที่คิดค้นหลักสูตรนี้ในปี 2015

ระหว่างที่เรียนนั้นเค้าก็ได้ทำ Project (โปรเจค)เกี่ยวกับ Deep Learning หรือเรียกว่า Google Brain ในปี 2011 ซึ่งเป็น unsupervise learning(การจับกลุ่มของข้อมูลโดยมนุษย์ไม่ได้ช่วยเหลือหรือสอน)ควบคู่กับการเรียน จนมาในปี 2015 เค้าก็ได้ทำโปรเจคใหญ่อย่าง DeepMind ที่ Google ซื้อมาจากบริษัท Alphabet ในปี 2014 ถ้าคนที่เรียน AI มาจะรู้จัก Deepmind เป็นอย่างดีครับ แต่คนที่ไม่เรียนก็อาจจะเคยผ่านเหตุการณ์ระดับโลกอย่างที่ DeepMind ทำก็ได้ นั่นก็คือโปรเจค AlphaGo ไงครับ 

โปรเจค AlphaGo ที่ Deepmind เจ้าภาพนั้นก็คือโปรเจคที่สร้าง AI ที่ชาญฉลาดที่สุดในโลกมาตัวนึงโดยให้ใช้ Reinforcement Learning (การเรียนรู้เอง) โดย AI ให้ทำการเรียนรู้วิธีเล่นโกะเอง ผลลัพธ์คือ Deepmind สามารถเอาชนะแชมป์โกะระดับโลกอย่าง Lee Sedol(ลี ซีดอล) โปรแกรมเมอร์ที่มาเขียนโปรแกรมสู้กับแชมป์โลกคนนี้ไม่ใช่แชมป์โกะเลยซักคน แถมบางคนยังเล่นโกะไม่เป็นเลยครับ

ปี 2016 นั้นเป็นปีแจ้งเกิด AI หรือสมองกลของหุ่นยนต์ก็เพราะการที่ AI สามารถเอาชนะแชมป์โกะได้แหละครับ

ปล. คุณอันเดรจไม่ได้อยู่ในโปรเจค AlphaGo นะครับ เพราะโปรเจคนี้สำเร็จในปี 2016 ซึ่งตอนนั้นเค้าย้ายงานไปที่ OpenAI แล้วครับ

ซึ่งนั่นเป็นที่ๆ ทำให้เค้าได้พบเจอกับ CEO ของบริษัทที่มีนามว่า Elon Musk ยังไงล่ะครับ อีลอนนั้นเริ่มบริษัท OpenAI ในปี 2015 และขายบริษัททั้งในปี 2018 ในราคา 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ

ในปี 2017 ซึ่งเป็นปีที่ อีลอนกำลังตัดสินใจขายบริษัทนั้นเค้าก็ได้นำตัวคุณอันเดรจไปยังบริษัท Tesla ต่อเลยครับ ซึ่งวันที่คุณอันเดรจมาทำงานที่เทสล่านั้นบอกว่า เหมือนมาชุบชีวิตแผนก Autopilot ของ Tesla และนำความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่มาให้กับ Tesla จนกลายมาเป็น Tesla ทุกวันนี้ครับ

ที่มา : karpathy.ai

คุณอันเดรจ = ขงเบ้งใน Tesla

จะเรียกว่า บริษัท Tesla เติบโตด้าน software เกี่ยวกับ FSD (Full Self-Driving) ได้มาไกลขนาดนี้(ไกลกว่า Google)ก็เพราะคุณอันเดรจนี่แหละครับ

หนึ่งในสิ่งที่บ้ามากๆ ที่ Tesla ทำสวนทางกับชาวบ้านที่สร้างรถไร้คนขับทั้งหมดคือ เรื่อง hardware (อุปกรณ์)ครับ ในขณะที่ค่ายอื่นๆ เช่น Voyage, Waymo(ของ Google), Cruise(ของ GM), และค่ายอื่นๆ ยังพยายามพึ่งพา LiDar (สแกนวัตถุด้วยแสงเลเซอร์), Radar(สแกนวัตถุด้วยคลื่นวิทยุ)หรือ HD Map(แผนที่ความละเอียดสูง)นั้น Tesla กลับทำตรงกันข้ามเพราะการที่ได้กุนซืออย่างคุณอันเดรจมาร่วมทัพครับ

คุณอันเดรจกลับบอกว่า จะใช้อุปกรณ์แพงๆ ให้สิ้นเปลืองทำไม ในเมื่อเราสามารถ train(ฝึก)ให้ AI สามารถเห็นวัตถุใกล้, กลาง, ไกล(ตำแหน่งของวัตถุ) ผ่านกล้องได้ ซึ่งคนสมัยนั้นหาว่าแกเป็นคนบ้าครับ เพราะถ้าทำได้จริง Google ต้องหันมาใช้งานกล้องแทนระบบพวกนี้แล้ว

แต่ปรากฏว่า คุณอันเดรจทำได้จริงครับ โดยเค้าใช้เพียงกล้อง 1.2 ล้านพิกเซลหน้ารถ 3 ตัวและกล้องรอบคันอีก 5 ตัวในการ Generate(สร้าง)ภาพสามมิติขึ้นมาพร้อมกับใช้ CNN (Convolutional Neural Network) ในเปลี่ยนกล้องให้กลายเป็นลูกตาของรถคันนี้

BLINK DRIVE TAKE

ถ้าคุณอันเดรจย้ายกลับไปทำงานที่ OpenAI จริงๆ ภายใน 5-6 เดือนจากนี้ เราคงจะได้เห็นโปรเจคอะไรใหม่ๆ จากบริษัทนี้อีกครั้งแน่นอนแหละครับ

Stay tune, stay with BLINK DRIVE

Follow by Email