Blink Blink
TeslaUSA

Tesla Model 3 ได้คะแนนการทดสอบระบบช่วยขับดีสุดในบรรดารถทั้ง 5 รุ่น

สวัสดีครับวันนี้ผมเอาข้อมูลการทดสอบรถยนต์ไฟฟ้าในจีนมาฝากให้ทุกท่านได้ชมกันนะครับ การทดสอบครั้งนี้เป็นการทดสอบระบบช่วยเหลือการขับขี่หรือเรียกว่า Assisted Driving Test ซึ่งในบรรดารถที่เข้าร่วมทดสอบทั้งหมดนั้น Tesla Model 3 ทำคะแนนออกมาได้ดีที่สุด และที่สำคัญคือการทดสอบครั้งนี้ไม่มีการจ่ายเงิน sponsor เพื่อทดสอบครับ ทดสอบด้วยสื่อยานยนต์ชื่อดังของจีนอย่าง DongChedi ครับ

การทดสอบนั้นจะทดสอบจากถนนจริง คนขับคนเดิม สภาพแวดล้อมเหมือนกันทั้งหมดเพื่อให้การทดสอบไม่ bias (ลำเอียง)มากที่สุดครับ

รถที่เข้าทดสอบในการทดสอบครั้งนี้ได้แก่

  1. Tesla Model 3
  2. Nio ET5 (คันนี้ไม่ได้รับการให้คะแนนเพราะไม่มีระบบ Assistance driving ที่สมบูรณ์มาร่วมทดสอบ)
  3. Zeekr 01
  4. BYD Seal
  5. Changan SL03
  6. BYD Han EV

ก่อนการทดสอบนั้น ทางทีมงานได้ทำการ ตั้งค่าระบบการช่วยขับขี่ให้อยู่ในตำแหน่ง max หรือเต็ม 100 % ทั้งหมดครับ ไม่ว่าจะเป็นการเบรคฉุกเฉินหรือการ follow ระยะห่างจากคันหน้าก็ตั้งแบบปลอดภัยที่สุดเพื่อให้ระบบของรถทำงานได้อย่างเต็มที่ครับ

ด่านแรก : ทดสอบรถจอดติดไฟแดง 90 วินาทีและขับผ่านสี่แยกไฟแดง

ด่านนี้มีรถที่สามารถขับผ่านสี่แยกไฟแดงระหว่างที่รถจอดติดไฟแดง 90 วินาทีและเปลี่ยนเป็นไฟเขียวเพื่อให้รถขับไปเองได้เพียงคันเดียวซึ่งนั่นก็คือ Tesla Model 3 ครับ โดยทีมทดสอบแจ้งว่า แทบไม่ต้องป้อนคำสั่งอะไรให้กับรถเลย พอไฟจราจรเปลี่ยนสีแล้วรถคันข้างหน้าขยับไปปุ๊บตัวรถ Tesla Model 3 ก็ทำการขับเคลื่อนออกไปเหมือนกับคนอย่างมาก แถม Tesla Model 3 มี FSD Visualization ที่สามารถใช้กล้องอ่านไฟจราจรได้อย่างแม่นยำอย่างมาก

ส่วนรถที่เกือบจะสอบไม่ผ่านก็มี Zeekr001 และ Changan SL03 ที่เกือบจะสอบไม่ผ่าน

Changan SL03 นั้นมีปัญหาทันทีที่รถจอดติดไฟแดงมากกว่า 10 วินาที เพราะตัวรถจะต้องรอการป้อนคำสั่งอีกครั้งเพื่อทำการออกตัว โดยการกดปุ่ม activate ระบบ assistance driving

Zeekr01 ก็พอจะออกตัวได้ แต่เวลาออกตัวนี่กระชากแรงมากๆ คนที่ทดสอบบอกว่า นี่ไม่ควรจะเรียกว่าผ่านด้วยซ้ำ

รถที่สอบตกได้แก่ BYD Han และ BYD Seal

รถยนต์ไฟฟ้า BYD Han และ BYD Seal นั้นสอบตกตั้งแต่ด่านแรกเลยครับ อย่างที่บอกไปคือ ด่านแรกจะให้รถจอดติดไฟแดง 90 วินาทีโดยมีรถคันหน้าจอดคั่นให้ 1 คันเพื่อให้รถได้เรียนรู้เพื่อทำการขับตามออกตัวเวลารถคันหน้าออกตัวไปแล้ว แต่ปรากฏว่า รถทั้งสองรุ่นไม่สามารถออกตัวตามรถคันหน้าได้ทั้งๆ ที่ไฟจราจรเปลี่ยนสีจากแดงเป็นเขียวและรถคันหน้าขับไปแล้วครับ

คนที่ทดสอบแจ้งว่า เราทำเป็นต้องกดคันเร่งเพื่อให้รถออกตัวไม่งั้นรถจะอยู่ในตำแหน่งค้างหยุดอยู่กับที่และไม่ไปไหนเลยซึ่งอันตรายมากๆ เวลาใช้งานบนท้องถนนจริงๆ

ด่านที่สอง : ขับผ่านสี่แยกจราจร

ด่านนี้ปรากฏว่ามีแค่ Tesla คันเดียวที่สามารถขับผ่านสี่แยกไฟจราจรได้อย่างง่ายดายและสามารถขับตามรถคันข้างหน้าได้ทันที ทั้งๆ ที่ถนนตรงสี่แยกนั้นไม่มีเลนแล้ว

ส่วนอีกสี่คันที่เหลือ ขับผ่านไปไม่ได้เลย โดยบางต้องแจ้งเตือนให้คนขับจับพวงมาลัยเพราะระบบ Assistance Driving ไม่สามารถตรวจจับเลนบนท้องถนนได้ ระบบจึง deactivate ทันที บางคันระบบสามารถทำงานไปต่อได้แต่กลับกลายเป็นว่าไม่ขับตามคันหน้าแต่ขับออกนอกเลนถนนไปเลยครับ

ด่านที่สาม : รถปาดหน้า

ด่านนี้รถทุกคันสอบผ่านกันเกือบหมด มีแค่ BYD Seal ที่ดูเหมือนจะตอบสนองช้ากว่าเพื่อนๆ ทุกคันในกลุ่มครับ แต่ก็เกือบตกนะครับ

ด่านที่สี่ : เด็กข้ามถนน

ด่านนี้สอบตกทุกคัน(ยกเว้น Tesla Model 3) คือเบรคไม่อยู่ มีแค่ Tesla Model 3 คันเดียวที่เบรคทันนะครับ ดูระยะห่างการเบรคของ Tesla Model 3 ดีๆ นะครับ คือห่างกว่ารถชาวบ้านทั้งหมด ส่วนรถคันอื่นนั้นกว่าจะเบรคก็เหยียบเส้นจราจรแล้วครับ แต่มี 2 คันที่ขับชนเด็ก(ตุ๊กตา)บนท้องถนนครับ

คันนั้นก็คือ BYD Seal ครับ ชนตุ๊กตาลงไปนอนกับพื้นเลยครับ

ส่วนอีกคันคือ BYD Han EV ครับ อาจจะหลบเด็กคนแรกได้แต่ก็ไม่พ้นเด็กคนที่สองครับ

ส่วนอีกค่ายที่เหนือความคาดหมายคือ Zeekr 001 เบรคจนรถหยุดก็จริง แต่เหมือนตัวรถพยายามจะแทรกผ่านฝูงคนไปให้ได้ ในขณะที่ค่ายอื่นจะหยุดนิ่งสนิทนะครับ ท่าทางโปรแกรมเมอร์น่าจะเขียนโปรแกรมให้รถขับแบบรีบกระมั้งครับ ฮ่าๆ

ด่านที่ห้า : รถพยายามจะออกมาจากถนนเส้นรอง

เราจะเห็นจากภาพด้านบนว่ามีการจัดฉากให้เหมือนกับว่ามีรถพยายามจะออกมาจากถนนเส้นรองนะครับ ซึ่งไม่รอด BYD Seal เหมือนเดิมครับ ชนให้อย่างจัง

ในการสอบครั้งนี้ก็มีเพียงรถสองคันที่สอบไม่ผ่าน(ขับชนรถที่กำลังจะออกมา)ซึ่งนั่นก็คือ BYD Seal และ BYD Han ครับส่วนรถที่เหลืออีก 3 คันสอบผ่านนะครับ

ด่านที่หก : ขับหลบกรวยจราจรบนท้องถนน

ด่านนี้ปรากฏว่า ไม่มีรถคันไหนสามารถ detect (ตรวจจับ) กรวยบนท้องถนนได้เลย ยกเว้น Tesla Model 3 นะครับ รถที่สอบตกเหล่านั้นมองไม่เห็นกรวยในหน้าจอของรถและไม่ทำการชะลอหรือเบรคเลยครับ ส่วน Tesla Model 3 นั้นแจ้งเตือนเพื่อให้คนขับหักพวงมาลัย เนื่องจากรถ Tesla Model 3 ใช้เพียง Autosteer (autopilot ไม่สามารถเปิดได้ในถนนความเร็วต่ำ) ทำให้ตัวรถไม่สามารถเปลี่ยนเลนให้เองได้นะครับ

ด่านที่เจ็ด : หยุดรถเมื่อเจอคนข้ามถนนตอนกลางคืน

ด่านนี้มีความซับซ้อนนิดหน่อยคือ คนทดสอบจะทำการเลี้ยวซ้าย(จีนขับพวงมาลัยซ้ายนะครับ)เพื่อข้ามไปยังอีกถนนและจำลองสถานการณ์มีเด็กเดินตัดหน้าครับ ปรากฏว่า ตัวรถ Tesla Model 3 สามารถหยุดได้ทันท่วงทีส่วนค่ายอื่นนั้นสอบไม่ผ่านทั้งหมดครับ

รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นต่างๆ ต่างก็สอบตกเหมือนเคยครับ ไม่ว่าจะเป็น Zeekr 01,BYD Seal,Changan SL03, และ BYD Han EV ต่างไม่สามารถตรวจจับเด็กที่เดินบนท้องถนนได้เลย ส่วน Tesla Model 3 นั้นทำออกมาได้ดีมากๆครับ ตัวรถสามารถตรวจจับเด็กที่กำลังเดินข้ามถนนได้อย่างทันท่วงทีครับ

ด่านที่แปด : คนขี่จักรยานข้ามถนนช่วงกลางคืน

ปรากฏว่า มีแค่สองรุ่นที่สามารถตรวจจับคนขี่จักรยานข้ามถนนได้นั่นก็คือ Tesla model 3 และ Zeekr01 ครับ ส่วน BYD Han EV , Changan SL03, และ BYD Seal ชนแหลกเหมือนแจกโชคไปเลยครับ

ด่านที่เก้า : มีรถเสียข้างหน้าและมีรถเปิดไฟสูงสวนกลับมา

ด่านนี้ถือว่าหินกว่าด่านที่ผ่านมาทั้งหมดครับ ทดสอบความสามารถการมองของรถเต็มๆ เลยครับ โดยเจ้าหน้าที่ได้ทำการเอารถตู้ 1 คันมาจอดเลนฝั่งตรงข้ามพร้อมเปิดไฟสูงและเอารถ dummy (รถกระดาษ)มาวางเอาไว้ตรงเลนที่รถทดสอบจะขับไปจากนั้นเค้าก็ได้เปิดเครื่องพ่นควันเพื่อจำลองสถานการณ์ว่ามีหมอกปกคลุมอยู่บริเวณนั้น

การทดสอบครั้งนี้ก็เหมือนเคยครับ มีแค่สองรุ่นที่สามารถตรวจจับคนขี่จักรยานข้ามถนนได้นั่นก็คือ Tesla model 3 และ Zeekr01 ครับ ส่วน BYD Han EV , Changan SL03, และ BYD Seal ชนแหลกเหมือนแจกโชคไปเลยครับ

เหมือน BYD นี่เกิดมาเพื่อชนเกือบทุกการทดสอบจริงๆ ครับ และที่สำคัญคือรุ่น BYD Han จะชนหนักกว่าเพื่อนๆ ในกลุ่มทั้งหมดครับ

BLINK DRIVE TAKE

สิ่งที่ผมอยากบอกตรงนี้ว่า Tesla Model 3 ที่เอามาทดสอบนั้นเปิดแค่ Autosteer นะครับ ไม่ใช่ autopilot หรือ FSD Beta ซึ่งตัว Autosteer นั้นเป็นเทคโนโลยีเมื่อ 4 ปีที่แล้วของ Tesla ครับ

ถ้าชาวจีนท่านนี้ได้ FSD Beta ไปทดสอบแล้วล่ะก็ผมมองว่าผลการทดสอบมันจะฉีกกว่านี้เป็นแน่แท้ครับ

ปล. ผมทิ้งคลิปการทดสอบ Tesla FSD Beta กับพี่ต้อม iMoD เอาไว้ตรงนี้ให้ทุกคนได้ศึกษากันนะครับ

Stay tune, stay with BLINK DRIVE

Follow by Email